เป็นเพราะเขาไม่ได้พิเศษอะไร อีกทั้งตอนที่พวกเขาพูดถึงว่าพวกเขาก็เป็นครอบครัวยากจนนั้นใบหน้าก็ไม่ได้ดูสะทกสะท้านอะไร
ไม่นานคู่พ่อลูกจากส่านซี [1] ก็เดินเข้ามา ตามด้วยอีกครอบครัวหนึ่งจากเจียงซีที่มาด้วยกันถึงสี่คน
ดูเหมือนว่าพ่อแม่จะพาลูกชายคนเล็กของพวกเขาตามมาส่งพี่ชายคนโตด้วย
คนเหล่านี้ต่างก็มาจากคนละท้องที่ห่างไกลกัน ต่างก็มีภาษาถิ่นที่แตกต่างกันไป แต่ว่าเพื่อนที่มาจากเหอหนานคนนั้นและเพื่อนจากส่านซีคนนั้นกลับเอาแต่นิ่งเงียบเหมือนกับจมอยู่แต่ในโลกของตัวเอง ชุยหังพูดออกไปตั้งเยอะตั้งแยะ แต่พวกเขากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิด
ผิดไปจากครอบครัวจากเจียงซี [2] นั่นที่ดูแล้วสดใสร่าเริงเข้ากับคนอื่นได้ง่าย
ชุยหังทำความรู้จักจนรู้ว่าเขาชื่อ วังเฉียง และนอนหันหัวใส่กับชุยหังพอดี
แต่ว่าดูเหมือนผ้าปูที่นอนของเขาปูแปลกๆ เหมือนจะไม่ค่อยถูก
คนอื่นมักจะเอาเสื่อเย็นปูเอาไว้บนฟูกที่นอน แต่พวกเขากลับเอาเสื่อเย็นไปปูไว้ด้านล่างของฟูกที่นอนเอาไปแนบกับไม้กระดานเตียงนอนซะอย่างนั้น
ชุยหังนึกว่าพวกเขาทำผิด ดังนั้นจึงข้ามจากฝั่งของตัวเองไปที่เตียงเขา จากนั้นก็จัดการกับฟูกที่นอนที่เขาพึ่งจะจัดเสร็จไปเมื่อครู่ เปลี่ยนใหม่โดยเอาฟูกที่นอนปูเอาไว้ด้านล่างแล้วเอาเสื่อเย็นขึ้นมาวางไว้ด้านบน
ครอบครัวนั้นต่างก็มองมาที่ชุยหังด้วยสายตาที่เข้าใจยาก
หลังจากที่ชุยหังจัดการเสร็จแล้วก็พูดขึ้นอีกว่า: “แบบนี้สิถึงจะถูก เมื่อกี้พวกคุณทำผิดแล้ว ที่นี่ตอนกลางคืนจะร้อนมาก ผมมาถึงที่นี่ก่อนสองวันได้สัมผัสกับมันมาก่อนแล้ว”
ใครจะรู้ว่าอยู่ๆ คุณแม่ท่านนั้นก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดว่า: “ที่เจียงซีของพวกเราก็ร้อนมากๆ เราคุ้นเคยกับมันดี พวกเราตั้งใจจะปูแบบนั้น”
พูดจบก็ก้าวเหยียบที่เหยียบที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาบนเตียงโน้มตัวมาแล้วจัดการกับที่นอนที่ชุยหังพึ่งจะทำมันพังจัดการปูมันใหม่อีกรอบ
ตอนนี้ชุยหังรู้สึกว่าอยากจะหาที่สักที่มุดหัวหลบเข้าไปจริงๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองอยากแสดงน้ำใจแท้ๆ สุดท้ายกลับทำมันออกมาเป็นเรื่องน่าขำซะอย่างนั้น
แต่ว่าครอบครัวนั้นคงจะรู้ว่าเขาหวังดี ถึงได้แต่มองเขาแล้วมอบรอยยิ้มจริงใจส่งมาให้
ก็ยังดี ไม่อย่างนั้นชุยหังคงจะไม่รู้จะเอาหน้าที่ไหนไปมองคนอื่นอีก
พอดีกับที่ในตอนนั้นเองชย่าอวี่ชิวมาหาชุยหังพอดี ขณะที่ชุยหังกำลังจะขาดใจลงตรงนั้นก็หาข้อแก้ตัวขอตัวออกมาได้ ไม่อย่างนั้นคงจะอึดอัดแย่เลย
“คนที่พักห้องนายมากันครบทุกคนแล้วหรอ” ชย่าอวี่ชิวเอ่ยถามชุยหังที่ดูจะยังตกอยู่ในสถานการณ์อึดอัดเมื่อสักครู่
“อืม ดูเหมือนว่ามาจากหลายที่เลยนะ พอพวกเขาพูดภาษาถิ่นขึ้นมาทีไรฉันก็ฟังไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว”
“ธรรมดาแหละ แต่ของพวกเราดีหน่อย ทั้งสามคนเป็นคนตงเป่ย [3] หมดเลย” ชย่าอวี่ชิวพูด
“นั่นมันดีมากเลยไม่ใช่หรอ จริงสิแล้วนี่พวกเราจะไปไหนกัน” ชุยหังเอ่ยถาม
ชย่าอวี่ชิวตอบ: “ถนนเฟิงหลิว (ถนนเจ้าชู้) [4] มั้ง”
“ถนนเจ้าชู้หรอ” ชุยหังตะลึงไป
ชย่าอวี่ชิวยิ้มๆ แล้วพูดขึ้น: “เมื่อกี้พึ่งถามมา ก็วันนั้นพวกเราเดินรอบมหา’ ลัยไปแล้วรอบนึงใช่ไหมล่ะ ด้านที่มีพวกร้านนั่งชิวร้องเพลงกับร้านอาหารแถบนั้นเรียกว่าถนนเฟิงหลิว (ถนนเจ้าชู้) ส่วนอีกด้านที่มีร้านอินเทอร์เน็ตกับแผงขายอาหารแถบนั้นเรียกว่าถนนตั้วลั่ว (ถนนเสื่อมทราม) [5] ”
“สุดยอด ชื่อนี่แปลกใหม่ดีจริงๆ เลย” ชุยหังพูด
“ก็เป็นชื่อที่พวกรุ่นพี่รุ่นก่อนๆ ตั้งเอาไว้นั้นแหละ”
ขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่นั้นจู่ๆ ได้ยินเสียงตะโกนเรียกดังแว่วๆ มาจากอีกทาง: “ชุยหัง นายจะไปไหนอะ”
ชุยหังหันกลับไปมองคนๆ นั้นเป็นเหลียงจื้อนั่นเอง
“เพื่อนร่วมชั้นของฉันเองเป็นคนตงเป่ยเหมือนกัน” ชุยหังพูด
ชย่าอวี่ชิวยิ้มๆ แล้วพูดขึ้น: “ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกันเลยสิ”
เหลียงจื้อเดินเข้ามาหาแล้วชุยหังก็หันไปพูดกับเขา: “นี่เพื่อนฉันชย่าอวี่ชิว เป็นคนตงเป่ยเหมือนกัน”
“หวัดดี เราเหลียงจื้อ”
“พวกเรากำลังจะไปเดินเล่นแถวถนนเฟิงหลิวไปด้วยกันไหม?”
“ถนนเฟิงหลิวหรอ? ความสัมพันธ์ของพวกนายสองคนนี่ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย” เหลียงจื้อพูดจาล้อเลียนพลางเหลือบตามองๆ ก่อนจะหัวเราะดังลั่น
แต่ว่าเสียงหัวเราะของเขานั้นดูไม่ค่อยน่าชมสักเท่าไหร่ ดูแปลกๆ เหมือนกับเสียงพวกขันทีหน่อยๆ …
——
[1] ส่านซี เป็นมณฑลในสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่ในเขตใจกลางประเทศแถบลุ่ม แม่น้ำเหลือง มณฑลส่านซีโดยมากมีลักษณะภูมิประเทศคล้ายแอ่งอยู่ระหว่างภูเขาหลายแห่ง
[2] เจียงซี เป็นมณฑลอยู่ทางทิศตะวันออก เฉียงใต้ของประเทศจีน บนชายฝั่งตอนใต้ของลุ่มน้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง)
[3] ตงเป่ย หมายถึง ดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน
[4] เฟิงหลิว (风流)แปลว่า เจ้าชู้ ไม่เคร่งครัดในประเพณีใช้ชีวิตอิสระ
[5] ตั้วลั่ว (堕落)แปลว่า เสื่อมทราม ใฝ่ต่ำ เหลวแหลก