ตอนที่ 184 บ้องตื้นกันหมดทุกคน
ตอนนี้ชุยหังไม่ได้อยู่ตรงหน้าของหลูจื้อ แต่ชุยหังนึกภาพว่าตอนนี้หลูจื้อกำลังกลั้นยิ้มอยู่
[นายว่าไงล่ะ ไม่เจ็บได้เหรอ]
[ไม่เป็นไร ตามที่หนังสือบอก ทำอีกสองสามครั้งเดี๋ยวก็ชินแล้ว] คำตอบของหลูจื้อ ทำให้ชุยหังรู้สึกวุ่นวายใจแล้ว
[สิ่งที่เขียนในหนังสือมันคืออะไร แล้วที่นายทำไปเอามาจากไหน] ชุยหังถามไป
ไม่นานหลูจื้อก็ตอบกลับมา [นายไม่ต้องยุ่งเรื่องนั้นหรอก ฉันหาเจอแล้ว]
[ที่แท้นายก็พูดโกหก] ชุยหังบ่น
หลูจื้อตอบกลับ [ฉันไม่ได้พูดโกหก ฉันหาจริงจังเลยนะ ไม่งั้นคงเอาแต่ยัดไปข้างในอ่ะ นายคงเจ็บตายเลย ถ้าไม่เชื่อ ครั้งหน้าลองดูได้]
[ไม่ต้องเลย ฉันยอมรับแล้วว่านายทำดีแล้ว] ชุยหังรู้สึกว่าตัวเองถูกรังแกอีกแล้ว
[ถูกแล้ว นายไปอาบน้ำ แล้วพักผ่อนเถอะ] หลูจื้อตอบกลับมา
[วันนี้เพราะว่าไปหานาย เลยไม่ได้ไปวิทยาเขตหลัก] ชุยหังเพิ่งบอกความจริงกับหลูจื้อ
หลูจื้อถาม [ไปวิทยาเขตหลักทำอะไร]
[ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ทีมบาสเกตบอลของคณะพวกเราได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ หัวหน้าฝ่ายกีฬาให้พวกเราแต่ละห้องส่งผู้ชายไปสองสามคน เดิมทีจะให้ฉันไปด้วย แต่ชนกับตารางของนายก็เลยไม่ได้ไป คนในหอพักฉันไม่มีใครไปสักคน] ชุยหังบอกความจริง
หลูจื้อตอบกลับอย่างเร็ว [คนในหอพักนายเป็นคนเก็บตัว?]
[ถือว่าใช่นะ แต่หัวหน้าห้องกับคนในทีมก็อยู่ที่นั่น ภาพจำอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่]
[ถ้างั้นอะไรก็จะให้นายเป็นตัวแทนเหรอ] หลูจื้อถาม
ชุยหังตอบกลับ [ไม่เป็นไรหรอก ถ้าครั้งสองครั้งก็ไม่มีปัญหา สบายๆ]
[อืม ไม่ต้องคิดมาก ไปดูแข่งบาส จะสำคัญเท่ามาอยู่กับสามีได้ยังไง] หลูจื้อตอบกลับมาอย่างไม่อาย
ชุยหังหัวเราะออกมา ถึงหลูจื้อจะมองไม่เห็น แต่เขาก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่
“เหลาอู่ นายจ้องมือถือหัวเราะอะไรตรงนั้น” วังเฉียงเอ่ยถาม
ชุยหังสะดุ้ง แล้วเอามือถือคืนมาพร้อมพูดว่า “ไม่มีอะไร ฉันอารมณ์ดี”
“แปลก นายต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ นายเพิ่งหัวเราะเหมือนกับคนบ้องตื้น” วังเฉียงเอ่ยบอก
ชุยหังรู้สึกอายเล็กน้อยพร้อมเอ่ยตอบ “น้องหก ถ้าพี่ห้าของนายเป็นคนบ้องตื้น งั้นนายก็เป็นเจ้าเด็กบ้องตื้นเหรอ งั้นพี่ใหญ่น่ากลัวสุดเป็นหัวหน้าคนบ้องตื้น”
จ้าวหลินโผล่หัวออกมาจากเตียงชั้นล่าง แล้วพูดขึ้น “พาดพิงฉันอีก เหลาอู่ เรื่องดีๆ ก็ไม่นึกถึงฉัน เรื่องแบบนี้นึกถึงฉันขึ้นมาเลยเหรอ]
ชุยหังชุยหังหัวเราะแล้วพูดว่า “ทุกคนก็บ้าไปด้วยกันนั่นแหล่ะ ไม่ใช่เหรอ”
ถังเฉิงยิ้มพร้อมเอ่ยตอบ “เหลาอู่ไม่เคยเสียเปรียบ”
“ทำไมจะไม่เคย ฉันยอมรับตลอดว่าฉันบ้า แบบนี้ยังไม่เสียเปรียบอีกเหรอ”
“ที่สำคัญคือนายเป็นคนพาพวกเราเข้าประเด็นนี้ก่อนนะ” ถังเฉิงเอ่ยบอก
ขณะที่พวกเขาคุยกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงเดินดังมาจากระเบียงทางเดิน เมื่อได้ยินเสียงนั้น ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นกัน
ชุยหังพูดขึ้น “พวกเขากลับมาแล้วใช่ไหม”
“น่าจะใช่นะ ไม่งั้นคนคงไม่เยอะขนาดนั้น”
ไม่นานคนมากมายก็เดินผ่านประตูห้องพักของพวกเขาไป แล้วกลับไปห้องพักฝั่งตรงข้ามของพวกเขา
เหลียงจื้ออยู่ท่ามกลางพวกเขา ชุยหังเอ่ยเรียก “เหลียงจื้อ”
เหลียงจื้อหันกลับมามองทางชุยหัง จากนั้นหมุนตัวกลับมาที่ห้อง 426 พร้อมเอ่ยถาม “นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ฉันก็เพิ่งกลับมาไม่นานหรอก พวกนายยิ้มอะไรกัน”
เหลียงจื้อเอ่ยตอบ “พวกเราชนะแล้ว เอาชนะมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศได้แล้ว พวกเราเป็นแชมป์แล้ว”
“จริงหรือเปล่า มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศเหมือนได้แชมป์ติดต่อกันหลายปีนะ ปีนี้เกิดอะไรขึ้น” ชุยหังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
“พวกเขาแพ้แล้วแต่ไม่พอใจ ตอนที่พวกเรากำลังจะกลับ พวกเขายังมาปล้นรถพวกเราอีก เลยต้องสู้กันออกมา”
ตอนที่ 185 รู้สึกเป็นเกียรติต่อส่วนรวม
“แล้วพวกนายทำยังไงกัน” ชุยหังเมื่อได้ฟังก็ตื่นเต้น
เหลียงจื้อเอ่ยตอบ “เดิมที่พวกเรานั่งอยู่บนรถ แต่หัวหน้าฝ่ายกีฬาบอกว่า ไม่อย่างนั้นพวกเราต้องลงรถไปหาพวกเขา ถึงยังไงพวกเราก็ไม่สนใจหรอก ถึงเวลาคนที่ขายหน้าก็ไม่ใช่พวกเรา แต่สุดท้ายคณบดีของพวกเขาก็เดินผ่านมา”
“น่ารังเกียจจริงๆ แพ้ก็แพ้ไม่ลงอีก” ชุยหังเอ่ยบอก
เหลียงจื้อเอ่ยตอบ “ถึงยังไงก็เป็นแชมป์ติดต่อกันมาหลายปี จู่ๆ มาแพ้ ก็คงไม่ชินมั้ง”
“แชมป์ไม่ได้ถูกพวกเขาเหมาไปหมดนี่ มีอะไรให้ชินหรือไม่ชิน” ชุยหังเอ่ยบอก
เหลียงจื้อมองชุยหังแล้วเอ่ยถาม “เหลาอู่ ฉันเห็นว่าวันนี้นายไม่ได้ไปใช่ไหม”
“ทำไมเหรอ”
“ถ้านายไปนะ ใช้ปากนายนี่แหล่ะสู้ ไม่สู้ก็ได้สู้” เหลียงจื้อเอ่ยบอก
“หนีเถอะ ฉันคงไม่มีความสามารถเรื่องนั้น” ชุยหังเอ่ยตอบ
เหลียงจื้อยิ้มท่าทางก่อนหน้านี้ของชุยหังเหมือนกับขันที
“ชุยหัง นายต้องไม่เชื่อว่านายมีอย่างหนึ่งที่คนอื่นบอกว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีนะ”
เหลียงจื้อพูดจบ พวกห้อง 426 ต่างหัวเราะกันขึ้นมา
ขณะนั้นโจวเฉวียนก็เดินเข้ามาถามว่าพวกเขาหัวเราะอะไรกัน
เหลียงจื้อเล่าเรื่องเมื่อสักครู่อีกครั้ง โจวเฉวียนกลับไม่มีท่าทีเป็นมิตรกับพวกเขาเหมือนก่อนหน้านี้
“ตอนนี้พวกเขาก็กำลังหัวเราะอยู่ พวกผู้ชายแมนๆ ไปตะโกนอยู่ที่วิทยาเขตหลักกันแล้ว”
เมื่อพูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป
คำพูดของเขา ทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกประหม่า กำลังประชดใครเหรอ อะไรคือเรียกว่าผู้ชายแท้ๆ ไปตะโกนอยู่ที่วิทยาเขตหลัก พวกเขาไม่ได้ไป หมายถึงไม่ใช่ผู้ชายแท้ๆ เหรอ
แม้ว่าชุยหังจะเข้าใจว่าโจวเฉวียนทำงานในทีมต้องรวบรวมคน โดยเฉพาะตอนที่คนในชั้นเรียนตัวเองไม่ให้ความร่วมมือ ก็ยิ่งลำบากเข้าไปอีก อารมณ์จึงไม่ค่อยดีนัก
‘แต่อย่างไรก็ตามพูดแบบนั้นเกินไปหน่อย’
เขาคุยสักพักแล้วเอ่ยบอก “โอเค โชคดีที่พวกเราชนะ ถ้าพวกเราแพ้ อารมณ์จะเสียมากกว่านี้”
“พวกเราไปแล้วจะทำอะไรได้ ไม่ใช่ว่ามีคนไปแล้วเหรอ” วังเฉียงเอ่ยถาม
ชุยหังหยุดเขาแล้วพูดขึ้น “เอาล่ะ ไม่พูดถึงแล้ว บางทีคนอื่นอาจจะคิดเหมือนกับนาย คนก็เลยไปกันน้อย ไม่ง่ายเลยสำหรับโจวเฉวียน”
จากนั้นเขาก็มองไปที่เหลียงจื้อ ให้วังเฉียงรู้ว่า เหลียงจื้อยังอยู่ที่นี่
ถึงอย่างไรเหลียงจื้อกับโจวเฉวียนก็เป็นรูมเมทกัน ถ้าหากกลับไปพูดอะไร อาจทำให้โจวเฉวียนเข้าใจผิดได้
วังเฉียงเข้าใจแล้วจึงไม่ได้พูดอะไรขึ้นอีก
“พวกนายกินข้าวหรือยัง” ชุยหังเอ่ยถาม
เหลียงจื้อเอ่ยตอบ “กินแล้ว กินข้าวกล่องน่ะ ประเด็นคือไม่ใช่ข้าวกล่องหรือเป็นข้าวกล่อง แต่พวกเราชนะ ก็รู้สึกฟินแล้ว”
“โอ้ ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้น” ชุยหังเอ่ยบอก
“เอาล่ะ ไม่คุยละ ฉันจะกลับไปพักผ่อนสักหน่อย” เหลียงจื้อเอ่ยบอก
“อือ อาบน้ำแล้วก็นอนเถอะ” ชุยหังไม่รั้งไว้อีก
หลังจากที่เหลียงจื้อเดินจากไป ชุยหังก็มานอนบนเตียงอีกครั้ง ตอนนี้มีข้อความจากหลูจื้อหลายส่งมาหลายข้อความเลย
[แล้วไม่ใช่เหรอ]
[ทำไมไม่ตอบล่ะ กำลังทดสอบคนอยู่เหรอ]
[ไม่ตอบอีก ครั้งหน้าฉันจะไม่ปราณีเลย]
[ไปไหนแล้ว]
ชุยหังรีบตอบกลับ [เพื่อนที่ไปวิทยาเขตหลักเพิ่งกลับมา บอกว่าพวกเราชนะแล้ว]
[อ้อ แล้วเกี่ยวอะไรกับนายล่ะ] คำตอบของหลูจื้อเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเสมอ
ชุยหังกัดฟันอดทนกับการโจมตีของหลูจื้อพร้อมตอบกลับ [มันเป็นการให้เกียรติต่อส่วนรวม นายเป็นทหารไม่เข้าใจเหรอ]
[อะไรคือความรู้สึกของการให้เกียรติต่อส่วนรวม นายไม่ไปไม่ถูกกดดันเหรอ แต่นายเอาเรื่องที่พูดนี้ไปพูดให้พวกเขารู้สึกถึงความภูมิใจของนายได้นะ]