ตอนที่ 106 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (29)
ตันหวายโดนหลอกแล้ว ส่งมอบยาในไม่จำเป็นต้องใช้ซวงซิวเลยสักนิดเดียว!
ข้อนี้ตันหวายเพิ่งจะรับรู้ในตอนที่นอนแผ่หลาบนเตียงอย่างหมดแรง หลังจากถูกโหลวชิงอันปลุกปล้ำจนตายแล้วฟื้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
โหลวชิงอันกดร่างตันหวายลงกับเตียงด้วยจูบอันเร่าร้อน ก่อนส่งมอบยาในผ่านริมฝีปากของเขา
ตันหวายเบิ่งตาโต เพิ่งค้นพบเป็นครั้งแรกว่าโหลวชิงอันหน้าช่างเนื้อใจเสือถึงเพียงนี้ ตกลงกันเสียดิบดีว่าในโลกนี้ตนต้องอยู่ข้างบน ใครจะรู้ว่าตนสู้เขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย จู่โจมสองสามทีก็ถูกสวนกลับแล้ว
เดิมทีคิดจะสั่งสอนโหลวชิงอันให้เข็ดหลาบ แต่พอเห็นใบหน้าซีดเซียวเพราะสูญเสียยาในของเขา ตันหวายก็อดเห็นใจไม่ได้
กำหมัดชกเข้าที่หัวไหล่ของโหลวชิงอันเบาๆ ตันหวายถลึงมองเขาอย่างดุร้าย
โหลวชิงอันเบิกตา ไม่ใส่ใจอารมณ์ขุ่นเคืองของตันหวาย โอบกอดทั้งร่างของเขาไว้ในอ้อมแขนแล้วประโลมจูบอีกครู่ใหญ่
“ชาติต่อไป ตั้งใจตามหาข้าล่ะ” โหลวชิงอันพึมพำแนบริมฝีปากของตันหวาย
“อะไรนะ?” ตันหวายฟังไม่ถนัด
คลายอ้อมกอดจากตันหวาย โหลวชิงอันที่แลดูซีดเซียวลูบไล้ใบหน้าของตันหวายพลางกล่าว “ไม่มีอะไร เจ้าจำเคล็ดวิชาได้หรือยัง?”
“จำได้แล้ว” ตันหวายซุกหน้าลงคลอเคลียกับมือของโหลวชิงอัน กล่าวอย่างลำพองใจว่า “นี่จะไปยากเย็นอะไร เจ้าคอยพ่อตรงนี้แหละ คราวนี้พ่อสู้ชนะเจ้าแน่นอน เจ้าจงอยู่ข้างล่างซะเถอะ!”
โหลวชิงอันแย้มยิ้มไม่เอ่ยวาจา โบกมือปัดอย่างอ่อนระโหยโรยแรง ดูท่าทางเหน็ดเหนื่อยเอาการ
ตันหวายมองจนรู้สึกปวดใจ ประคองใบหน้าของโหลวชิงอันไว้แล้วจุมพิตครั้งหนึ่ง “ท่านรอข้าอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา”
โหลวชิงอันพยักหน้า ก่อนจะปิดเปลือกตาลงช้าๆ
เอ๋อโซ่วมองโหลวชิงอันที่นอนอยู่บนเตียงพลางอ้าปากค้าง สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวอะไร เหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วหันหลังไล่ตามตันหวายไป
ภายในกระท่อมฟางหลังน้อยนอกเมืองซีโจว ซวงหร่านวางฟืนใส่ในเตาไฟด้วยใบหน้ามอมแมม ควันดำลอยโขมงออกมา เกือบจะรมเขาจนน้ำหูน้ำตาไหล
ตันหวายมือขวาหิ้วซาลาเปาห่อหนึ่ง มือซ้ายอุ้มเอ๋อโซ่วเอาไว้ จ้องมองซวงหร่านที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
ซวงหร่านผุดลุกขึ้นยืนอย่างกระอักกระอ่วน กล่าวด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน “คือว่าข้า…หิวแล้ว”
เพราะว่าหิวแล้ว ฉะนั้นจึงอยากกินข้าว แต่เขาไม่กล้าออกห่างจากที่นี่ ด้วยกลัวว่าอวี๋อิงฉือจะได้รับอันตรายอะไรอีก
ตันหวายหัวเราะร่วน วางซาลาเปาในมือลงบนโต๊ะ แล้วจึงวางเอ๋อโซ่วลงพลางกล่าว “ข้ามาเพื่อช่วยอวี๋อิงฉือ”
ซวงหร่านตาเป็นประกาย สายตาที่มองตันหวายประหนึ่งมองเห็นแครอทหัวใหญ่ยักษ์
“เจ้ากินข้าวก่อนสักหน่อยเถอะ” ตันหวายถอนหายใจ หนุ่มรูปงามผู้เพียบพร้อมคนหนึ่ง จู่ๆ ต้องมาตกที่นั่งลำบากเช่นนี้ เขาชักจะทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว “ข้าจะตอบแทนบุญคุณโดยเร็วที่สุด แล้วจะปลีกตนไปอยู่กับภรรยาของข้า”
ซวงหร่านหลุดขำออกมา “ที่แท้เจ้าก็ชอบเขาจริงๆ”
“เหลวไหล” ตันหวายเดินเข้าไปข้างในโดยไม่หยุดฝีเท้า “ข้าอยู่มาตั้งนมนานเพียงนี้ ก็ชอบเขาเพียงคนเดียวอยู่แล้ว”
ซวงหร่านคลี่ยิ้ม ไม่ได้กล่าวอะไรอีก นั่งเหม่อลอยบนบันไดหน้าลานบ้านอยู่เงียบๆ
แสงอัสดงฉาบฉายสี่ทิศ ซาลาเปาบนโต๊ะเย็นชืดจนหมดแล้ว ซวงหร่านกลับนั่งแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน
นี่เป็นการเดิมพันเสี่ยงทาย หากชนะ ชั่วชีวิตที่เหลือเขาย่อมสามารถอยู่ร่วมเคียงคู่กับคนรัก หากพ่ายแพ้ ย่อมหมายถึงการค้นหาอันยาวนานหลายปีอีกครั้งหนึ่ง
เอี๊ยด…
ประตูกระท่อมฟางที่เคยผ่านลมหนาวละอองน้ำค้างค่อยๆ ส่งเสียงทอดถอนใจยาว ประกาศให้คนบนบันไดหินรับรู้ว่าผลลัพธ์ที่เจ้ารอคอยออกมาแล้ว
ซวงหร่านเงยหน้าขึ้น มองไปยังตันหวายที่อยู่เบื้องหน้า พูดอะไรไม่ออกเป็นนานสองนาน
เคล็ดวิชาที่ละเมิดกฎสวรรค์เดิมก็สิ้นเปลืองกำลังมหาศาล ยามนี้ตันหวายอ่อนแอจนแทบจะทรุดฮวบลงไป
ซวงหร่านเบิกตากว้าง ลุกขึ้นยืนหมายจะพยุงเขาแต่ยังไม่กล้า
“หนี้บุญคุณ ข้าทดแทนจนหมดแล้ว” ตันหวายยิ้มอย่างอิดโรย “ข้าจะไปหาภรรยาข้าล่ะ”
ซวงหร่านอ้าปากค้าง สุดท้ายได้แต่กล่าวว่า “ขอให้เดินทางปลอดภัย”
ตันหวายแย้มยิ้ม “จริงสิ เจ้าอย่าลืมบอกฝูงกระต่ายหิมะเสียล่ะ บอกว่าการตอบแทนบุญคุณไม่จำเป็นต้องพลีกายถวายชีวิต”
ซวงหร่านพยักหน้ารับ ทอดมองตันหวายที่ค่อยๆ เดินห่างออกไป
“ระบบ คุณว่าภารกิจของผมสำเร็จแล้วหรือยัง?” ตันหวายรันทดท้อใจ ต้องกล่าวอำลาอีกแล้วหรือ?
(ยังไม่สำเร็จ) ระบบเอ่ยตอบด้วยความเสียดาย (เจ้าของร่างเดิมอยากกลายเป็นจ่าฝูงของเผ่าพันธุ์กระต่ายหิมะด้วย)
“จ่าฝูงหรือ?” ตันหวายลังเลเล็กน้อย “ดีเหมือนกัน ผมกับภรรยาจะได้มีเวลามากขึ้น”
“เจ้ากระต่ายแสนฉลาด เจ้ากำลังคุยกับใครอยู่?” เอ๋อโซ่วมองตันหวายที่พูดพึมพำกับตัวเองพลางเอ่ยถาม
ตันหวายกลอกตาใส่มัน “เจ้าเอ๋อโซ่วแสนโง่เขลา ตอนนี้ข้าอยากไปหาภรรยาใจจะขาด คงไม่มัวมาเถียงกับเจ้าแล้ว”
เอ๋อโซ่วพลันนิ่งตะลึง ไม่ทันคาดคิดว่าตนจะถูกเรียกว่าโง่เขลา จึงย่นคอหดลงโดยไม่พูดอะไรอีก
ตอนที่ 107 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (30)
เมื่อตันหวายเดินไปได้ครึ่งทางก็ขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอันมืดครึ้ม จู่ๆ ก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีชอบกล
เอ๋อโซ่วที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายพลันเบิกตาโพลง ตะเกียกตะกายซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของตันหวาย เริ่มจะตัวสั่นงันงกขึ้นมา
สิ่งมีชีวิตรอบข้างหนีกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศทาง พากันถอยห่างออกจากตันหวาย
เปรี้ยง!
ลางสังหรณ์อัปมงคลของตันหวายยิ่งรุนแรงขึ้นทุกที จึงรีบวางเอ๋อโซ่วลงบนพื้นแล้วร้องไล่มันไป “เจ้าไปก่อน”
เอ๋อโซ่วเงยหน้าขึ้น โน้มลงประชิดใกล้ตันหวายอย่างหงอยเหงาเศร้าสร้อย ไม่ยอมจากไป
เมฆหมอกเหนือศีรษะหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตันหวายขบกราม ด้วยรู้ว่านี่คือทัณฑ์สวรรค์
แม้จะรู้ว่าการชุบชีวิตอวี๋อิงฉือเป็นการละเมิดกฎสวรรค์ แต่คิดไม่ถึงว่าทัณฑ์สวรรค์กลับมาเยือนรวดเร็วเช่นนี้
หากเป็นโหลวชิงอันก็ยังพอเดิมพันสักตั้งได้ แต่เขาไม่มีแม้กระทั่งโอกาสดิ้นรนต่อสู้
“ระบบ คุณว่าถ้าผมตายไปจะทำอย่างไร?” ตันหวายถาม
ระบบไม่กล่าวตอบ ราวกับกำลังใคร่ครวญคำถามนี้อย่างจริงจังเช่นกัน
ท้องฟ้าแหวกออกเป็นช่องโหว่ในบัดดล สายฟ้ามหึมาฟาดผ่าลงมายังศีรษะของตันหวาย
ตันหวายหลับตา ฟันแทบจะสั่นกระทบกันไปหมด ไม่รู้เหมือนกันว่ายามถูกฟ้าผ่าจะเจ็บปวดหรือไม่กันแน่
ในท้ายที่สุดสายฟ้าก็ยังไม่ผ่าลงบนร่างของตันหวาย ตันหวายลืมตาขึ้น พอเห็นสายฟ้าเบี่ยงทิศทางไปกะทันหันก็พลันสีหน้าเปลี่ยน เริ่มวิ่งตะบึงออกไปทางทิศที่สายฟ้าฟาดลงมา
โหลวชิงอันไอ้คนสารเลว! ตันหวายน้ำตาไหลอย่างหักห้ามไว้ไม่อยู่
รู้ดีแก่ใจว่าไม่มียาใน ยังจะกล้าร่ายมนต์ล่อสายฟ้าอีก เขากลัวว่าตัวเองจะตายไม่เร็วพอหรืออย่างไร?
ตันหวายไม่กล้านึกภาพตอนที่ตนเจอโหลวชิงอันว่าเขาจะมีสภาพเป็นเช่นไร เขารู้เพียงแต่ว่ายามถูกฟ้าผ่าจะต้องเจ็บปวดอย่างมหาศาลแน่นอน ส่วนเขาเมื่อเห็นยอดดวงใจทนทุกข์ทรมาน หัวใจก็ร้าวรานดั่งถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ
ตอนที่ตันหวายวิ่งมาถึงเมฆหมอกบนท้องฟ้าก็สลายหายไปแล้ว กระท่อมที่เคยสวยงามบัดนี้กลายเป็นกองซากปรักหักพัง
ตันหวายยืนแน่นิ่งอยู่ท่ามกลางกองซากปรักหักพัง ปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมา
โหลวชิงอันเป็นจอมหลอกลวง เขาพูดเสียดิบดีว่าจะไม่เกิดเรื่อง เขาพูดเสียดิบดีว่าทัณฑ์สวรรค์จะไม่ลงทัณฑ์เร็วถึงเพียงนี้ เขาบอกไม่ใช่หรือว่า รอเขารับยาในทั้งหมดไปแล้วก็จะสามารถต่อต้านทัณฑ์สวรรค์ แต่เพราะเหตุใดทัณฑ์สวรรค์จึงลงทัณฑ์เร็วปานนั้น?
ตันหวายหยัดยืนไม่อยู่ ค่อยๆ ทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ถามเอ๋อโซ่วว่า “เจ้ารู้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่?”
รู้มาตั้งแต่แรกว่าทัณฑ์สวรรค์จะลงทัณฑ์เวลาใด รู้มาตั้งแต่แรกว่าโหลวชิงอันจะใช้มนต์ล่อสายฟ้าล่อทัณฑ์สวรรค์มาลงที่ร่างของตนใช่หรือไม่?
เอ๋อโซ่วกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในที่สุดก็กล่าวความจริงประโยคหนึ่ง
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม การละเมิดกฎสวรรค์ต้องมีผู้รับผลแห่งกรรมนั้น ต่อให้แก่นปราณมารอยู่ในร่างของโหลวชิงอัน เขาก็ต้านทานไม่ไหวอยู่ดี”
ตันหวายตะลึงงัน ทันใดนั้นก็คลี่ยิ้ม กล่าวพึมพำว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง”
ซากปรักหักพังตรงซอกมุมพลันขยับเคลื่อนไหว จิ้งจอกน้อยสีแดงตัวหนึ่งมุดออกมาจากข้างใน เบิกตากลมโตจ้องมองตันหวายอย่างใสซื่อ
“เจ้า…” ตันหวายย่อตัวลงอุ้มเจ้าจิ้งจอกมาลูบปลอบในอ้อมแขน ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “เจ้าคือโหลวชิงอันหรือ?”
จิ้งจอกน้อยดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดเขาชั่วครู่ จนแล้วจนรอดก็ดิ้นไม่หลุดจริงๆ จึงยอมจำนนแต่โดยดี เกาะอยู่บนอกตันหวายอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
ตันหวายสับสนว้าวุ่น เหม่อมองเจ้าจิ้งจอกน้อยเป็นนานสองนาน ในที่สุดก็พึมพำอย่างทดท้อใจ “เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ?”
เอ๋อโซ่วเดินวนเวียนไปมาอยู่รอบกายตันหวาย ถอนหายใจกล่าว “เขาถูกเทียนเต้าดึงรากวิญญาณไปแล้ว”
ตันหวายตกตะลึง “เจ้าว่าอะไรนะ?”
“วันนี้เป็นวันที่ข้าพูดความจริงมากที่สุดโดยแท้ทีเดียว” เอ๋อโซ่วรู้สึกหงุดหงิด “ถูกดึงรากวิญญาณหมายความว่าตอนนี้เขาเป็นแค่จิ้งจอกธรรมดาตัวหนึ่ง จิ้งจอกที่ไม่มีแม้กระทั่งจิตสำนึก เจ้าเข้าใจหรือยัง?”
ตันหวายเม้มริมฝีปาก อุ้มร่างเจ้าจิ้งจอกขึ้นมา แล้วเดินจากไปโดยไม่ปริปากพูดสักคำเดียว
เอ๋อโซ่วตะลึงงัน สาวเท้าวิ่งไล่ตามไป ถามอย่างตกใจว่า “เจ้าไม่ต้องการข้าแล้วหรือ?”
ตันหวาย “เจ้าเป็นอิสระแล้ว”
เอ๋อโซ่วพลันนิ่งตะลึง หยุดชะงักฝีเท้า ทอดมองคนที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ ด้วยแววตาเศร้าสลด