ตอนที่ 147 – การใช้กฎ
ชายหนุ่มก็คือชิ่งไฮวของบ้านสี่ตระกูลชิ่ง
เขามองป่าไม้ที่ห่างไปไม่กี่เมตร ชี้ไปที่เห็ดลักษณะประหลาดกลุ่มหนึ่งแล้วถามนายทหารอายุสามสิบกว่าปีว่า “พี่เฉาเวย นั่นคืออะไร”
ที่นั่นมีซากสัตว์ซึ่งไม่รู้ชื่ออยู่หนึ่งซาก บนซากศพมีเห็ดสีสดงอกอยู่เต็ม
เฉาเวยกล่าวกับชายหนุ่มที่เดินมาคนนั้นว่า “ผู้บัญชาการ นั่นเป็นซากของลิงคาปูชิน* ตัวหนึ่ง สิ่งที่งอกบนร่างมันคือเห็ดหน่อ เห็ดหน่อหลังโตเต็มที่จะแตกระเบิดออก สปอร์ของมันจะอาศัยพลังจากการระเบิดนี้เข้าไปในผิวหนังสัตว์ สุดท้ายเป็นปรสิตดูดกินสารอาหารจากตัวสัตว์ โตเป็นเห็ดหน่อใหม่”
เพราะว่าพลังระเบิดไม่ได้ใหญ่โต สัตว์ที่ถูกระเบิดจนบาดเจ็บพวกนั้นจะไม่ตายทันที
ดังนั้นพวกมันจะมีชีวิตต่อไปกับสปอร์พวกนั้นจนกระทั่งสปอร์ดูดสารอาหารบนตัวพวกมันจนหมดสิ้น
เฉาเวยกล่าวว่า “ผู้บัญชาการชิ่งไฮวครับ เริ่มกันเถอะ”
พูดแล้ว ชิ่งไฮวโบกมือไปด้านหลัง
กลับเห็นพลทหารไม่กี่คนคุ้มกันชาวป่าที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งไม่กี่คนมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ มีคนแก่มีคนวัยกลางคนมีเด็กหญิงตัวน้อย
พลทหารนายหนึ่งชัดมีดออกจากข้างเอว จี้ไปที่เอ็นร้อยหวายของเด็กหญิง กล่าวกับชาวป่าที่เหลือว่า “เริ่มเถอะ ทำตามที่พวกเราตกลงกันก่อนหน้านี้”
เด็กหญิงร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว ชาวป่าไม่กี่คนมองดูชั้นในของสถานที่ต้องห้ามด้วยใบหน้าสีเทาดุจคนตาย
ปู่ของเด็กหญิงเดินเข้าชั้นใน เขาแก้กางเกงแล้วหันหลังไป ปัสสาวะลงบนพื้น
วินาทีถัดมา ปู่ตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง เห็นแค่ว่าบนพื้นจู่ ๆ มีมดจำนวนนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาคลานไปบนตัวเขา กัดกินเลือดเนื้อทั้งเป็น ๆ
ชิ่งไฮวมองไปทางหญิงชราและชายกลางคนด้านข้างอีก ส่งสัญญาณให้พวกเขาดำเนินการต่อ
ชายกลางคนเอ่ยเสียงต่ำว่า “แม่ ลงมือเถอะ เพื่อนันนัน”
พูดจบ หญิงชราคนนั้นหยิบปืนพกหนึ่งกระบอกขึ้นมาอย่างสั่นเทา เดินเข้าชั้นในแล้วยิงใส่พื้นหนึ่งนัด
ในพริบตา มดที่เดิมทีกัดกินปู่ของเด็กหญิงหันหน้าไปกระโจนใส่หญิงชราโดยพร้อมเพรียง
ชายกลางคนจูงมือภรรยาเดินไปอย่างสั่นสะท้านด้วยความกลัว ทั้งสองคนประสานสายตาแล้วกอดกันแน่น
ผู้หญิงสบถคำหลายหนึ่งคำ จากนั้นถูกมดกลืนกิน
ผู้ชายมองดูภรรยาตายอย่างทรมานด้วยความเจ็บปวด แล้วถ่มน้ำลายลงพื้น
และตัวเขาเองก็ถูกฝูงมดรุมทึ้ง
ผ่านไปแค่ห้าหกนาที คนทั้งหมดล้วนเหลือเพียงโครงกระดูก
ชิ่งไฮวมองไปทางเด็กหญิงอย่างยิ้มแย้ม “ฉันเคยรับปากครอบครัวเธอว่า พวกเขาทำตามที่ฉันพูดก็จะปล่อยเธอไป เอาล่ะ ตอนนี้ไปเถอะ”
พูดจบ เขาปล่อยมือ
เด็กหญิงร้องไห้คร่ำครวญ แต่ไม่ได้วิ่งหนีไปเลย กลับโถมตัวไปบนโครงกระดูกนั่น ร้องเรียกญาติ
มดพวกนั้นยังไม่ได้แยกย้ายไปหมด หลังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเหยื่อก็ปีนขึ้นไปบนตัวของเด็กหญิงอีกครั้ง
เหล่าพลทหารที่ตั้งแถวอยู่ด้านหลังล้วนมองทุกสิ่งนี้อย่างเฉยเมย ในแววตาไม่มีคลื่นลมสักเศษเสี้ยว
ชิ่งไฮวกล่าวกับเฉาเวยว่า “พี่เฉาเวย ไม่มีปัญหาแล้ว”
ห้ามใช้อาวุธปืน ห้ามพูดคำหยาบ ห้ามถ่มน้ำลายเรี่ยราด ห้ามขับถ่ายเรี่ยราด
ทหารสหพันธรัฐเหล่านี้จับตัวชาวป่ามาหนึ่งครอบครัวก็แค่เพื่อดูว่ากฎที่ตนเองได้รับมาเป็นความจริงหรือไม่
เฉาเวยมองส่วนลึกของชั้นในแล้วกล่าวว่า “ผู้บัญชาการชิ่งไฮวครับ ถ้าต้องการมุ่งหน้าต่อไป ผมแนะนำว่าให้ระเบียบพักชั่วคราว”
ชิ่งไฮวพยักหน้าช้า ๆ “ระเบียบพักอยู่กับที่”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเสริมอีกประโยคว่า “พี่เฉาเวย เหนื่อยหน่อยนะครับ”
“ผู้บัญชาการเกรงใจไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ผมสมควรทำ” เฉาเวยพูดจบก็เดินไปที่หน่วยทหารข้างหลัง
เฉาเวยแห่งกองพลตระกูลชิ่งนับได้ว่าเป็นนามที่ค่อนข้างโด่งดัง อายุน้อย ๆ ก็ไปถึงแรงก์ C แล้ว
ในทัวนาเมนต์ต่อสู้ของกองพลแต่ละครั้ง เฉาเวยเป็นแชมป์สองกองพล ในการฝึกรบจริง เขาก็อยู่ในกลุ่มที่ดีที่สุด
ล้อมปราบป่ารวม 17 ครั้ง เหรียญตราที่ได้รับในการต่อสู้สามารถแขวนเต็มปกเสื้อ
ยศทหารก็เลื่อนขึ้นจนถึงพันตรี เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง
แต่ทว่าสองปีก่อนจู่ ๆ เฉาเวยเมาแล้วก่อเรื่องในการฝึกซ้อม จึงถูกลงโทษวินัยทางทหาร ส่งไปเป็นเสนาธิการในกองร้อย
เวลานั้นคนมากมายคิดว่า เฉาเวยที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้เหตุใดจึงทำความผิดประเภทนี้ในตอนที่อนาคตกำลังสดใส
อีกทั้ง เฉาเวยเป็นสายบังคับบัญชาโดยตรงของบ้านสี่ตระกูลชิ่ง ในกองพลที่สองสหพันธรัฐ อำนาจของฝ่ายตระกูลชิ่งใหญ่ที่สุด เหตุใดไม่มีคนปกป้องเขาด้วยล่ะ
จนกระทั่งสองสัปดาห์ให้หลัง ชิ่งไฮวจบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารหัวจ่ง เข้าไปเป็นหัวหน้าของกองร้อยสนามที่เฉาเวยอยู่
คนทั้งหมดจึงเข้าใจว่าที่แท้ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เตรียมให้ชิ่งไฮว
รวมถึงทหารทั้งหมดในกองร้อยสนามนี้ก็เป็นสายบังคับบัญชาโดยตรงของบ้านสี่ตระกูลชิ่ง ถูกบ้านสี่ใช้วิธีการต่าง ๆ นานาย้ายมาที่กองร้อยสนาม
เฉาเวยและเหล่าทหารไม่มีอะไรให้บ่น พวกเขาทราบจุดหนึ่งอย่างชัดเจนมาก : บ้านสี่เป็นหนึ่งในฝ่ายที่ทรงอิทธิพลที่สุดในหมู่ฝักฝ่ายตระกูลชิ่ง ชิ่งไฮวเป็นคนที่มีศักยภาพที่สุดในบ้านสี่
ทุกคนแค่ต้องมีชีวิตรอดผ่านสังเวียนแห่งเงา อย่างนั้นการที่การงานของพวกเขาจะพุ่งฉิวก็อยู่แค่ปลายนิ้วแล้ว
สักวันหนึ่งชิ่งไฮวจะกลายเป็นผู้นำตระกูลชิ่ง อย่างนั้นการได้รับสูญเสียในระยะสั้นนี้ก็จะไม่สำคัญแล้ว
ขณะนี้
ทหารหนึ่งร้อยกว่าคนเงียบตรงเงียบ ๆ หลังได้รับคำสั่งของเฉาเวย คนทั้งหมดล้วนหยิบถุงซีลหนึ่งใบจากในกระเป๋าเดินทาง แก้ไขปัญหาจำเป็นทางร่างกายของตนเองอยู่กับที่
พวกเขาสีหน้าเคร่งเครียด ยืนปักหลัก ใช้แขนทรงพลังคุมสถานการณ์ไม่ให้ปัสสาวะกระเซ็นไปนอกถุงซีล
หลายนาทีต่อมา ทุกคนปิดผนึกซีลสองชั้นของปากถุงซีลให้แน่นอย่างตั้งใจ จากนั้นหน่วยรบแต่ละหน่วยรวบรวมไว้ด้วยกันแล้วฝังไว้ในป่าไม้ด้วยกัน
ตลอดกระบวนการ ไม่มีใครพูด ไม่มีใครคุยกัน
คนเหล่านี้ไม่ได้พกพาอาวุธปืน แล้วก็เตรียมถุงซีลมาโดยเฉพาะ
แสดงว่าก่อนพวกเขาเข้าสถานที่ต้องห้ามก็ทราบกฎบางข้ออย่างชัดเจนแล้ว
แต่ทว่าตอนที่เพิ่งจะฝังกลบเสร็จ ในชั้นในของสถานที่ต้องห้ามจู่ ๆ เกิดเสียงซู่ซ่าอย่างหนาแน่น คล้ายกับว่ามีนักล่ากำลังเคลื่อนเข้าใกล้อย่างเงียบเชียบ
ทุกคนมองไปทางที่เสียงดังขึ้น แต่ไม่ค้นพบอะไรทั้งนั้น
“สภาวะพร้อมรบ” เฉาเวยกล่าวเสียงเย็น
คำพูดเพิ่งเปล่งออกมา กลับเห็นว่าสีหน้าของทหารนายหนึ่งจู่ ๆ กลายเป็นสีม่วง เขาดิ้นรนส่งเสียงว่า “ช่วยผมด้วย”
ทหารนายอื่นมองไปที่เขา แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทหารนายนี้ค่อย ๆ ล้มลงพื้น ลูกตาแดงอย่างกับเพิ่งจะจุ่มเลือด
ไม่มีใครเข้าไปใกล้อย่างบุ่มบ่าม มีเพียงเฉาเวยเดินช้า ๆ ไปที่ข้างกายเขา ใช้มีดหนึ่งเล่มค่อย ๆ แงะเปิดปากของทหารนายนี้ ช่องปากและลิ้นข้างในเน่าไปหมดแล้ว
เขาตัดขากางเกงของอีกฝ่ายอีก
กลับเห็นว่าท่อนขาของทหารกลายเป็นสีดำแล้ว ปากแผลเน่าจนเละ อย่างกับว่าโดนกรดกำมะถันกัดกร่อน
เฉาเวยสังเกตอย่างจริงจัง “นี่คือ……”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ในที่ไม่ไกลมีพลทหารอีกนายล้มลงพื้นด้วยอาการเดียวกัน คนแล้วคนเล่า ในเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วินาทีถึงกับมีทหารสิบกว่าคนติดเชื้อ
ทหารนายอื่นอยากจะช่วยคน แต่สหายรบของพวกเขาตายเร็วเกินไป อยากจะทำอะไรล้วนไม่ทันกาล
มีคนมองไปทางหน้าจอแสดงผลในมือ นั่นเป็นภาพสแกนที่ฝังอยู่ในสมองของสุนัขจักรกล สิ่งที่น่าประหลาดคือแม้แต่ภาพสแกนก็ไม่ค้นพบความผิดปกติอันใด
เวลานี้
จังหวะการตายหยุดลงสั้น ๆ
“นับจำนวนคน!” เฉาเวยถามอย่างโมโห
“เรียนผู้บัญชาการ จำนวนคนตาย 24 …… ผู้บัญชาการครับ หมวดหกตายทั้งหมดเลยครับ!”
หนึ่งหมู่มี 8 คน หนึ่งหมวดมีสามหมู่ ทั้งสิ้น 24 คน
“แย่แล้ว” เฉาเวยจู่ ๆ เงยหน้ามองไปทางชิ่งไฮว
ชิ่งไฮวเอ่ยเสียงเย็นว่า “มีคนกำลังใช้กฎลอบฆ่าพวกเรา ในสถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002 มีคนอื่นมาแล้ว!”
ว่าแล้ว ชิ่งไฮววิ่งไปทิศทางตอนที่พวกเขามาก่อนใคร แคล่วคล่องว่องไวอย่างยิ่ง
เฉาเวยขบฟันพูดกับทหารกองร้อยสนามที่ยังคงมีชีวิตว่า “ใช้ขบวนทัพยุทธวิธีตามมา เตรียมพร้อมต่อสู้”
พวกเขามีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้าเป็นสัตว์ร้ายหรือพืชพรรณในป่าไม้โจมตี สหายรบของพวกเขาจะไม่ตายเป็นระเบียบอย่างนี้โดยเด็ดขาด หายไปทั้งหมวดพอดีเลย
แต่สรุปว่าอีกฝ่ายใช้กฎข้อไหนล่ะ?!
กองร้อยสนามภายใต้การนำของชิ่งไฮวเดินทัพกลับทางเดิมด้วยความเร็วเต็มพิกัด
ระหว่างทางมีทหารตายไม่หยุดตลอดเวลา ประดุจว่ามีพลังที่ไม่อาจต่อต้านครอบคลุมพวกเขา เสมือนว่าเทพแห่งความตายจุติ
หลังจากวิ่งไปไม่กี่กิโลเมตร ชิ่งไฮวจู่ ๆ ชะงักฝีเท้า เขามองหลุมกลบฝังที่ถูกขุดขึ้นทุก ๆ หลุมตรงหน้า เงียบงันไม่ส่งเสียงสักคำ
ในหลุมที่ถูกขุดพวกนั้นเป็นถุงซีลที่ถูกคนตัดขาดทีละใบ นี่เป็นหลุมที่พวกเขาขุดตอนขับถ่ายเมื่อสองชั่วโมงก่อน
มีคนบังคับให้พวกเขาละเมิดกฎ “ไม่สามารถถ่ายหนักถ่ายเบาเรี่ยราด”!
ก่อนหน้านี้ ใครจะคิดได้ว่าจะมีคนใช้กลอุบายที่เลวทรามขนาดนี้
ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีใครคิดถึงว่าคนอื่นตัดถุงซีลที่ฝังดีแล้วพวกนี้ สถานที่ต้องห้ามถึงกับจะคิดบัญชีเอากับตัวเจ้าของปัสสาวะดั้งเดิม!
อีกฝ่ายไม่เพียงรู้กฎไม่สามารถถ่ายหนักถ่ายเบาเรี่ยราด อีกทั้งความเข้าใจก็ล้ำลึกยิ่งกว่าพวกเขา
แต่นี่ก็เลวทรามเกินไปแล้วรึเปล่า!
“อีกฝ่ายไม่ได้ไปไกล เห็นพวกเรามาแล้วถึงจากไป” ชิ่งไฮววิเคราะห์อย่างเยือกเย็น เพราะว่ายังมีหลุมกลบฝังหนึ่งหลุมที่เพิ่งจะขุดได้ครึ่งทาง
เวลานี้
“ใคร?!” เฉาเวยจู่ ๆ มองไปในป่าไม้ที่ไกลกว่านี้
ในที่ไกล ๆ ของป่าไม้ กำลังมีร่างคนคนหนึ่งจับตามองพวกเขาเงียบ ๆ ทำท่าปาดคอ
จากนั้นหายลับไปในความมืดมิดอย่างรวดเร็ว
…………………………….
*ลิงคาปูชิน ในต้นฉบับคือคำว่า 卷尾猴 แปลตรง ๆ ว่าลิงหางม้วน นี่เป็นสัตว์พื้นเมืองของอเมริกากลางกับอเมริกาใต้ค่ะ
ส่วนเห็ดหน่อน่าจะเป็นสิ่งที่คนเขียนเมคขึ้นมาเอง เพราะว่ากูเกิลไม่เจอ
ตอนที่ 148 – ไม่ใช่พันธนาการ