ตอนที่ 84 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (7)
โหลวชิงอันไม่มีม้า เขาบอกว่าเขาอาศัยสองขาของตนเดินมาจนถึงภูเขาร้างทั้งอย่างนั้น ตันหวายถามเขาว่าเหนื่อยไหม โหลวชิงอันตอบว่าไม่เหนื่อย ไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
ตันหวายเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่า ที่แท้ก็มีคนประเภทที่สามารถคุยโม้โอ้อวดโดยไม่แม้แต่กระพริบตาอยู่จริงๆ
อากาศที่ไร้ซึ่งมลพิษในยุคโบราณช่างดีงามยิ่งนัก ตันหวายดื่มด่ำอยู่กับอากาศบริสุทธิ์จนไม่อาจถอนตัว
บริเวณโดยรอบภูเขาร้างเป็นเมืองขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้างตั้งรายล้อมเชิงเขา ซึ่งก็คือเมืองที่มีชื่อเรียกว่าฉางเซิง[1]
ตันหวายรู้สึกว่าชื่อของเมืองนี้ช่างมีมนต์ขลัง หากอยู่ในโลกนวนิยายแฟนตาซี นั่นก็คือสถานที่ที่มีตำนานทั่วทุกแห่งหน
ในขณะที่แวะเดินเล่นงานวัด บนถนนใหญ่คลาคล่ำไปด้วยร้านรวงที่ขายของนานาชนิด ตันหวายรู้ดีแก่ใจถึงสภาพคล่องในการจับจ่ายใช้สอยของตน จึงไม่เหลือบตาขึ้นมองตลอดทาง กลัวว่าตนเห็นของชอบอะไรแล้วไม่มีเงินซื้อ สุดท้ายก็เจ็บปวดแทบขาดใจ
โหลวชิงอันกลับอารมณ์คึกคัก ระหว่างทางเห็นอะไรก็อยากซื้อไปหมด อีกทั้งดวงตาเจ้าเล่ห์ทรงเสน่ห์คู่นั้น ไม่วายเหล่มองจนเหล่าแม่นางน้อยที่เดินสวนทางเขินหน้าแดงกันเป็นแถบ
ตันหวายกระตุกชายเสื้อของโหลวชิงอัน พยักเพยิดหน้าไปทางร้านบะหมี่ฝั่งตรงข้ามเป็นเชิงว่าตอนนี้ตนหิวมากจริงๆ
โหลวชิงอันตกใจเล็กน้อย เจ้ากระต่ายตัวนี้พลังอาคมไม่สูง แต่กินจุไม่เบาทีเดียว เพิ่งจะกินข้าวเสร็จไปไม่ถึงสองชั่วยาม นี่หิวอีกแล้วรึ?
ดวงตาทั้งคู่หรี่ลง โหลวชิงอันจ้องมองท้องของตันหวายอยู่สักครู่ ในที่สุดก็พาตันหวายเดินเข้าร้านบะหมี่กลั้วเสียงหัวเราะร่วนอย่างเยาะเย้ย
ตันหวาย “…”
บางครั้งตันหวายก็รู้สึกว่าโหลวชิงอันดูไม่เหมือนคนในค่ายทหาร แต่ดูเหมือนพวกลักลอบค้ามนุษย์มากกว่า มันทำให้เขามักจะเกิดความรู้สึกว่าตนกำลังถูกหลอกไปขาย
โหลวชิงอันสั่งบะหมี่ให้เขาชามหนึ่งแล้วเดินออกไป ส่วนออกไปที่ไหนนั้นตันหวายไม่ได้ถาม อย่างไรเสียเขาไม่จับตนโยนทิ้งก็ดีแล้ว
ตอนที่โหลวชิงอันกลับมาตันหวายก็กินบะหมี่ชามนั้นหมดพอดี กำลังจะขอผ้าเช็ดปากจากพ่อค้า พอเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นหมวกในมือของโหลวชิงอัน
รูปร่างของหมวกใบนั้นคล้ายคลึงกับหมวกหูกระต่ายในยุคปัจจุบันอย่างยิ่ง ตันหวายมองพลางร้องอุทานอย่างอัศจรรย์ใจ ที่แท้คนโบราณก็ทำหมวกหูกระต่ายเป็นมาตั้งนานแล้ว
เห็นตันหวายจ้องหมวกตาเป็นมัน โหลวชิงอันก็เดินยิ้มกริ่มเข้ามา สายตาที่มองตันหวายบ่งบอกชัดเจนว่าอยากจะลองเชิงเต็มที
ตันหวายภายนอกดูสงบเยือกเย็น ทว่าความจริงแล้วอกสั่นขวัญหาย สายตาเช่นนี้ของเขาหมายความว่าอย่างไร คงไม่ได้อยากให้เขาใส่หรอกนะ!
ไม่กล่าวไม่ได้ว่า สัมผัสที่หกของตันหวายมักจะแม่นยำจนน่าเหลือเชื่อ โหลวชิงอันสะบัดเสื้อคลุมนั่งลงตรงข้ามตันหวาย ก่อนกระดิกนิ้วเรียกให้ตันหวายเข้ามาหา
“ทะ…ทำอะไร?” ตันหวายจ้องหน้าเขาอย่างระวังตัว
โหลวชิงอันไม่ใส่ใจท่าทีป้องกันตัวของตันหวาย ชี้ไปยังศีรษะของตันหวายเป็นเชิงให้เขาถอดเศษผ้าสองสามชิ้นบนนั้นลงมา
“บนหัวเจ้าเป็นฝีหรืออย่างไร?” โหลวชิงอันกล่าว “เหตุใดถึงปูดขึ้นมา?”
เอ็งสิเป็นฝี! ทั้งตัวเอ็งนั่นแหละเป็นฝี!
ตันหวายสีหน้าไม่ดี นั่นมันหูกระต่ายของเขาต่างหาก! รู้จักไหมว่าหูกระต่ายคืออะไร? นี่คือผลลัพธ์ที่เกิดมาจากเขาหลุบใบหูลู่ลง ไม่เช่นนั้นมันจะยิ่งปูด รู้ไหมว่ายิ่งปูดหมายถึงอะไร?
เจ้าของร่างเดิมเล่นงานเขาซะย่ำแย่เลยจริงๆ ในฐานะปีศาจที่สามารถแปลงกายได้แล้วอย่างมัน หางกับหูของมันกลับไม่อาจหุบเก็บกลับเข้าไป มันเล่นคอสเพลย์หรือไงกัน?
เห็นตันหวายสายตาไม่หวังดี โหลวชิงอันก็กะพริบตาปริบ ยื่นหมวกในมือส่งให้พลางยิ้มกล่าว “หมวกใบนี้
น่าจะระบายอากาศได้ดีกว่า ใช้ขนกระต่ายหิมะตัดเย็บโดยเฉพาะ อุ่นสบายดีนัก!”
ตันหวายขมวดคิ้ว ทำไมถึงเอาแต่รู้สึกว่ายามที่โหลวชิงอันพูดคำว่ากระต่ายหิมะจะต้องเน้นเสียงด้วย?
กระเถิบถอยหลังมาอีกเล็กน้อย ตันหวายแสดงท่าทีปฏิเสธตั้งแต่หัวจรดเท้า ล้อเล่นอะไรกันเนี่ย ไม่ต้องพูดถึงว่าหมวกใบนี้น่ารักเสียจนไม่เหมาะกับผู้ชาย บนยอดของมันยังมีหูกระต่ายสองข้างงอกชี้โด่ชี้เด่อีกต่างหาก!
ถ้าเกิดว่ามีใครมาเห็นเข้า คาดว่าเขาคงถูกจับเข้ากองไฟกลายเป็นกระต่ายย่างไปจริงๆ
โหลวชิงอันนัยน์ตาเป็นประกาย เอื้อมมือไปแตะศีรษะของตันหวายอย่างแผ่วเบาสามที ความสนใจทั้งหมดของตันหวายในตอนนี้ล้วนจดจ่ออยู่ที่หมวกหูกระต่ายใบนั้น ไม่สังเกตเห็นการกระทำของโหลวชิงอันแม้แต่น้อย
โหลวชิงอันหรี่ตา เห็นตันหวายไม่ยอมร่วมมือจึงชิงลงมือเองเสียเลย อาศัยจังหวะที่ตันหวายไม่ทันสังเกต เลิกเศษผ้าสองสามชิ้นเหนือหัวเขาออกทันที
ตันหวาย “…”
ชิบหาย!
กระต่ายบรรลัยแล้ว!!!
ข้ากับเอ็งจบเห่กันหมด!
——
[1] ฉางเซิง (长生) แปลว่า อมตะ
ตอนที่ 85 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (8)
ตันหวายรู้สึกว่าตนมักจะเกิดภาพลวงตาบางอย่าง นั่นก็คือเขามักจะมองเห็นเงาของเริ่นตงหลิวจากตัวของโหลวชิงอัน
อย่างเช่นตอนนี้ พอเขาทำตัวโง่เง่าทีไร เริ่นตงหลิวก็มักจะมองเขาด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มไม่ยิ้มแต่ความจริงหัวร่องอหายอยู่ในใจ และสีหน้ายามโหลวชิงอันหัวเราะเยาะเขาก็แทบจะเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน
เศษผ้าลอยละลิ่วอยู่เหนือเก้าอี้ในร้านบะหมี่ ตันหวายเบิกตาโพลงพลางลูบคลำศีรษะตนเองไปมา ลูบจนนับครั้งไม่ถ้วนก็ยังหาใบหูของตนไม่พบ
กลัวว่าตันหวายจะเก็บเศษผ้าขึ้นมาอีกครั้ง โหลวชิงอันจึงฉวยเศษผ้าขึ้นมาโยนใส่ถังเศษอาหารด้านข้างเถ้าแก่อย่างตาเร็วมือไว
ตันหวายมองดูผ้าโพกที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในถังเศษอาหารโดยไม่ทันกล่าวอำลากับเขา แล้วจึงมองดูหมวกหูกระต่ายตรงหน้า ก่อนจะสวมหมวกอย่างเงียบเชียบในที่สุด
อดนึกไปถึงท่าทางปัญญาอ่อนของตนเองในตอนนี้ไม่ได้ ตันหวายนั่งลงบนเก้าอี้แล้วบิดก้นอย่างเงียบๆ ทีหนึ่ง พอบิดทีหนึ่ง ตันหวายก็นิ่งชะงักไป โดนทิ่มเข้าให้แล้ว…ถ้าเช่นนั้นก็เกิดปัญหาล่ะ หางของเขายังอยู่ แต่ทำไมถึงไม่มีหู?
โหลวชิงอันสังเกตหูกระต่ายบนศีรษะของตันหวาย หรี่ตาเล็กน้อย อารมณ์ดีเป็นพิเศษ อย่างไรกระต่ายก็เหมาะกับใบหูกระต่ายมากกว่าจริงๆ ถ้าไม่เช่นนั้นวันหลังตนเอายาในคืนมาแล้ว ก็ช่วยเขาบำเพ็ญเพียรเสียหน่อยดีกว่า มีเอกลักษณ์และน่ารักมากทีเดียว
(ขอแสดงความยินดีกับท่านเจ้าของร่าง ค่าความประทับใจของโหลวชิงอันสูงถึงหกสิบห้าเปอร์เซ็นต์แล้ว ผู้เขียนโปรดพยายามต่อไป!)
ลมหายใจตันหวายจุกอยู่ตรงหน้าอก สูดไม่เข้าผ่อนไม่ออก แม่มันที่แท้โหลวชิงอันก็เป็นพวกบ้าคนหน้าตาดี ความประทับใจเศษผ้าบนหัวเขาเมื่อครู่ก็ตั้งหกสิบเปอร์เซ็นแล้ว ตอนนี้ตนเปลี่ยนมาสวมหมวกค่าความประทับใจกลับเพิ่มขึ้นถึงหกสิบห้าเปอร์เซ็นต์!
แต่ว่า…ตันหวายเงยหน้าขึ้นเพ่งมองเขาแวบหนึ่ง พวกบ้าคนหน้าตาดีอะไรช่างยึดครองง่ายดายเหลือเกิน น่าเสียดายที่ตอนนี้ตนไม่ได้หน้าตาแบบเยี่ยชิว ไม่เช่นนั้นค่าความประทับใจของเขาคงพุ่งพรวดพราดถึงหนึ่งร้อยเป็นแน่!
“เจ้าเองเรอะ!” สุ้มเสียงทั้งตกใจทั้งขุ่นเคืองระเบิดขึ้นที่ข้างหูตันหวาย ตันหวายตกใจจนผลุบตัวหลบอยู่ข้างหลังโหลวชิงอัน พลางชะโงกหัวออกมาเงียบๆ
ตันหวายขอสาบาน เขาไม่ได้อยากหลบอยู่ข้างหลังโหลวชิงอันจริงๆ เพราะสัญชาติญาณของกระต่ายยามตื่นกลัวทำให้เขาหลบต่างหาก
คนตรงหน้ามือขวาอุ้มกู่ฉินไว้ รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าดุจหยกขาว เบิกดวงตากลมโตอันแวววาวสดใสถลึงใส่ตันหวาย เป็นชายหนุ่ม…รูปงามขนาดล่มบ้านล่มเมืองได้ทีเดียวเชียว!
คนตรงหน้าผู้นี้หน้าตางดงามจริงๆ แม้แต่ตันหวายที่มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้ว กลับยังตะลึงลานกับดวงหน้างามของคนผู้นี้ไปครู่หนึ่ง
โหลวชิงอันเห็นสายตาจดจ้องของตันหวายก็เม้มริมฝีปาก ขยับร่างหลบเผยตัวตันหวายให้ปรากฏแก่สายตาคนตรงหน้า
คนที่อุ้มกู่ฉินอยู่ตรงหน้าเห็นชัดว่าเป็นกระต่ายหิมะเช่นกัน ทั้งเพิ่งแปลงกายเป็นคนได้ไม่นานนัก เดาว่าคงเป็นคู่ของเจ้ากระต่ายน้อยก่อนที่จะกลายเป็นมนุษย์ ทรยศหักหลังเขาจนถูกเขาออกตามล่า
จุ๊ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้ากระต่ายหน้าตาธรรมดาพบเจอคู่ที่งดงามถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
กระต่ายหิมะยามเป็นมนุษย์มักรูปงามมาตั้งแต่ไหนแต่ไร หน้าตาธรรมดาเช่นตันหวายกลับมีน้อยนัก
ถึงแม้จะคิดเช่นนี้ ทว่าในใจของโหลวชิงอันรู้สึกไม่สบอารมณ์ อัดอั้นตันใจโดยไม่รู้ว่าอารมณ์หงุดหงิดนี้เกิดขึ้นมาจากไหน
คนงามขบกรามมองตันหวาย ก่อนพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อของตันหวายอย่างระงับโทสะไม่อยู่
ตันหวายถูกเขากระชากคอจนงงงวย และชักเริ่มมีน้ำโหเล็กน้อย ต่อให้เจ้าหน้าตาน่ามอง ก็หาเรื่องต่อยชาวบ้านเขาไปทั่วไม่ได้นะ
คนงามสูดลมหายใจเข้าลึก น้ำตาแทบจะรินไหลลงมาอยู่แล้ว
ตันหวายตะลึงงัน เจ้าหน้าตาน่ามองแคไหนก็ยังเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง เจ้าจะมาร้องห่มร้องไห้อะไรตรงนี้ คนที่ควรจะร้องไห้คือข้าต่างหากเข้าใจไหม
ตันหวายเห็นคนงามร้องไห้จนอึกอักทำตัวไม่ถูก ก่อนมองเห็นหมัดกำลังจะชกเข้าที่ตาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว โหลวชิงอันขมวดคิ้ว ขยับมือต้านหมัดของคนงามเอาไว้อย่างไม่สะทกสะท้าน
กำบังตันหวายไว้ด้านหลัง โหลวชิงอันยิ้มไม่สุดก้นบึ้งสายตา เหลือบตาขึ้นสบมองคนงามพลางกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายมีบุญคุณความแค้นอะไรกับเขา จนถึงกับต้องลงไม้ลงมือกัน?”
เห็นโหลวชิงอันปกป้องเขา น้ำตาคนงามก็หลั่งนองยิ่งกว่าเดิม เกือบจะอุ้มกู่ฉินเอาไว้ไม่อยู่ ชี้หน้าโหลวชิงอันแล้วกล่าว “เอาอย่างนี้อีกแล้ว ชาติที่แล้วเจ้าก็…อื้ออื้ออื้อ???”
คนงามที่ถูกตันหวายอุดปากไว้พลันตะลึงงัน เขาถึงกับถูกเจ้ากระต่ายป่าอุดปากเชียวหรือ? ช่างน่าอัปยศอดสู! ช่างน่าอัปยศอดสูแท้ๆ!
ตันหวายอุดปากคนงามไว้แน่นสนิทไม่ยอมให้เขากล่าวต่อไป จากนั้นก็ยิ้มแหยให้กับโหลวชิงอัน “ข้ารู้จักเขา มีธุระส่วนตัวต้องจัดการนิดหน่อย ท่านรอข้าสักประเดี๋ยวนะ~” พูดจบก็ฉุดกระชากลากถูพาตัวออกไปโดยไม่สนท่าทีตอบโต้ของคนงาม