ตันหวายเบิ่งตากว้าง เมื่อรอจนได้สติกลับคืนมา คนที่เพิ่งฉวยโอกาสล่วงเกินเขาเมื่อครู่ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เดินแกว่งมือพร้อมเท้าไปจนถึงอ่างสำริดสภาพชำรุดทรุดโทรม ตันหวายมองเห็นภาพเลือนรางกลุ่มหนึ่ง แม้จะพร่าเลือน แต่ตันหวายรู้ว่าใบหน้าของตนต้องแดงมากแน่ๆ แดงตั้งแต่ลำคอขึ้นมาถึงปลายหูเลยทีเดียว
“อ่ะแฮ่ม ระบบ นี่ถือว่าผมสำเร็จตามแผนแล้วสินะ” ตันหวายรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ไม่รู้ด้วยว่าระบบเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้หรือไม่
ระบบนิ่งเงียบไปชั่วครู่
(ขออภัยท่านเจ้าของร่าง จากการตรวจสอบระบบ ค่าความประทับของจวินเฉิงต่อตัวท่านขณะนี้คงระดับที่แปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ท่านยังไม่สำเร็จตามแผน โปรดพยายามต่อไป)
!!!
ตันหวายลุกพรวดขึ้นมา เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ใบหน้าแดงระเรื่อแทบหายวับไปกับตา
“คุณไม่ได้หลอกผมใช่ไหม!?”
(ใช่แล้ว ค่าความประทับใจของระบบสูงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปจึงจะถือว่าสำเร็จ)
ตันหวายสูดหายใจลึกสองสามที เส้นเลือดปูดโปน ตอนนี้เขาควบคุมตัวเองไม่ให้นึกด่ากราดไม่ไหวแล้ว คนโบราณเปิดกว้างกันขนาดนี้เชียวหรือ? ค่าความประทับใจไม่เฉียดเก้าสิบด้วยซ้ำ เขาถึงกับจูบเขาเลยนะ!
ตันหวายที่กำลังอารมณ์เสียพบว่าระบบประกาศอีกแล้ว
(ท่านเจ้าของร่าง ระบบ H3883 ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า ภารกิจลับจะสิ้นสุดลงภายในเวลา 21 ชั่วโมง ท่านเจ้าของร่างโปรดรีบดำเนินการ อีกเจ็ดชั่วโมงเสียนเฟยจะปรากฏตัวที่สวนโบตั๋นในอุทยานหลวง)
ตันหวาย “…” เอาภารกิจเอ็งไปไกลๆ ส้นอั๊วเลย!
แน่นอน ต่อให้สาปส่งภารกิจของมันอย่างไร วันต่อมาตันหวายก็ตื่นแต่เช้าตรู่ไปอุทยานหลวงอยู่ดี
ลูบหัวแมวมอมแมมในอ้อมแขน ตันหวายหรี่ตา จุ๊ๆ ตันฝูเซิงผู้นี้ทำเกินไปแล้วล ลำบากแค่ไหนก็ไม่น่าปล่อยเจ้าลูกแมวน้อยให้ลำบาก
แมวในอ้อมแขนเป็นแมวส้มตัวหนึ่ง ลวดลายสีขาวพาดขวางบนลำตัว ที่พิเศษคือหางเป็นสีขาวล้วน มองทั้งตัวแล้วยังนับว่าสวยงาม เพียงแต่ด้วยความสกปรกมอมแมมในตอนนี้ สวยงามแค่ไหนคนอื่นเขาก็ทำใจชอบไม่ลง
ตันหวายลูบหัวแมวอย่างรังเกียจ คิดในใจว่ากลับไปแล้วจะต้องอาบน้ำให้มันเป็นอย่างแรก
แมวตัวนี้ไม่ใช่พันธุ์แท้ เรียกได้ว่าเป็นแมวที่ราคาถูกที่สุดในตลาดแล้ว แต่ตันฝูเซิงกลับเลี้ยงมันมาตั้งนาน ทั้งยังพาเข้าวังหลวงมาด้วย
เพียงแต่ว่า หลังจากตระกูลตันถูกประหารชั่วโคตรตันฝูเซิงก็ไม่ได้สนใจมันอีก ดูท่าจะเกลียดเหอจินหมิงจนเอามาลงกับแมวแทน
เมี๊ยว ~
แมวส้มถูไถไปมาใต้อุ้งมือของตันหวาย ออดอ้อนอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
ตันหวายฟังแล้วก็ใจอ่อนยวบยาบ พลางกอดเจ้าแมวในอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก ผู้ชายคนนั้นเห็นเจ้าลูกแมวน้อยอ่อนแอน่าสงสารที่ร้องเหมียวๆ อยู่ในอ้อมกอดเขาแล้วเมินเฉยได้ลงคอเชียวหรือ? ไม่ว่าอย่างไรตันหวายก็ทำไม่ได้
“เด็กดี อีกประเดี๋ยวเราเสร็จภารกิจแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปกินอาหารอร่อย”
ตันหวายอุ้มมันไปหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งในอุทยานหลวง พอเงยหน้าก็มองเห็นเสียนเฟยที่เดินเยื้องย่างเข้ามาพร้อมกับนางกำนัลสี่ห้าคน
มาแล้ว!
ตันหวายยอบกายลง ลูบหัวเจ้าแมวก่อนปล่อยลงพลางกล่าว “ไป ไปหาป้าคนนั้นซะ นางพกปลาแห้งติดตัวมาด้วย”
ลูกแมวที่ถูกปล่อยเป็นอิสระเหลียวหน้ากลับมามองตันหวายแวบหนึ่ง ก่อนกระโจนพรวดเข้าไป
ตันหวายผ่อนลมหายใจ ในที่สุดก็เข้าไปแล้ว เพื่อให้วันนี้บรรลุภารกิจอย่างราบรื่น เขาเลยแอบเดินลับๆ ล่อๆ เข้ามายามดึกสงัดรมควันปลาแห้งตามเส้นทางหลักในอุทยานหลวงอยู่เป็นนานสองนาน โชคดีที่ใช้การได้ผล
สาเหตุที่ตันหวายตัดสินใจใช้แมวแก้แค้น หนึ่งคือเพราะเสียนเฟยขึ้นชื่อว่าเกลียดแมว ความบาดหมางระหว่างนางกับเจ้าของร่างเดิมบังเกิดขึ้นเพราะแมวนั่นเอง สองคือเพราะแมวตัวนี้เหอจินหมิงเป็นผู้มอบให้กับเจ้าของร่างเดิม ไม่เห็นแก่หน้าพระพุทธพระสงฆ์ เสียนเฟยก็ไม่กล้าทำอะไรอยู่ดี
เพราะว่าคิดวิธีแก้เผ็ดแบบเด็กๆ เช่นนี้ออกมาได้ ตันหวายเลยเกือบถูกระบบหัวเราะเยาะตลอดทั้งคืน บอกว่าวิธีนี้เหมือนเด็กน้อยเล่นขายของไม่มีผิด ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมลูกไม้แม้แต่น้อย
เรื่องนี้ตันหวายทำเพียงยิ้มเยาะ นายสอนให้คนหนุ่มนิสัยดีผู้เพียบพร้อมก้าวหน้าทั้งด้านคุณธรรมสติปัญญาและรูปร่างหน้าตาแห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเล่นเล่ห์เพทุบาย นี่มันพวกมิจฉาชีพแล้วไม่ใช่หรือไง
ตันหวายโผล่ศีรษะออกมาเงียบๆ จ้องมองกลุ่มคนที่แตกตื่นเพราะการปรากฏตัวของแมวอยู่ไม่ไกล เสียนเฟยกลัวแมวจริงๆ ได้ยินว่าตอนยังเด็กถูกแมวตะปบข่วนจนเกือบเสียโฉม นับแต่นั้นมาพอเจอแมวก็เหมือนเจองูเจอแมงป่อง เขาคิดว่าตนใช้แมวขู่นางก็โหดร้ายพอแล้ว
“เดรัจฉานจากที่ไหนกัน!” เสียนเฟยมองแมวที่วิ่งพล่านไม่หยุด สีหน้าซีดเผือด กล่าวอย่างขวัญหนีดีฝ่อว่า “ใครก็ได้! ยังไม่รีบฆ่าเจ้าเดรัจฉานนี่ให้ตายอีก!”
ตันหวายขมวดคิ้ว เมื่อเห็นการกระทำต่อจากนั้นของนางกำนัลเสียนเฟยก็ตกตะลึง หัวใจแทบจะกระตุกขึ้นมาถึงคอหอย