ตอนที่ 202 เวยปั๋ว
คำพูดของหลูจื้อทำให้ชุยหังน้อยใจเล็กน้อย แต่หลังจากที่นึกถึงสภาพแวดล้อมของพวกเขา ความจริงแล้วสิ่งที่เขาพูดมากก็ไม่ผิด
ก่อนหน้านี้เขาลบประวัติการแชทระหว่างเขากับตัวฉันเป็นประจำ เพื่อไม่ให้คนอื่นเห็น
รูปถ่ายเมื่อสักครู่ของเขาและตัวฉันที่คลอเคลียกันอยู่ และยังมีมากกว่านั้นอีก ก็ไม่สามารถให้ใครเห็นได้
“เอาล่ะ นายก็ควรกลับเร็วหน่อย ฉันต้องกลับไปกินข้าวกับพวกเขาแล้ว” ชุยหังเอ่ยบอก
“ยังกินอีกเหรอ ตอนเที่ยงก็กินไปเยอะแล้วนะ” หลูจื้อเอ่ยตอบ
ชุยหังเงยหน้ามองเล็กน้อย เอ่ยบอก “นั่นไม่ใช่ตอนเที่ยงเหรอ ตอนนี้ถึงเวลามื้อเย็นแล้ว”
“โอเค งั้นไปกินเถอะ ผอมเกินไปก็ไม่ดี เดี๋ยวไม่มีแรงตอนโดนฉันจับเหวี่ยง” หลูจื้อเอ่ยบอกพร้อมกับหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
ชุยหังหน้าแดงลงจากรถไป จากนั้นก็หยิบกระเป๋าของตัวเองพร้อมกับโบกมือลาหลูจื้อ
ทุกครั้งพวกเขาแยกกันจะแยกกันในมุมที่ไม่ค่อยมีใครเห็น จากนั้นชุยหังก็หันกลับไปมองที่ประตู
เมื่อกลับมาถึงห้องพักในตอนเย็น ชุยหังกลัวว่าวังเฉียงจะเห็นสิ่งที่อยู่ในมือถือของตัวเอง ดังนั้นจึงรีบขึ้นไปนั่งอยู่บนเตียง จากนั้นก็ดูรูปถ่ายของตัวเองกับหลูจื้อบนรถในตอนบ่ายด้วยความระมัดระวัง
เขารู้สึกว่าเหมือนกับว่ากำลังดูหนังโป๊เรื่องหนึ่ง หรือไม่ก็กำลังดู MV โป๊อยู่ หลูจื้อในภาพยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ตัวฉันเหมือนยิ้มฝืนๆ เล็กน้อย
ความสวยงามที่แสนเรียบง่ายนี้ ไม่ได้มีผลกับปัญหาครอบครัวของหลูจื้อที่พวกเขาคุยกันก่อนหน้านี้ และไม่ได้เป็นปัญหากับความจริงที่พวกเขาต้องเผชิญในอนาคต แต่ก็ไม่ควรได้รับผลกระทบที่ไม่สมควรได้รับด้วย
“เหลาอู่ นายแอบยิ้มอีกแล้วนะ ในมือถือต้องมีอะไรแน่ๆ” เสียงของวังเฉียงดังขึ้นอีกครั้ง
ชุยหังรู้สึกโชคดีมากที่ตัวเขาไม่ได้เอนตัวนอนเล่นมือถือ ไม่อย่างนั้นวังเฉียงต้องรู้ความลับของเขาเป็นแน่
“ไม่มีอะไร ฉันแค่อ่านนิยายน่ะ ฉันแค่รู้สึกว่าพล็อตเรื่องมันสนุกดี” ชุยหังอธิบายด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน
วังเฉียงเอ่ยตอบ “คิดว่าฉันเป็นคนหลอกง่ายจริงๆ เหรอ นายต้องแอบชอบใครแน่ๆ แอบดูเขาในเวยปั๋วใช่ไหม”
“เวยปั๋ว พวกนายเล่นเวยปั๋วกันทุกคนเลยเหรอ” ชุยหังเอ่ยถาม
วังเฉียงเอ่ยตอบ “ใช่แล้ว นายเข้ามหาลัยแล้ว ยังไม่เล่นเวยปั๋วอีกเหรอ”
ชุยหังพูดไม่ออกเล็กน้อย ใครบอกว่าเด็กมหาลัยทุกคน ต้องเล่นเวยปั๋วล่ะ มีแค่เหรินเหรินก็ดีมากแล้วไม่ใช่เหรอ
ถังเฉิงและจ้าวหลินที่อยู่ข้างล่างก็พูดขึ้น “เหลาอู่ ทำไมนายล้าหลังแบบนี้ล่ะ พวกเรามีเวยปั๋วกันทุกคนนะ”
ชุยถังถึงกับผงะ ตัวเขาล้าหลังจริงๆ เหรอ
‘ไม่ได้แล้ว ต้องสมัครสักบัญชีแล้ว’
เขาเป็นคนที่อยากทำอะไรก็ต้องทำทันที จึงโหลดแอพพลิเคชั่นมา จากนั้นก็ลงทะเบียนบัญชี
เมื่อดูรูปถ่ายที่ตัวเขาเลือกในมือถือ ในภาพเป็นตัวเขาและหลูจื้อยิ้มอย่างมีความสุข หวังว่าช่วงเวลานี้จะถูกรักษาไว้เป็นความทรงจำต่อไป
วันแรกที่ชุยหังเปิดเวยปั๋ว ก็อัพเดตภาพตัวเองกับหลูจื้อทั้งหมดในอัลบั้มส่วนตัว
แน่นอนว่าต้องเป็นอัลบั้มส่วนตัว ไม่ใช่อัลบั้มสาธารณะ
“ฉันเปิดบัญชีเวยปั๋วแล้ว ของพวกนายชื่ออะไร ฉันจะติดตามพวกนาย” ชุยหังเอ่ยถาม
“ถังเฉิงโพลีเทคนิค”
“จ้าวหลินโพลีเทคนิค”
ทุกคนใช้ชื่อแบบนี้กันหมด แต่ชุยหังไม่อยากใช้เหมือนพวกเขา คิดอยู่สักพัก เขาจึงใช้ชื่อตัวเอง แล้วข้างหลังก็เติมเครื่องหมาย “@” หนึ่งตัว
‘เพียงเท่านี้ก็แตกต่างจากชื่อของคนอื่นแล้ว’
เขาไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะเปิดบัญชีเวยปั๋วขึ้นมา เพื่อปิดบังความลับของตัวเองในอนาคต
ตอนที่ 203 ปิดเทอมฤดูหนาว
ชุยหังไม่ได้ส่งรูปถ่ายของตัวเองกับหลูจื้อไปให้เขาจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามถ้าเขาอยากดูค่อยส่งไปให้ก็ได้
ชุยหังไม่ได้คุยโทรศัพท์กับคนที่บ้านมานานแล้ว ขณะที่กำลังเดินอยู่บนสะพานที่โรงเรียน เขาสวมเสื้อแขนสั้นคุยโทรศัพท์กับพ่อแม่ และได้ข่าวว่าที่บ้านหิมะตกครั้งแรกแล้ว
ชุยหังรู้สึกว่าตัวเองได้คนละฤดูกับพวกเขา แม้ว่าลมจะแรง แต่อุณหภูมิของที่นี่ไม่ต่ำเลย
ได้ยินมาว่า ฤดูหนาวของที่นี่สั้นมาก อีกทั้งยังหนาวมากด้วย แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เคยสัมผัส
เวลาเป็นสิ่งที่หาค่าไม่ได้มากที่สุด อีกไม่นานก็จะปิดเทอมฤดูหนาวแล้ว
ชุยหังได้เริ่มวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าเขาจะนั่งรถอะไรกลับบ้าน จะไปเส้นทางไหน มีเวลาอยู่กับครอบครัวได้นานเท่าไหร่
อย่างไรก็ตามเขามีบัตรนักศึกษา ซึ่งการไปกลับของเขาเท่ากับราคาค่ารถหนึ่งเที่ยวของคนอื่น
ในมหาวิทยาลัยมีการแสดงศิลปะ แต่ละกิจกรรมมีทั้งงานวันคริสต์มาสและงานวันตรุษจีน นอกจากนี้ยังมีงานของคณะอื่นๆ อีก
การแสดงของบางคณะมีคนไม่เพียงพอ จึงมายืมคนที่คณะของพวกเขาสองสามคน
เมื่อไม่นานมานี้ ชุยหังได้แสดงไปแล้วสองสามเวที เขารู้สึกว่าเวทีเหล่านั้นโดนเขาเหมาทำไปหมดแล้ว
ก่อนวันปิดเทอมฤดูหนาว หลูจื้อได้ติดต่อชุยหังมาถามเขาว่าไม่กลับไปบ้านได้ไหม
ตอนแรกชุยหังต้องการที่จะปฏิเสธ เพราะตัวเขาไม่ได้เจอพ่อแม่มาหลายเดือนแล้ว และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตัวเขามาไกลบ้านขนาดนี้ พ่อแม่น่าจะคิดถึงเขามาก
แต่หลูจื้อได้บอกว่าอยากจะใช้เวลากับเขาในวันตรุษจีน
ชุยหังรู้สึกใจอ่อน ในตอนนั้นคิดได้ว่าต้องโทรไปบอกพ่อแม่ จึงบอกว่าตัวเองต้องทำงานพิเศษที่นี่ จากนั้นก็ยกเลิกตารางที่จะกลับบ้านไป
แม่ของเขาคุยกับเขาทางโทรศัพท์ด้วยความไม่สบายใจ ชุยหังจึงรู้สึกผิดเล็กน้อย ตอนนั้นเขาได้ส่งข้อความไปหาหลูจื้อ บอกว่าเขาบอกพ่อแม่แล้วว่าจะไม่กลับบ้านช่วงตรุษจีน พ่อแม่จึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
หลูจื้อจึงโทรมาหาชุยหังทันที บอกว่ายังมีเขา เขาจะอยู่เป็นเพื่อนชุยหังเอง
ตอนนั้นหลูจื้อไม่ได้รู้สึกโล่งใจเลย แต่กลับพิจารณาตัวเองว่าเขาได้ทำผิดไปหรือเปล่า
เพื่อนๆ ต่างก็ออกไปทีละคน จนทั้งตึกหอพักนั้นดูโล่งไปถนัดตา
มีเพียงสามคนเท่านั้น ที่ไม่กลับบ้านช่วงตรุษจีนเหมือนกับชุยหัง
อีกสองคนที่ไม่กลับบ้านเพราะว่าพ่อแม่ของพวกเขาทำงานข้างนอกไม่ได้กลับบ้านช่วงตรุษจีน มีเพียงชุยหังเท่านั้นที่ไม่กลับบ้านเพราะใครบางคนไม่ยอมให้เขากลับ
เดิมทีเจ้าหน้าที่ดูแลหอพักต้องการให้พวกเขาไปอยู่รวมกันหนึ่งห้อง แต่ต่อมาพวกเขารู้สึกว่าไม่สามารถใช้เตียงนอนของคนอื่นได้ จึงทำได้เพียงยอมตามใจพวกเรา
ชุยหังไปเดินเล่นที่ซือเหมินโค่วอีกครั้ง ชุยหังมองถนนที่หดหู่บางสายอยู่คนเดียว แม้ว่ายังมีผู้คน แต่พวกเขาต่างก็รีบเตรียมตัวกลับบ้านฉลองตรุษจีน
เขาไม่รู้ว่าในใจของเขาเป็นอะไร รู้สึกซับซ้อนเป็นอย่างมาก
ทุกวันหลูจื้อจะโทรมาหาเขา ตอนนี้ในห้องพักไม่มีใครเลยทำให้เขาสะดวกในการพูดคุยมาก แต่เขากลับไม่รู้สึกผ่อนคลายเลย
เดิมทีคิดว่าหลูจื้อจะมีเวลามาหาเขามากขึ้น แต่คาดไม่ถึงเลยว่าช่วงนี้เขากลับมีเรื่องต้องทำตลอดจนไม่สามารถออกไปไหนได้
ชุยหังรู้ว่า เขาควรหาทางช่วยทหารตัวเล็กๆ เหล่านั้นปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง จากนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาไปจัดการธุระของตัวเอง อันนี้แปลแบบงงๆ อ่ะ
ในฐานะที่เขาอยู่เบื้องหลังของหลูจื้อ จึงต้องอดทนกับความแตกต่างนี้เป็นเพื่อนหลูจื้อ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยบ่น แต่พบว่าเรื่องนี้บ่นไปก็ไม่มีประโยชน์
วันตรุษจีนเล็กๆ วันนั้น คณบดีเชิญพวกเขาคนที่อยู่มหาวิทยาลัยและกลับบ้านไปไม่ได้ไปรับประทานอาหารค่ำมื้อหรูร่วมกัน จากนั้นก็มอบอั่งเปาให้กับพวกเขา ถือว่าเป็นการมอบความห่วงใยให้ชุยหังอย่างเพื่อนมนุษย์ทั่วไป
อย่างไรก็ตามเทศกาลแบบนี้ หลูจื้อก็ถูกแม่ของเขาลากตัวกลับบ้าน และพาครอบครัวไปกินข้าวร่วมกัน