ตอนที่ 216 นายมีเวลาแค่ไหน
“คนพเนจรที่อยู่ข้างนอกกำลังคิดถึงแม่สุดที่รัก…
…เดินเร่รอนไปทั่วทุกที่ไม่มีบ้านเลยสักหลัง
…สายลมฤดูหนาวที่มีเกล็ดหิมะปะปนอยู่ ได้พัดพาน้ำตาของฉันไป”
ชุยหังไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงนึกถึงเพลงเก่าๆ แบบนี้ขึ้นมา บางทีอาจเป็นเพียงอารมณ์พาไปตามสถานการณ์ในตอนนี้ก็เท่านั้น
ตลอดทั้งคืนเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไร
‘นอกจากร้องไห้ กินบะหมี่ ฟังเสียงประทัดที่อยู่ด้านนอก ตัวเองยังทำอะไรอีก’
หลังเที่ยงคืนชุยหังฝืนตัวเองไม่ไหวอีกต่อไปจึงอยากกลับไปนอน
เมื่อนึกถึงห้องพักที่หนาวเย็น เขาก็ไม่อยากกลับไปเลย
เมื่อหลูจื้อโทรเข้ามา เขาคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่
“นายนอนแล้วหรือยัง” หลูจื้อเอ่ยถาม
“ยัง ทำไมนายโทรมาเวลานี้ล่ะ ไม่ได้อยู่บ้านเหรอ” ชุยหังรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
‘เวลานี้น่าจะเป็นช่วงที่ครอบครัวของเขากำลังดูรายการวันตรุษจีนด้วยกันทั้งบ้านไม่ใช่เหรอ’
หลูจื้อเอ่ยตอบ “ฉันกำลังไปส่งเธอที่บ้าน มีเวลาเหลือเลยอยากไปหานาย”
“ถ้างั้นนายมีเวลานานแค่ไหน” ชุยหังเอ่ยถาม
ความจริงแล้วผู้หญิงคนนั้นก็ไปฉลองวันตรุษจีนด้วย อีกทั้งหลูจื้อยังไปส่งเธอด้วยตัวเองอีก
เธอมาเจอกับหลูจื้อในช่วงเวลาสั้นๆ และมาฉลองตรุษจีนที่บ้านของหลูจื้อ ดูเหมือนว่าหลูจื้อจะจริงจังมาก
ครอบครัวของเขาน่าจะพอใจกับบ้านพักของหลูจื้อมาก
‘ไม่อย่างนั้นทำไมถึงให้หลูจื้อพาเธอมาฉลองที่นี่ล่ะ’
ถ้าหากเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาฉลองที่บ้านของอีกฝ่าย แสดงว่าได้รับการยอมรับแล้ว
ดูเหมือนว่าครั้งนี้หลูจื้อต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
หลูจื้อเอ่ยตอบ “นายหวังว่าฉันจะมีเวลาแค่ไหนล่ะ”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันหรอก ขึ้นอยู่กับว่านายมีเวลาให้ฉันแค่ไหน” ชุยหังเอ่ยตอบ
หลูจื้อเอ่ยตอบ “ฉันไปก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากัน ไม่ได้เจอนายหลายวันเลย ฉันคิดถึงนายแล้ว”
ครั้งนี้ชุยหังไม่ได้ตอบว่าตัวเองก็คิดถึงเขาเหมือนกัน
แม้ว่าตัวเองเพิ่งจะร้องไห้ไปเพราะอยากเจอหลูจื้อ
เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนั้นที่หลูจื้อเพิ่งไปส่งที่บ้าน เขาก็ไม่สามารถสงบลงได้อีก
‘นึกถึงหรือไม่นึกถึง แล้วจะทำอะไรได้’
เมื่อเวลาของหลูจื้อที่เหลือให้เขามีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เขาจึงไม่กล้าบอกหลูจื้อว่าอยากให้อยู่นานแค่ไหน เพราะเขาคิดว่ามันไม่มีประโยชน์
เขากังวลว่าหากตัวเองพูดออกไปจะต้องใช้เวลาที่ได้เจอกับหลูจื้อในอนาคตไปด้วย
ถ้าเป็นอย่างนั้น คนที่เจ็บปวดก็คือตัวเขาเอง
ความคิดเหล่านี้กำลังตีกันวุ่นวายอยู่ในหัวของเขา ไม่รู้ว่าจะทำให้ตัวเองสงบลงได้อย่างไร
หลูจื้อมาถึงไม่นานก็โทรมาหาเขา
“นายออกมาได้แล้ว ฉันอยู่หน้าทางเข้านะ” หลูจื้อเอ่ยขึ้น
ชุยหังไม่รีรออีกต่อไป เขารีบเก็บข้าวของและเดินออกไปจากร้านอินเทอร์เน็ต
แต่เขาไม่ได้บอกพนักงานว่าตัวเองจะออกไป
เพราะว่าหลักจากที่หลูจื้อกลับไปแล้ว ตัวเขาจะกลับมาอีกครั้ง
เมื่อเดินมาถึงทางเข้า เขาก็เห็นรถของหลูจื้อ จากนั้นก็เปิดประตูขึ้นรถไป
“นี่ กินอะไรสักหน่อยสิ” หลูจื้อส่งถุงมาให้ ข้างในมีกล่องอาหารสองสามกล่องซึ่งยังอุ่นอยู่
ชุยหังเอ่ยถาม “อะไรเหรอ”
“อาหารเย็นส่งท้ายปีของนายไง เป็ดดำ คอเป็ด แล้วก็มีเกี๊ยวด้วยนะ” หลูจื้อบอกไป
ชุยหังมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของหลูจื้อ จากนั้นก็เริ่มร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
ตอนที่ 217 นายคืออาหารส่งท้ายปีของฉัน
“เป็นอะไรไป ร้องไห้แล้ว?” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังเช็ดน้ำตาพร้อมเอ่ยตอบ “ฉันก็ไม่ได้อยากร้อง แต่มันควบคุมไม่ได้”
“โทษฉันได้เลย ฉันรู้ว่านายทุกข์ใจ ฉันก็ไม่สบายใจเหมือนกัน” หลูจื้อเอ่ยขึ้น
ชุยหังไม่รู้ว่าจะบรรยายความรู้สึกของตัวเองที่ได้อยู่กับหลูจื้อได้นานแบบนี้ได้อย่างไร เขายังคงรู้นิสัยของหลูจื้อดี
แม้ว่าปกติแล้วเขาจะเผด็จการ แต่ก็เป็นคนละเอียดอ่อน เขาใสใจความรู้สึกของคนอื่นอย่างดี
เพียงแค่เขาเกิดมาในครอบครัวแบบนั้น และมีอาชีพที่ไม่สามารถทำตามใจตัวเอง
“กินเกี๊ยวก่อน นายน่าจะยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังเอ่ยตอบ “เพิ่งจะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไป”
“ใช้น้ำตาต้มหรือเปล่า ตาของนายบวมแล้ว” หลูจื้อเอ่ยถาม
ตอนนี้พวกเขาได้พบปัญหาที่แท้จริงแล้ว หมดหนทางจะแก้ไขได้ง่ายๆ
บางทีตอนนี้อาจเป็นบททดสอบในชีวิตจริงของพวกเขา
ชุยหังเปิดกล่องอาหารออกมา จากกนั้นก็กินเกี๊ยวที่กำลังร้อนๆ
“ซื้อมาจากไหนเหรอ” ชุยหังเอ่ยถาม
‘คืนวันที่ 30 น่าจะไม่มีร้านไหนเปิดอยู่ตอนนี้’
หลูจื้อพูดขึ้น “นายไม่ต้องสนใจหรอก ฉันรู้ว่าคนตงเป่ยชอบกินเกี๊ยว ปีนี้ถ้าไม่ใช่ฉัน นายก็คงกินเกี๊ยวอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่”
น้ำตาของชุยหังไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงพ่อแม่ของเขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารและมองไปยังที่นั่งของเขาอย่างใจลอยจึงทำให้เขารู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก
หลูจื้อยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้ชุยหังเพราะไม่อยากเห็นเขาทุกข์ใจอย่างนี้
เมื่อกินเกี๊ยวไปไม่กี่ชิ้น ชุยหังก็รู้สึกอิ่ม
เนื่องจากเขาเพิ่งกินบะหมี่ไปเมื่อสักครู่ ตอนนี้จึงกินอะไรอีกไม่ได้แล้ว
“กินอิ่มแล้วเหรอ” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังพยักหน้าพร้อมเอ่ยตอบ “นายก็กินบ้างสิ ฉันกินไม่ไหวแล้วจริงๆ”
หลูจื้อมองไปที่เขาพร้อมเอ่ยถาม “ฉันอยากกินนาย…ได้ไหม”
ชุยหังถึงกับผงะและไม่เข้าใจว่าหลูจื้อหมายถึงอะไร
ตอนนี้เกินเวลาเที่ยงคืนมาแล้ว สมองของเขาจึงไม่ค่อยตื่นมากนัก
หลูจื้อหยิบของในมือเขาออกมาและวางไว้ข้างๆ
เมื่อใบหน้าของเขามาอยู่ตรงหน้าของชุยหัง ชุยหังยังไม่ได้ตอบสนองใดๆ รีมฝีปากของหลูจื้อก็แนบเข้ากับชุยหังทันที
ชุยหังเบิกตาขึ้น ริมฝีปากของหลูจื้อยังคงอุ่นๆ จากนั้นมือของหลู่จื้อก็ไต่ขึ้นมาข้างบน
‘ในวันส่งท้ายปีเก่าตัวเขาไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรให้หลูจื้อเลย จึงยกตัวเองให้กับเขาก็แล้วกัน’
‘แม้ว่าเขาจะได้มันไปแล้วก็ตาม’
“ลืมตาแล้วมองฉัน” หลูจื้อพูดด้วยเสียงต่ำ
ชุยหังไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลืมตาและมองไปที่เขา
สายตาของหลูจื้อเต็มไปด้วยความรักใคร่ จากนั้นเขาก็รั้งท้ายทอยของชุยหังเข้ามา ทำให้ชุยหังไม่สามารถต้านทานได้
เมื่อลดเบาะลงร่างกายของหลูจื้อก็กดทับบนร่างของชุยหัง
เนื่องจากมีเครื่องทำความร้อนในรถ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สึกหนาว แม้ว่าจะถอดเสื้อชั้นสุดท้ายของชุยหังออกไปแล้วก็ตาม
“เมียจ๋า นายรักฉันไหม” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังมองไปที่เขาซึ่งสายตาเต็มไปด้วยความลุ่มหลงพร้อมเอ่ยว่า “รัก”
จากนั้นก็มีฝนและพายุโหมกระหน่ำมาจากหลูจื้อ
ชุยหังรู้สึกว่าหลูจื้อไม่เคยบ้าคลั่งแบบนี้มาก่อน ไม่เพียงแต่หลูจื้อเท่านั้น ตัวเขาเองก็ไม่เคยบ้าคลั่งอย่างนี้มาก่อนเหมือนกัน
บางทีคนที่ผ่านไปมาอาจจะเห็นรถสั่นได้
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้ ใครจะมีอารมณ์สังเกตเห็นว่ารถคันนี้เป็นอย่างไร
เวลาที่เหลือเป็นของพวกเขา
ข้างนอกหน้าต่างมีหิมะตก แต่อุณหภูมิในรถกลับสูงขึ้นเรื่อยๆ
หลูจื้อมองดูชุยหังที่ซุกไซ้คลอเคลียอยู่ใต้ร่างของเขา อารมณ์เก็บกดมาหลายวันในที่สุดก็ผ่อนคลายลง
คนคนนี้ต่างหากคือคนที่ตัวเองต้องการ
Related