ตอนที่ 90 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (13)
สุดท้ายแล้วโหลวชิงอันก็ยังไม่ได้หยิบกระต่ายย่างของเขาออกมา เขาบอกให้ฟังว่าเขากินกระต่ายเองจนหมดเกลี้ยงแล้ว เพียงแค่พูดออกมาเพราะอยากยั่วน้ำลายพวกเขา
ตันหวายกัดฟัน กล่าวกับโหลวชิงอันอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ “ท่านไม่มีวันเป็นพระเอกที่ได้รับทดแทนบุญคุณเช่นในนิยายแน่นอน อย่างมากก็เป็นหัวหน้าตัวร้ายที่ถูกพระเอกสังหาร”
โหลวชิงอันหัวเราะหึๆ ก่อนหยิบแครอทหัวหนึ่งที่เอามาจากตรงไหนไม่รู้ยัดเข้าใส่ปากของตันหวาย
ตันหวายคาบแครอทไว้ในปากพลางกระพริบตาปริบ คิดว่าไอ้ของพรรค์นี้…กลับรสชาติดีมากทีเดียว
เหลียวมองโหลวชิงอันแวบหนึ่ง ตันหวายคาบแครอทไว้เงียบๆ พลางเดินหามุมกำแพงเริ่มต้นกัดแทะ
พอแทะไปได้ครึ่งหนึ่ง ตันหวายก็พลันตะลึงงัน เขาถึงกับกินแครอทเหมือนกระต่ายแท้ๆ เชียวหรือนี่? ตันหวายรู้สึกรับไม่ได้
หมวกหูกระต่ายบนศีรษะลู่ตกลงมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว โหลวชิงอันมองจนตาหรี่ปรือ
ทิวทัศน์รอบด้านเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว ตันหวายยอบกายลงแทะแครอทที่มุมกำแพงอย่างเศร้าสร้อย ประหนึ่งหัวผักกาดน้อยอันเ**่ยวเฉาท่ามกลางสายลม ชวนให้จิ้งจอกอยากเข้าไปปลอบประโลมยิ่งนัก
“อะไรกัน~เซียงกง[1]~เซียงกงท่านโปรดอย่าผลักไสข้าเลย!”
เสียงเอะอะโวยวายดังแว่วมาจากที่ไกลๆ โหลวชิงอันกับตันหวายหันหลังพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ตันหวายยันเท้า อยากดูสักหน่อยว่าที่นั่นเกิดอะไรขึ้น
โหลวชิงอันสูดจมูกฟุดฟิด ดวงตาจิ้งจอกหรี่ลง กล่าวพึมพำว่า “กระต่าย?”
“อะไรนะ?” ตันหวายที่อยู่ห่างจากเขาค่อนข้างไกลฟังไม่ถนัด จึงเข้าไปใกล้เขาแล้วถามอีกรอบ
โหลวชิงอันเหลือบมองเขาด้วยสายตาลึกล้ำ “ตามไปดูเดี๋ยวก็รู้เองไม่ใช่รึ?”
พูดจบก็เอามือไพล่หลังเดินไปยังบริเวณที่เกิดเรื่องวุ่นวาย
ตันหวายเบ้ปาก ก่อนจะเดินตามไปเช่นกัน
เหล่าทหารหาญมองเห็นโหลวชิงอันก็รีบหลีกทางให้เป็นทางเดินสายเล็ก เผยให้เห็นคนสองคนที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ตรงกลาง
เมื่อเห็นว่าโหลวชิงอันเดินมาถึง อวี๋อิงฉือจึงค่อยผ่อนลมหายใจ พลางออกแรงปฏิเสธหญิงสาวที่เกาะแกะบนตัวเขาอย่างเด็ดขาดยิ่งขึ้น
โหลวชิงอันเลิกคิ้วสูง ทำท่าทางเหมือนดูเรื่องสนุก ยิ้มกล่าว “ท่านแม่ทัพช่างโชคดีจริงๆ”
หญิงสาวที่เกาะแกะอยู่บนตัวอวี๋อิงฉือรูปโฉมงดงาม แม้มิได้งามล่มเมืองเท่าซวงหร่าน แต่ก็เป็นสาวงามที่หาได้ยากในโลกมนุษย์
หญิงสาวถูกโหลวชิงอันชมจนหน้าแดงระเรื่อ ซุกทั้งใบหน้าของตนลงกับอกของอวี๋อิงฉือ แสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่ยินยอมออกมา
อวี๋อิงฉือตัวแข็งทื่อ มองไปทางโหลวชิงอันด้วยสายตาร้องขอความช่วยเหลือ
ตันหวายยืนมองอยู่ด้านข้างอย่างรู้สึกชื่นชม นายก้างปลาคนนี้ดวงความรักพุ่งแรงเสียจริงๆ แต่ละคนที่ชมชอบเขาล้วนเป็นยอดคนงามทั้งนั้น
อวี๋อิงฉือดันศีรษะบนหน้าอกของตนออกอย่างแข็งทื่อ กล่าวขอความเมตตาว่า “แม่นาง ข้ามิได้รู้จักกับท่าน”
หญิงสาวในอ้อมแขนเงยหน้าขึ้นมา สายตาที่จ้องมองอวี๋อิงฉือเปี่ยมด้วยความรักใคร่ “ท่านจำไม่ได้ไม่เป็นไร ข้าจำได้ก็พอแล้ว”
โหลวชิงอันชมละครตลกเบื้องหน้าอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ลองนับนิ้วดู พบว่านี่เป็นกระต่ายผู้ถูกช่วยชีวิตตัวที่เจ็ดที่เขาได้พบนับตั้งแต่รู้จักกับอวี๋อิงฉือ
เผ่าพันธุ์กระต่ายหิมะของพวกเขาชอบพลีกายถวายชีพกันทุกตัวเลยหรือ? ไม่รู้เช่นกันว่าชาติที่แล้วอวี๋อิงฉือช่วยชีวิตกระต่ายไว้กี่ตัวกันแน่ เหตุใดทุกตัวจึงกลายเป็นภูตกันหมด
โหลวชิงอันลอบสบถในใจ มีเวลาน้อยนิดเพียงนี้ให้เขาจับกินเสียก็สิ้นเรื่อง เขาสามารถส่งพวกเขาขึ้นสวรรค์ได้เดี๋ยวนี้ทีเดียว
ตันหวายแทะแครอทชมละครตลก เปิดเผยสัญชาตญาณมนุษย์เผือกอย่างหมดเปลือก
(ท่านเจ้าของร่าง ท่านไม่เข้าไปต่อสู้หรือ?)
“เพราะแครอทไม่อร่อยหรือเพราะทิวทัศน์ไม่น่ามองล่ะ ทำไมต้องเข้าไปต่อสู้ด้วย?” ตันหวายเอือมระอากับระบบที่กลัวใต้หล้าไม่โกลาหลเต็มที “ตอนนี้ความสันติสุขเป็นประเด็นสำคัญระดับโลก อย่าคิดแต่เรื่องต่อสู้ไม่ต่อสู้สิ”
(แต่ว่า เธอเป็นศัตรูคู่แค้นของท่านนะ)
“หมายความว่าไง?”
(คือว่า…ที่จริงแล้วเธอเป็นภูต ผู้ท้าชิงของเผ่าพันธุ์กระต่ายหิมะที่มุ่งหน้ามาตอบแทนบุญคุณ
ตันหวายพลันหยุดแทะแครอท เดินผลุนผลันเข้าไปอย่างทรนงองอาจ เอื้อมมือคว้าตัวอวี๋อิงฉือออกมาจากกรงเล็บปีศาจของหญิงสาวผู้นั้น
หญิงสาวมองตันหวายที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าเขาอย่างตระหนกตกใจ จมูกสูดดมแถวตรงหน้าตันหวาย ทันใดนั้นก็กล่าวด้วยอาการตื่นกลัวจนหน้าถอดสี “เจ้าคือปันรั่ว?”
อันที่จริงตันหวายไม่รู้ว่า ทั้งเผ่าพันธุ์กระต่ายหิมะไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าของร่างเดิม เจ้าของร่างเดิมเป็นแฟนพันธุ์แท้อันดับหนึ่งของนายก้างปลา ศัตรูตัวฉกาจที่สุดของพวกเขา!
——
[1] เซียงกง คือคำสรรพนามที่ภรรยาใช้เรียกสามีในเชิงยกย่อง
ตอนที่ 91 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (14)
เรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นบนโลกล้วนยากที่จะควบคุมได้ อย่างเช่น คุณถูกใครสักคนตบตี หรืออย่างเช่น คุณถูกผู้หญิงสักคนตบตี!
ตันหวายไม่ตบตีผู้หญิง แต่ว่าพลังโจมตีของผู้หญิงตรงหน้าช่างแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน ตันหวายหลบซ้ายหลีกขวา แถมยังโดนตบหน้าอีกต่างหาก
จริงดังคาด นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การแก่งแย่งชิงดีมีอยู่ทุกหนแห่ง แม้กระทั่งการตอบแทนบุญคุณก็ยังทำให้คนตบตีกันจนเลือดตกยางออก
“พี่สาว ท่านพอได้แล้วกระมัง” ตันหวายจนปัญญา ถูกผู้หญิงรุกไล่จนถอยแล้วถอยอีก ในที่สุดก็ถอยไปอยู่ในอ้อมกอดของโหลวชิงอันโดยไม่ทันระวังตัว
“เจ้าเรียกใครว่าพี่สาว?” หญิงสาวโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิม
ความจริงพิสูจน์แล้วว่า ไม่ใช่แค่เสือตัวเมียที่ดุร้าย ยามกระต่ายตัวเมียดุขึ้นมาก็รับมือไม่ไหวเหมือนกัน!
โหลวชิงอันสีหน้าเยือกเย็นลง รวบเอวตันหวายเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน ก่อนเหลือบตาขึ้นสบมองกระต่ายตัวเมีย
กลิ่นอายของศัตรูโดยธรรมชาติแผ่ซ่านไปทั่ว หญิงสาวร่างสั่นสะท้าน ถอยหลังไปสองก้าวอย่างระวังระไว
ไม่ใช่แค่กระต่ายตัวเมียตัวนั้น แม้กระทั่งตันหวายที่พลังอาคมอ่อนแอจนตอบสนองเชื่องช้าก็สัมผัสได้เช่นกัน
เขาดิ้นรนในอ้อมแขนของโหลวชิงอันอยู่สักพัก จากนั้นก็ถูกโหลวชิงอันตรึงร่างเอาไว้อย่างแน่นหนา
“อย่าดิ้นมากนัก” โหลวชิงอันคำรามต่ำในลำคอ สีหน้าไม่น่ามอง
นัยน์ตาคมกริบจ้องตรึงอยู่ที่หญิงสาว โหลวชิงอันขมวดคิ้วราวกับถูกความโง่เง่าของหญิงสาวขัดใจ
“เหตุใดเจ้ายังไม่ไสหัวไป?” โหลวชิงอันข้องใจ จะรอให้ตนจับกินเสียก่อนอย่างนั้นรึ? ถึงแม้เขาจะชอบกินเนื้อ แต่ไม่กินสิ่งที่กลายเป็นภูตแล้ว ไม่เช่นนั้นการบำเพ็ญเพียรตลอดพันปีอาจมลายสิ้นเพียงชั่วพริบตา
หญิงสาวงงงันเช่นกัน นางไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าจะบังเอิญพบจิ้งจอกพันปีตัวเป็นๆ ที่นี่ มันช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เจ้าไม่ครองตนเป็นเซียนจิ้งจอกของเจ้าให้ดีเล่า จะดั้นด้นมาที่นี่ทำไมกัน!
“ข้าไปได้หรือ?” หญิงสาวกลืนน้ำลายอึก หวาดหวั่นจนแทบทนไม่ไหว
โหลวชิงอันพยักหน้า แล้วจึงโอบตันหวายเดินจากไปโดยไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามอง
อวี๋อิงฉือมองหญิงสาวที่สีหน้าหม่นหมองลงทุกทีก็อดสงสารไม่ได้ ก่อนก้าวออกไปข้างหน้า เอ่ยถามขึ้นในระยะที่หญิงสาวไม่อาจเอื้อมถึงได้ “แม่นางท่าน—–”
“ท่านอย่าเข้ามานะ!”
คงไม่เป็นไรแล้วกระมัง…
อวี๋อิงฉือกลืนคำพูดอีกครึ่งประโยคที่ยังกล่าวไม่จบกลับลงไปอย่างเก้อเขิน หญิงสาวตรงหน้าดูจะไม่อยากฟังเขาพูดอะไรแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านกุนซือมีคาถาอาคมอะไรกันแน่ ผู้ที่ตามหาเขาเพื่อเอ่ยขอแต่งงานกับเขาอย่างไม่รู้ที่มาที่ไปเหล่านี้ล้วนหวาดกลัวท่านกุนซือจนขวัญหนีดีฝ่อกันทุกราย
ในขณะเดียวกัน นายก้างปลาก็กำลังย้อนนึกดูว่าตนมีคุณสมบัติอะไร ยามอยู่เมืองหลวงไม่ยักจะเกิดเรื่อง เหตุใดพอมาซีโจวกลับพบเจอคนแปลกประหลาดมากมายเช่นนี้
ภายในกระโจมของกุนซือ โหลวชิงอันปอกเปลือกไข่ที่เพิ่งช้อนออกมาจากหม้อด้วยมือเปล่า
ตันหวายกะพริบตาปริบๆ “ท่านไม่กลัวโดนลวกหรือ?”
โหลวชิงอันหยุดชะงัก ถลึงจ้องเขาครู่หนึ่ง จ้องจนตันหวายก้มหน้างุดอย่างละอายใจ เขาชักจะเสียนิสัยเกินไปแล้ว คนเขาปอกเปลือกไข่ให้เจ้า เจ้ากลับมาแช่งให้เขาโดนลวกอีก
ปอกเปลือกไข่เสร็จแล้ว โหลวชิงอันก็เอื้อมไปยัดใส่มือของตันหวาย กล่าวว่า “นวดเอาเอง”
ตันหวายตะลึงงัน สัมผัสไข่ที่ยังร้อนกรุ่นแต่ไม่ลวกมือในมือของตน ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
“มัวใจลอยอะไรอยู่?” โหลวชิงอันกล่าวเสียงเย็นชา “กองทัพงบประมาณขาดแคลน เอาไข่ออกมาสองฟองไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เจ้าอย่าบอกเชียวว่าเจ้าจะทิ้งไป”
โน้มกายลงโอบตันหวายไว้ในอ้อมแขน โหลวชิงอันกล่าวอย่างจริงจัง “หากเจ้านวดเองไม่เป็น ข้าก็ยินดีอาสาช่วยเจ้า”
ตันหวายไม่ได้ขุ่นเคืองกับการหยอกเย้าของโหลวชิงอันจนน่าแปลกใจ เพียงแค่ผลักตัวเขาออกไปเงียบๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่รู้ว่าพูดให้ใครฟัง “ข้าแค่จู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ มีครั้งหนึ่งภรรยาข้าถูกทำร้ายโดยไม่ตั้งใจ ตอนนั้นข้าโมโหยิ่งนัก และก็ใช้ไข่นวดให้เขาเช่นกัน เขายังจะไม่เต็มใจอีก”
ตันหวายว่าพลางหัวเราะขึ้นมา น้ำเสียงเปี่ยมล้นด้วยความรักใคร่อาวรณ์
ตลอดระยะเวลาอันแสนยาวนานนี้ นี่เป็นครั้งหนึ่งที่ตันหวายจริงจังที่สุด จริงจังเสียจนทำให้โหลวชิงอันรุ้สึกเจ็บปวด
โหลวชิงอันจ้องมองเขาเนิ่นนาน ก่อนเอ่ยขึ้นเบาๆ “คนผู้นั้น เป็นใครกันหรือ?”
ในวันหนึ่งวันใดที่เขาไม่อาจล่วงรู้ เจ้ากระต่ายน้อยพบเจอกับใครบางคน ตกหลุมรักใครบางคนอีกอย่างนั้นหรือ?
ตันหวายเบะปาก “ท่านไม่รู้จักสักหน่อย จะถามเรื่องนี้ไปเพื่ออะไรกัน?”
โหลวชิงอัน “หากเจ้าสามารถบรรยายลักษณะเด่นบางอย่าง ไม่แน่ว่าข้าอาจช่วยเจ้าตามหาได้”