ตันหวายหลับอยู่ในฝันอันยาวนาน ฝันนั้นมีใบหน้าของคนสองคนที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน คนหนึ่งคือไป๋เยว่ อีกคนหนึ่งคือจวินเฉิง แต่เขากลับแยกแยะทั้งสองคนไม่ออกว่าใครเป็นใคร จากนั้นพวกเขาต่างก็โมโห ทิ้งเขาไว้แล้วจากไป ไม่ว่าเขาจะร้องเรียกอย่างไร พวกเขาก็ไม่ยอมเหลียวหลังกลับมามองเลย
ยามตันหวายตื่นมาเหงื่อโซมทั้งกาย ลืมตาขึ้นกลับพบว่ามีเพียงความมืดมิด เขากะพริบตาปริบๆ บังเกิดความคิดเหลวไหลขึ้นในใจ นี่อาจจะเป็นขุมนรกก็ได้ โอกาสที่เขาจะฟื้นคืนชีพก็ยากเย็นอยู่แล้ว ดันมาเป็นไข้ตายเสียนี่ ขายหน้าจริงๆ
“ตื่นแล้วหรือ?” เสียงของจวินเฉิงดังขึ้นที่ข้างหู น้ำเสียงหนักแน่นและเรียบนิ่ง
ตันหวายกะพริบตาปริบ สมองฟื้นคืนสติสัมปชัญญะเต็มที่ แย้มยิ้มไปพลางเอาแขนยันเตียงลุกขึ้นนั่งไปพลาง ก่อนเอนตัวพิงกับกำแพง
“ตื่นแล้วก็ดี” ในความมืดมิดมองไม่เห็นเงาร่าง น้ำเสียงจึงฟังชัดเจนเป็นพิเศษ ตันหวายฟังแล้วก็ใจอ่อนยวบ
“ไพเราะจริงๆ”
“อะไรหรือ?”
ตันหวายหัวเราะ “ข้าพูดว่าเสียงท่านช่างไพเราะจริงๆ จะให้พูดอีกสักหลายรอบเลยหรือไม่? ไพเราะจริงๆ เสียงท่านช่างไพเราะจริงๆ ท่าน…”
“พอได้แล้ว” จวินเฉิงตัดบทเขา
เสียงกุกกักแว่วดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด ตันหวายรู้ว่าจวินเฉิงกำลังจะไปแล้ว
“ช้าก่อน” ตันหวายเอ่ยปาก
เสียงนั้นพลันหยุดลงทันใด รอฟังคำพูดที่ตันหวายอยากจะกล่าวอย่างเงียบๆ
“ท่านเข้ามาใกล้หน่อยได้หรือไม่?”
จวินเฉิงลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่ก็ยังเดินไปตรงหน้าตันหวาย
แสงจันทร์สาดส่องผ่านบานหน้าต่าง เมื่อตันหวายเงยหน้าก็สามารถมองเห็นเค้าหน้าที่ไม่กระจ่างชัดนักของจวินเฉิง ตันหวายฉุดชายเสื้อของจวินเฉิงไว้ ถามเสียงแหบพร่า “ให้ข้ามองตาของท่านหน่อยได้หรือไม่?”
สิ้นเสียงลงแล้ว คนทั้งสองก็ไม่มีใครกล่าววาจาอีก ท่ามกลางความมืดมิดอันเงียบงันได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน มือของตันหวายที่ดึงรั้งชายเสื้อจวินเฉิงไว้อ่อนแรงลงเรื่อยๆ พลางก้มหน้าลงด้วยความผิดหวัง
“มองไม่เห็นเลย”
ตันหวายเงยหน้าขวับขึ้นมา “อะไรหรือ?”
“ข้าพูดว่า” จวินเฉิงชิดใกล้ตันหวายยิ่งขึ้นอีก “มองไม่เห็นเลย”
มืดขนาดนี้จะมองเห็นได้อย่างไรล่ะ
ตันหวายยิ้มมุมปาก ยกมือขึ้นทาบลงบนดวงตาคู่นั้น “มองเห็นแล้ว”
มองเห็นแล้ว สิ่งนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ตามอง หากแต่เป็นหัวใจ
ตันหวายรู้ว่าความรู้สึกที่ตนมีต่อไป๋เยว่ได้เอนเอียงไปยังจวินเฉิงที่หน้าตาเหมือนกับไป๋เยว่ทุกอย่าง เขารู้ว่าทำแบบนี้ไม่ดีเลย ท้ายที่สุดอาจต้องทำร้ายทั้งคนอื่นทั้งตัวเอง แต่ว่าเขาทนไม่ไหว เหมือนกับคนที่ร่อนเร่กลางทะเลทรายหิวกระหายเจียนตายอยู่ๆ ก็เจอแอ่งน้ำแอ่งหนึ่ง ไม่ใหญ่ ทว่าดับกระหาย
ยามอรุณรุ่งมาเยือน แสงอาทิตย์ส่องลอดบานหน้าต่างสาดลงบนใบหน้าของตันหวาย ในมือตันหวายยังคงกำผ้านวมขาดรุ่งริ่งทับไว้บนตัวเขา
(ท่านเจ้าของร่าง ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?)
“อืม” ตันหวายเอ่ยตอบอย่างใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
(ท่านเจ้าของร่าง ขณะนี้มีข่าวดีมาแจ้งให้ทราบ ค่าความประทับใจของจวินเฉิงต่อตัวท่านเพิ่มสูงขึ้นถึงเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์แล้ว พยายามอีกหน่อยก็จะเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ พยายามอีกหน่อย ท่านก็จะบรรลุภารกิจ)
ตันหวายตะลึงงันด้วยความไม่อยากเชื่อ “ค่าความประทับใจนี่ลดแลกแจกแถมกันหรือไง? เพิ่มซะเร็วขนาดนี้”
(ท่านไม่ต้องสนใจหรอกว่าเขาแจกแต้มหรือเปล่า เป้าหมายของท่าน ในไม่ช้าก็ประจบสำเร็จแล้ว)
ตันหวายคิดว่ามีเหตุผล เขามาเยือนโลกใบนี้เพิ่งจะเข้าวันที่สาม เขายังพอมีเวลา พอคิดถึงตรงนี้ สีหน้าตันหวายก็หายซีดเป็นปลิดทิ้ง เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันลุกโชน!
แต่ว่า ด้วยความร้ายกาจของเหอจินหมิง เมื่อวานเขาเลยต้องคุกเข่าตลอดทั้งเช้า วันนี้ย่อมจะมาหาเรื่องเขาอีกแน่นอน ตันหวายตัดสินใจป้องกันไว้ก่อน จึงเอาเบาะหนานุ่มมารองหัวเข่ากับบั้นท้ายตนเอง องค์หญิงกำมะลอของคุณป้าฉยงเหยาช่างมีประโยชน์เหลือเกินในเวลาแบบนี้ ตันหวายซาบซึ้งจนแทบน้ำตาไหล
เสียดายเพียงว่า กระทั่งแสงสายัณห์จรดสี่ทิศ ตันหวายก็ยังไม่เจอใครมาหาเรื่องสักคน แม้แต่ขันทีน้อยกับนางกำนัลน้อยที่มักจะมารังแกเขาประจำก็หายกันไปหมด!
สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วหยิบหญ้าแห้งบนหัวทิ้งไป ตันหวายตัดสินใจกลับไปนอนดีกว่า
(ท่านเจ้าของร่าง ท่านจะกลับไปนอนหรือ?)
ตันหวายหยิบหญ้าแห้งมาเล่นในมือ พลางอ้าปากหาวหวอด
“ไม่งั้นล่ะ? ไม่หลับแล้วจะให้ผมฝึกวิชาเซียนหรือไง?” ตันหวายนวดบ่า พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงถามว่า “มีโลกที่ฝึกวิชาเซียนหรือเปล่า?”
“…”
“พูดสิ”
“อ่ะแฮ่ม ท่านเจ้าของร่าง ระบบของเรายังไม่สมบูรณ์ ยังไม่อาจทราบข้อสรุป”
ตันหวายกลอกตา คิดว่าระบบของตัวเองไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าเดิม
ระบบนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง คิดว่าตัวเองยังทำประโยชน์ได้อีกนิดหน่อย ดังนั้นจึงเปิดเผยข้อมูลอย่างหนึ่งให้ทราบ
(อีกประมาณสามสิบนาที เหอจินหมิงกับเสียนเฟย[1]จะเดินผ่านด้านหลังอุทยานหลวง ตอนนี้ท่านสามารถไปยั่วยวนเหอจินหมิงได้แล้ว)
ถ้าหากตอนนี้ตันหวายอมน้ำอยู่ในปาก เขาคงจะสำลักพ่นออกมาแน่นอน แถมยังอุทิศน้ำลายตัวเองให้เป็นของประดับฉากโดยไม่ตระหนี่เลยด้วย
“ผมต้องประจบเอาใจจวินเฉิง ทำไมยังต้องไปยั่วยวนเหอจินหมิงด้วย? ผมเป็นแม่ชาเขียวหรือยังไง?”
“ท่านเจ้าของร่าง ท่านต้องแก้แค้นเหอจินหมิง ย่อมต้องทำให้เขารู้จักความเจ็บปวดจากการสูญเสีย นอกจากนี้ท่านมีรูปลักษณ์ที่ชวนให้ผู้คนหลงใหล ท่านไม่ได้พบเขา มิใช่ว่าน่าเสียดายเสน่ห์อันน่าหลงใหลของท่านหรอกหรือ?”
“…” ตันหวายถึงกับคิดว่ามีเหตุผลอยู่บ้างเหมือนกัน
มีเหตุผลกับผีน่ะสิ!!! เขาบ้าผู้ชายขนาดนั้นเลยหรือไง? ตันหวายแค่นหัวเราะ ออกเดินไปทางห้องเก็บฟืนของเขาต่อไป
(…)
(ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีท่านเจ้าของร่างได้ปลดล็อกภารกิจลับ : แก้แค้นเสียนเฟย สถานที่ปฏิบัติภารกิจ อุทยานหลวง กำหนดเวลา 24 ชั่วโมง ท่านเจ้าของร่างโปรดปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จภายในกำหนดเวลา)
——
[1] เสียนเฟย (贤妃) ตำแหน่งพระชายาลำดับที่สี่ในองค์จักรพรรดิ “พระราชชายาผู้พร้อมด้วยคุณธรรมปัญญา”