ผู้มาเยือนหลายคนคือคนในกลุ่มของจวินเฉิง บังเอิญว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจวินเฉิงด้วยเช่นกัน
ตันหวายครั้งหนึ่งเคยคิดว่าจวินเฉิงแอบเล่นไม่ซื่อ ไม่เช่นนั้นทำไมคนในกลุ่มที่จับได้ตัวอักษรเว่ยถึงเป็นคนของจวินเฉิงทั้งหมดเล่า
ที่แท้ตอนที่จวินเฉิงพบม้าของเหอหรูกู้ก็เดาออกทันทีว่าพวกเขาเกิดเรื่องแล้ว เพื่อไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ตนเองจึงรีบมาช่วยเหลือพวกเขาก่อน แล้วทำสัญลักษณ์ทิ้งไว้ตลอดทาง เพื่อให้ลูกน้องค่อยๆ เดินลัดเลาะมาทางนี้
“ท่านอ๋อง!” ผู้ใต้บังคับบัญชาตรงเข้ามาหา ขี่อยู่บนหลังม้าโดยลากกวางป่าที่ตายสนิทตัวหนึ่งมาด้วย
จวินเฉินพยักหน้ารับ ชี้ไปยังเหอหรูกู้ที่นอนพิงกับต้นไม้กล่าวว่า “ยกเขาให้พวกเจ้าจัดการแล้วกัน ดูแลเขาให้ดี ชิวเลี่ยวันสุดท้ายรวมพลกันที่นี่”
จวินเฉิงกล่าวพลางก้าวขึ้นขี่ม้าอย่างรวดเร็ว ก่อนยื่นมือให้ตันหวายกล่าวว่า “ขึ้นม้า”
“ท่านลุง?” เหอหรูกู้ตะลึงงัน
ตันหวายสายตาจับจ้องที่มือของจวินเฉิง รู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมา ฉากแบบนี้จู่ๆ ก็ทำให้เขาคิดว่าพวกเขาเหมือนพระเอกนางเอกในละคร เลือกที่จะหนีตามกันไปเพื่อความรักและความอิสระภายใต้การกดขี่ของสังคมศักดินา
มือข้างนี้ ราวกับเป็นสายใยที่คอยชักจูงเขา ทำให้เขาเดินต่อไปอย่างสงบราบรื่นในโลกอันแสนประหลาดและอันตรายแห่งนี้ เขาในอดีตชอบดวงตาคู่นั้นของไป๋เยว่เป็นที่สุด คิดว่าไฝตรงกลางเปลือกตาช่างนุ่มนวลอ่อนโยนเป็นที่สุด ทว่าตอนนี้ เขาชอบมือของจวินเฉิงที่สุด เรียวยาวและเปี่ยมด้วยพละกำลัง ปกป้องเขาไว้ภายใต้ปีกนั้น
จวินเฉิงสัมผัสกับมือของตันหวาย สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ก่อนเหลือบมองเหอหรูกู้ที่พิงอยู่ข้างต้นไม้เหมือนมีอะไรบางอย่างจะพูด ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้แล้วก็พาตันหวายจากไป
เหอหรูกู้นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ แล้วกล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชาของจวินเฉิง “ไปกันเถอะ”
____________
ตันหวายคิดว่าตอนนี้พวกเขาไม่เหมือนล่าสัตว์อยู่เลย กลับเหมือนเที่ยวเล่นอยู่มากกว่า จวินเฉิงพาเขาขี่ม้าอยู่กลางป่าเตร็ดเตร่ตะลอนทั้งวัน แต่กลับไม่ได้ล่าเหยื่อแม้สักตัว
ตันหวายกำลังนั่งล้างแผลอยู่บนโขดหินริมน้ำตก ปลาลายตัวหนึ่งว่ายตามกลิ่นคาวเลือดเข้ามาชน ตันหวายหรี่ตาเพ่งมอง ก่อนจะตะครุบจับปลาขึ้นมาอย่างตาเร็วมือไว
“จวินเฉิง! ข้าจับปลาได้แล้ว! พวกเรามีข้าวเย็นกินกันแล้วล่ะ!”
จวินเฉิงเดินเข้ามา เห็นตันหวายกวัดแกว่งแขนไม่หยุดนิ่งเพราะความตื่นเต้น หัวคิ้วก็พลันขมวดมุ่น
ชำเลืองมองสีหน้าบูดบึ้งของจวินเฉิง ตันหวายเบะปากกล่าวอย่างไม่พอใจ “ท่านรู้หรือไม่ว่าขมวดคิ้วบ่อยๆ จะทำให้เกิดริ้วรอย ถึงตอนนั้นมีแต่ท่านนั่นแหละที่เป็นทุกข์เสียเอง!”
จวินเฉิงไม่สนใจเขา จับแขนตันหวายเอาไว้แล้วพันแผลใหม่อีกสองสามทบ ปมผีเสื้อแลดูน่าเกลียดเหมือนเช่นเคย
“ท่านว่าท่านโตจนป่านนี้แล้ว ทำไมยังชอบผุกปมผีเสื้ออยู่อีก? ทำเป็นเด็กไปได้” แม้จะพูดไปอย่างนี้ ตันหวายกลับไม่ได้รังเกียจปมผีเสื้อนี่เลยจริงๆ ถึงกับชอบมันมากด้วยซ้ำ แต่เขาไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด ใช่ ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด!
“ปมผีเสื้อ?” จวินเฉิงไม่เข้าใจ “เราเรียกสิ่งนี้ว่าเงื่อนสมปรารถนา เป็นสัญลักษณ์แทนความดีงามและการอวยพรอย่างหนึ่ง”
ตันหวายตกตะลึง เกือบจะลืมไปแล้วว่าปมผีเสื้อเรียกอีกอย่างว่าปมกลมเกลียวกับปมสมปรารถนา ในยุคโบราณไม่เพียงไม่ใช่ของเด็กเล่น กลับยังเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคล
จวินเฉิง “พวกเราชาวซีหนานยึดถือเช่นนี้มาโดยตลอด ในเมืองหลวงมีความหมายอะไรแตกต่างไปหรือ?”
“ไม่มี! ความหมายเดียวกันนั่นแหละ” ตันหวายหัวเราะ ใช้นิ้วมืออีกข้างเกี่ยวระหว่างปมผีเสื้อบนแขนของตน “นี่ไม่ใช่เรียกอีกอย่างว่าเงื่อนกลมเกลียวหรอกหรือ? ได้ยินว่าสามารถมอบให้กับคนในดวงใจได้ด้วย”
จวินเฉิงเบือนหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ปลายหูแดงระเรื่อ กลับยังกล่าวอธิบายอย่างแข็งทื่อว่า “นี่คือเงื่อนกลมเกลียว”
ตันหวายหัวเราะร่วนพลางพยักหน้าเป็นเชิงว่าตนเข้าใจแล้ว ไม่ได้แกล้งแหย่ต่อแต่อย่างใด ถึงอย่างไรจวินเฉินก็ดูจะแหย่ไม่ขึ้นเท่าไหร่นัก ถ้าเกิดโมโหขึ้นมา ตนก็ต้องตามง้ออีก
จู่ๆ ตันหวายก็นึกถึงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ นั่นก็คือตนเป็นหมายเลขศูนย์[1]ที่เหมาะสมอย่างยิ่ง แต่พอมาเห็นจวินเฉิงเขินอายง่ายดายอย่างนี้ แถมยังหน้าตาดีกว่าตนเสียอีก นั่นไม่ใช่ว่าเป็นหมายเลขศูนย์เหมือนกันหรอกหรือ?
คิดต่อไปเรื่อยๆ ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ว่าไป๋เยว่…ช่างเถอะ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็นชายแท้ก็ได้
ถึงแม้จะรู้ว่าวงการนี้มีแต่หมายเลขศูนย์อยู่ทุกหัวระแหง ไว้ใจใครไม่ได้ แต่ความรู้สึกในฐานะหมายเลขศูนย์คนหนึ่งที่ตกหลุมรักหมายเลขศูนย์อีกคนก็ยากจะอธิบายเป็นคำพูดจริงๆ
ตันหวายเหลียวมองปลายหูที่แดงเรื่อของจวินเฉิงกับใบหน้าของเขาที่ทั้งขาวทั้งงดงามยิ่งกว่าตนอีกสองสามที ก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตนเอง
นิ่งเงียบไปชั่วครู่ ตันหวายเอ่ยปากอย่างสุขุมเยือกเย็น “หมายเลขไม่ถูกไม่เป็นไร ข้าสามารถเป็นหมายเลขหนึ่งเพื่อความรักได้!”
——
[1] ในที่นี้หมายถึงฝ่ายรับ ตรงข้ามกับหมายเลขหนึ่งที่หมายถึงฝ่ายรุก