ตอนที่ 20 – กลุ่มแชตของผู้ทะลุมิติ
“ดูท่าจะไม่มีทางออกจากเมืองลั่วแล้ว” เจียงเสวี่ยหลังจากซื้อตั๋วรถไฟล้มเหลวก็ลองซื้อตั๋วเครื่องบินอีก ผลคือเป็นเหมือนกัน
ล้วนออกตั๋วล้มเหลว
องค์กรเร้นลับนี้ช่างทรงอำนาจ ชิ่งเฉินยังไม่คิดที่จะถูกขังอยู่ในเมืองเมืองหนึ่ง ดังนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีเป้าหมายใด ตนเองยังคงไม่เปิดเผยตัวตนออกไปก่อนจะดีกว่า
เจียงเสวี่ยจู่ ๆ ก็ถามว่า “จริงสิชิ่งเฉิน ทำไมสองวันนี้ไม่เห็นพ่อแม่ของคุณเลย คุณอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอ”
“อืม” ชิ่งเฉินพยักหน้า “พวกเขาหย่ากันแล้ว ผมอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียว จริงสิน้าเจียงเสวี่ย คุณทำงานอะไร”
“ฉันเป็นครูศิลปะของโรงเรียนประถมไป๋หม่า* ข้าง ๆ” เจียงเสวี่ยไม่ได้พูดเรื่องอื่น ๆ มากนัก เธอลุกขึ้นเก็บชามและตะเกียบบนโต๊ะ “ฉันไปล้างจานนะ”
“ไม่ต้องครับ คุณทิ้งไว้นั่นก็ได้ อีกเดี๋ยวผมค่อยล้าง” ชิ่งเฉินกล่าว
“ไม่ได้ ให้คุณทำอาหารให้แล้ว จะให้คุณล้างจานอีกได้ยังไง” เจียงเสวี่ยเข้าไปในครัวอย่างไม่สนใจ ทิ้งชิ่งเฉินกับหลี่ถงอวิ๋นไว้ในห้องนั่งเล่น
ตอนนี้สาวน้อยหลี่ถงอวิ๋นจู่ ๆ ก็ลดเสียงลงต่ำกล่าวว่า “พี่ชาย ก่อนหน้านี้พี่ไม่เคยมองตาแม่หนูตรง ๆ เลย วันนี้คงไม่ใช่ว่าเห็นเขาสวยเลยเชิญเขาเข้าห้องขึ้นมาเองหรอกนะ”
ชิ่งเฉินใบ้กิน “นี่มันมั่วไปไหนแล้ว อย่าคิดเหลวไหล”
“แม่หนูที่จริงแล้วสวยมากนะ” หลี่ถงอวิ๋นกระซิบเสียงเบา ๆ
ชิ่งเฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ความฉลาดของเด็กน้อยสมัยนี้ก็เยอะเกินไปแล้วปะ
ทว่าตนเองไหนเลยจะเป็นเพราะเจียงเสวี่ยสวย มันเป็นเพราะบนตัวของอีกฝ่ายมีเรื่องที่ตนเองอยากรู้ อย่างเช่นองค์กรเร้นลับ อย่างเช่นโลกภายใน
เจียงเสวี่ยทำงานเร็วมาก ไม่นานกนักก็ล้างจานกับตะเกียบทั้งหมดในอ่างล้างจานจนสะอาด เธอเห็นว่าในห้องน้ำยังมีเสื้อผ้าสกปรกก็เลยหยิบเสื้อผ้าพวกนี้ขึ้นมากอดกับอก “ชิ่งเฉิน คุณคนเดียวใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ก็ไม่ง่าย ทีหลังมีเสื้อผ้าสกปรกก็ส่งมาให้น้า น้าจะช่วยคุณซัก ไปเสี่ยวอวิ๋น กลับบ้าน พี่ชิ่งเฉินของลูกยังต้องทบทวนการบ้าน”
“เดี๋ยวครับ ผมซักเองได้…….”
คำพูดของชิ่งเฉินยังไม่ทันพูดจบ เจียงเสวี่ยก็ลากหลี่ถงอวิ๋นไปแล้ว ไม่ให้โอกาสเขาได้ทันตั้งตัวเลย
ชิ่งเฉินยืนตะลึงอยู่ในห้องเล็ก ๆ มืดสลัว เขาคาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างนี้
เขากลับไปที่ห้องนอนค่อย ๆ นอนหงายบนเตียง ใคร่ครวญว่าตนเองในอนาคตควรจะทำอย่างไร
ในกลุ่มแชตห้องเรียนมีข้อความยังไม่ได้อ่าน 999 ข้อความแล้ว ทุกคนล้วนถกกันเกี่ยวกับเรื่องของผู้ทะลุมิติ
แม้กระทั่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเจียงเสวี่ยคืนนี้ก็ค่อย ๆ กลายเป็นหัวข้อพูดคุยของชาวเมืองลั่ว บางทีพรุ่งนี้อาจจะขึ้นฮอตเสิร์ชด้วย
พวกนักเรียน, พวกชาวออฟฟิศ แม้แต่คนใหญ่คนโตอย่างแท้จริงล้วนให้ความสนใจกับคำผู้ทะลุมิติสามคำนี้
เขากวาดมองประวัติแชตของกลุ่มแชตห้องเรียน เมื่อไหร่ที่มีคนถกถึงคุณลักษณะของผู้ทะลุมิติ หนานเกิงเฉินเป็นต้องออกตัวมาพูดประมาณว่าผู้ทะลุมิติพวกนี้จะต้องโดดเด่นเป็นพิเศษแน่ ๆ ……
ณ ขณะนี้ บอกตามตรงชิ่งเฉินคาดหวังอยู่นิดหน่อยว่าหนานเกิงเฉินจะทะลุมิติไปในเรือนจำหมายเลข 18
ถึงแม้เป็นอย่างนี้ตนเองจะไม่มีทางปิดบังตัวตน แต่ในเวลานั้น สีหน้าของหนานเกิงเฉินเกรงว่าคงน่าดูชมเป็นพิเศษเลย
ชิ่งเฉินเปิดเว็บค้นหา อยากดูว่าไกด์ของเหอเสี่ยวเสี่ยวปล่อยออกมาแล้วหรือไม่ ทว่าห้องไลฟ์ของอีกฝ่ายยังคงมืดสนิท ไม่มีข่าวสารปล่อยออกมาสักนิดเดียว
เขามองวีแชตอีกรอบ แม่ของเขายังไงไม่ได้ส่งข้อความมา
ตอนที่เขาเตรียมจะนอน จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา
ชื่อผู้โทร : แม่
ชิ่งเฉินลุกขึ้นนั่งรับสายโทรศัพท์ “ครับ?”
จางหวั่นฟางที่อีกปลายสายกล่าวว่า “เสี่ยงเฉิน แม่ส่งค่าใช้จ่ายให้พ่อลูกแล้วนะ”
ทว่าชิ่งเฉินไม่ได้เห็นค่าใช้จ่ายมานานมากแล้ว
“แม่ สัปดาห์นี้……” ชิ่งเฉินอยากจะพูดว่าต้องจ่ายค่าหนังสือ แต่ยังไม่รอให้ชิ่งเฉินพูดจบ จางหวั่นฟางก็กล่าวขึ้นมาในโทรศัพท์ว่า “ฮ่าวฮ่าวจู่ ๆ ก็ไข้ขึ้น สุดสัปดาห์ไม่ไปเจอลูกแล้วนะ เข้านอนแต่หัววันเถอะ เรียนหนังสืออย่าล้าหลังล่ะ”
“อืม ครับ” ชิ่งเฉินพูดจบแล้วก็วางสาย
ในที่สุดเขาก็รอจนได้โทรศัพท์ แต่อีกฝ่ายเหมือนจะจำเรื่องที่ตนเองโดดเรียนไม่ได้แล้ว
แต่ว่า ช่างมัน
ขณะนี้เอง
“ชิ่งเฉินชิ่งเฉิน อยู่ไหมอยู่ไหมอยู่ไหม” หนานเกิงเฉินส่งข้อความมากลางดึก
“เรื่องอะไร” ชิ่งเฉินถาม
“ฉันเพิ่งจะเจอกลุ่มหนึ่งในเน็ต บอกว่าต้อนรับผู้ทะลุมิติทุกคนเข้าไปพูดคุยกัน นายไปไหม ฉันจะส่งโค้ดเชิญให้นาย” หนานเกิงเฉินกล่าวอย่างตื่นเต้นกระตือรือร้น ท่าทางอย่างกับเป็นผู้ทะลุมิติแล้ว
ชิ่งเฉินกล่าวว่า “เราสองคนไม่ใช่ผู้ทะลุมิติ เข้าไปทำไร”
ด้านหนานเกิงเฉินชะงักไป “เข้าไปร่วมสนุกไง อาจจะสามารถรู้ข่าวใหม่ ๆ สักหน่อยนะ เผื่อวันหนึ่งเราสองคนล้วนสามารถทะลุมิติ ไม่ใช่ว่าจะสามารถรู้ข้อมูลล่วงหน้าเหรอ”
“ฉันไม่ไป นายไปเหอะ” ชิ่งเฉินกล่าว
ขณะนี้เขาไม่ได้รู้สึกสนใจกลุ่มแชตผู้ทะลุมิติเลย ถ้าเผื่อเป็นกับดักที่องค์กรเร้นลับนั่นขุดขึ้นมารอให้ทุกคนกระโดดลงแหด้วยตัวเองขึ้นมาล่ะ?
อาจจะไม่ได้อันตรายอะไร แต่เขาก็ไม่คิดจะถูกจำกัดอิสรภาพ
ก็มีแต่พวกซื้อบื้ออย่างหนานเกิงเฉินที่เกิดเรื่องคึกคักอะไรก็ลุกไปมุงหมด
“นายไม่ไปก็ช่าง ฉันเข้าไปเล่นนะ” หนานเกิงเฉินกล่าว
พูดจบแล้ว หนานเกิงเฉินก็ไม่ส่งข้อความอีก
ผ่านไปอีกพักหนึ่ง ชิ่งเฉินเพิ่งจะง่วงนิดหน่อย หนานเกิงเฉินก็โผล่มาอีกแล้ว “ชิ่งเฉิน……”
“ทำไมอีก?” ชิ่งเฉินถามอย่างจนใจ
“เจ้าของกลุ่มแชตนั่นบอกว่าตัวเองเป็นผู้ทะลุมิติ ยังบอกว่าเขาเอาถุงเท้าไฮเทคหลายร้อยคู่กลับมาจากโลกภายใน ไม่เพียงกันกลิ่นกันเหงื่อ ยังาสามารถทำให้คนวิ่งเร็วเหมือนบิน ยืดอายุ บอกว่าสามารถใช้นาโนเทคโนโลยีกดจุดอะไรเนี่ยแหละ…… นายอยากได้สักสองคู่ไหม” หนานเกิงเฉินถาม
ชิ่งเฉิน “???”
เทพบ้านไหนเนี่ยเอาถุงเท้ากลับจากโลกภายใน!
สแกมเมอร์สมัยนี้ก็ตลกเกินไปปะ อะไรฮิตหน่อยก็สามารถเกาะกระแสได้หมดเหรอ
เขารู้ว่ากลุ่มแชตผู้ทะลุมิตินี้พึ่งไม่ได้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะพึ่งไม่ได้ขนาดนี้
ชิ่งเฉินถามว่า “นายซื้อไหม”
หนานเกิงเฉินตอบกลับมาว่า “ฉันไม่มีเงินปะ มีเงินไม่แน่ว่าจะสามารถซื้อสักคู่มาลองดู……”
ชิ่งเฉินอดกลั้นอยู่ครึ่งค่อนวัน “……สุดยอด”
หนานเกิงเฉินกล่าวต่อว่า “ในกลุ่มยังมีผู้ทะลุมิติบอกว่าตัวเองได้ยาแปลงพันธุกรรมของโลกภายใน หลังจากกลืนลงไปสามารถกลายเป็นผู้เหนือมนุษย์”
“อืม คนในกลุ่มยังพูดอะไร”
“ในกลุ่มยังมีผู้ทะลุมิติบอกว่าเขาอยู่ฝั่งนั้นรู้จักผู้หญิงรวย ๆ เงินเยอะมากหลายคนที่อยากได้เด็ก เขาสามารถช่วยแนะนำให้รู้จัก”
“อืม คนในกลุ่มยังพูดอะไร”
ชิ่งเฉินเข้าใจเป็นส่วนใหญ่แล้ว กลุ่มนี้ที่จริงแล้วรวมเอาพวกสแกมเมอร์มาไว้ด้วยกัน
เขาถึงขนาดระแวงว่าในกลุ่มนั้นนอกจากหนานเกิงเฉิน ทั้งหมดล้วนเป็นสแกมเมอร์ มีแต่หนานเกิงเฉินที่ซื้อบื้อ
……………………………..
*ไป๋หม่าแปลว่าม้าขาวนะคะ ก่อนหน้านี้มีพูดถึงวัดม้าขาว ตอนนี้มีโรงเรียนม้าขาว อนุมานได้ว่าเมืองลั่วก็คือลั่วหยางค่ะ (วัดม้าขาวเป็นวัดดังในลั่วหยาง)
ตอนที่ 21 – ภาคเสริมสังเวียนแห่งเงา
เราตัดสินใจเปลี่ยนคำแปลจากการฟันฝ่าแห่งเงาเป็นสังเวียนแห่งเงานะคะ