ตอนที่ 234 ชีวิตที่มืดมน
ชุยหังเอ่ยถาม “นายคิดว่าไงล่ะ”
“ฉันคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง” ซย่าอวี้ชิวเอ่ยตอบ
“แล้วนายจะถามฉันทำไมล่ะ” เป็นครั้งแรกที่ชุยหังพูดกับซย่าอวี้ชิวด้วยน้ำเสียงแบบนี้
ซย่าอวี้ชิวถึงกับผงะไปชั่วขณะแล้วเอ่ยถาม “งั้นนายคิดจะทำยังไง”
“ฉันปิดบัญชีเวยป๋อไปแล้ว ตอนนี้คนที่เห็นน่าจะไม่เยอะมาก” ชุยหังปลอบใจตัวเอง
“ทำไมจะไม่เยอะ ฉันก็เพิ่งมาเห็นหลังจากที่ได้ฟังมาจากคนอื่น” ซย่าอวี้ชิวเอ่ยบอก
อารมณ์ของชุยหังยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าตัวเองจะเป็นคนในกระแสของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปเสียแล้ว
“งั้นก็ไม่ทำยังไง ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลาแล้วกัน เดี๋ยวก็ค่อยๆ ผ่านไป” ชุยหังเอ่ยตอบ
“อย่ามาไร้เดียงสาได้ไหม คนพวกนั้นชอบเอาคิดว่าเรื่องคลุมเครือเหล่านี้เป็นความจริงแล้วก็เอาไปแพร่กระจายต่อเรื่อยๆ ถึงยังไงพูดไปแล้วก็ไม่ได้มารับผิดชอบ” ซย่าอวี้ขิวเอ่ยบอก
ชุยหังเอ่ยตอบ “แล้วฉันจะทำอะไรได้ ฉีกปากทีละคนเหรอ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ถึงยังไงนายเองก็รู้ดีแก่ใจ ช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งออกไปร่วมกิจกรรม หลบได้ก็หลบไปก่อน” ซย่าอวี้ชิวเอ่ยบอก
ในใจของชุยหังนั้นไม่เชื่อ เพราะตัวเองไม่ได้ทำเรื่องเหล่านั้น ถ้าหากหลบซ่อนจริงๆ จะไม่เป็นการพิสูจน์ความรู้สึกผิดของเขาเหรอ
‘ยังไงก็ตามคนเหล่านั้นเหมือนกับหมาบ้า ถ้าหากมีสมองจริงๆ ก็คงไม่เป็นคนที่ขาดความคิดเป็นของตัวเองแบบนี้ใช่ไหม’
ไม่รู้ทำไมตอนนี้เขาคิดถึงหลูจื้อเป็นพิเศษ
ถ้าหากเขาอยู่ข้างๆ คงไม่สนใจว่าต้องทำตัวสำรวมหรือเปล่า เพียงแค่ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเขา
‘ฉันจะพบใครและจะมีบทสนทนาแบบไหน คนที่ฉันรอเขาอยู่ไกลแค่ไหนในอนาคต…
…ฉันได้ยินเสียงลมมาจากสถานีรถไฟใต้ดินและฝูงชน
…ฉันกำลังเข้าแถวถือไพ่ตัวเลขแห่งความรัก’
เขาเป็นคนขี้แพ้มาโดยตลอดและก่อนหน้านี้เป็นคนตาบอดคนหนึ่ง เรื่องนี้จะโทษใครได้
เมื่อพบกับแฟนเก่าที่บ้าคลั่งอย่างหลิวเฮ่อ เขาจะทำอะไรได้นอกจากยอมรับว่าตัวเองโชคร้าย
เขาเคยคิดว่าในมหาวิทยาลัยไม่มีเรื่องอะไรให้กังวล แค่มาเล่นสี่ปีก็เรียนครบทุกหน่วยกิตและได้ใบรับรองการศึกษา จากนั้นก็หางานทำและเข้าสังคม
อย่างไรก็ตามเขาลืมไปว่ามหาวิทยาลัยเป็นสังคมเล็กๆ ที่มีทั้งความเมตตาและความชั่วร้ายในสังคม
เพื่อที่จะมีอนาคตที่ดีขึ้น เขาไม่ลังเลที่สละเวลานอกมาลงเรียนอีกหลายวิชาในสาขาวิชาโทหลักสูตรในวิชาโทและได้รับใบรับรองเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังมีคนที่เพลิดเพลินกับเวลาว่างในมหา’ ลัย อ่านหนังสือ มีแฟน หลังจากเรียนจบก็เลิกกันหรือไม่ก็แต่งงานกัน
แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่สุดคือข่าวประเภทนี้ที่เต็มใจใช้เจตนาร้ายที่ใหญ่ที่สุดไปคาดคะเนข่าวที่ยังไม่ได้พิสูจน์ความจริง ข่าวที่ไม่ได้รับการยืนยันแบบนี้ พวกเขาคิดว่าตัวเองมีการศึกษาสูงและยืนอยู่บนจุดสูงสุดบนศีลธรรมที่จะวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นได้เพราะต้องการที่จะเหยียบคนอื่นลงไปในโคลนและไม่ให้ลุกขึ้นยืน
ในสายตาของเพื่อนและคนใกล้ชิด พวกเขาเป็นคนเรียนเก่งที่และมีเกียรติ เป็นคนที่โดดเด่นในแวดวงนนั้น
อย่างไรก็ตามในสายตาของชุยหังคนเหล่านี้เป็นกลุ่มที่น่ารังเกียจที่สุด ความเมตตากรุณาและศีลธรรมของคนเหล่านี้เหมือนเป็นของผู้ชายที่เป็นขโมยและผู้หญิงที่เป็นโสเภณี
วุฒิการศึกษาเทียบไม่ได้กับความประพฤติของคน
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าไม่ว่าชุยหังจะไปที่ไหน ต่างก็ตกเป็นเป้าหมายที่คนอื่นรังเกียจและระราน
ทางด้านหนังสือพิมพ์ของโรงเรียนได้บอกกับเขาโดยตรงว่าไม่ต้องเข้าเวรในช่วงนี้ และทางด้านทีมเต้นก็ไม่ให้เขาไปซ้อมเต้นแล้ว
ตอนที่ชุยหังเรียนอยู่ในห้องบรรยาย เพียงแค่เขาอยู่ในที่ของตัวเองแต่ในระยะห่างไม่กี่เมตรจะไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย บางครั้งก็มีคนขว้างลูกบอลกระดาษใส่หัวของเขา แต่เมื่อเขามองย้อนกลับไปเขาเห็นว่าทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง แต่ปากของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เขาอยากถามตัวเองว่าตัวเองเป็นรักร่วมเพศแล้วผิดเหรอ ข่าวลือเหล่านั้นคนเหล่านี้คิดว่าไม่จำเป็นต้องพิสูจน์เพราะเชื่อว่าเป็นความจริงแล้วก็มาตัดสินเขาแบบนี้เหรอ
ตอนที่ 235 พักการเรียน
ไม่มีอะไรอึดอัดไปกว่าการที่คุณไม่ได้ทำอะไรเลยอย่างเห็นได้ชัด แต่คนอื่นกลับนำโถอุจจาระมาวางบนหัวของคุณและมองเหยียดหยามคุณด้วยสายตาใสสะอาดของพวกเขา ทำให้อึดอัดเพิ่มขึ้น
สิ่งที่รับไม่ได้ยิ่งกว่าคือเขายังต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่เวลาสามปีครึ่งที่เหลือเขาจะผ่านไปได้อย่างไร
การกระทำของหลิวเฮ่อครั้งนี้โหดร้ายจริงๆ
ปล่อยให้เขาใช้เวลาที่เหลือราวกับว่าเขาแช่ในน้ำมูลสัตว์ แม้เขาจะล้างออกไปก็ไม่สะอาดแล้ว
ตอนนี้อินเทอร์เน็ตพัฒนาไปมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือแบบไหนหลังจากโพสต์ไปแล้วก็สามารถเผยแพร่ได้อย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้นการเผยแพร่ข่าวเหล่านั้นไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
‘แม้ว่าจะมีการชี้แจงออนไลน์ภายหลัง แต่จะมีใครเชื่อล่ะ’
คำกล่าวที่ว่า “ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนเกิดมามีพื้นฐานเป็นคนดี” ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไปในยุคนี้ ชุยหังต้องเผชิญกับความสงสัยและการใส่ร้ายโดยไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธทำให้ถูกกดขี่จากข่าวลือเหล่านั้น
สมองเป็นสิ่งที่ดี แต่คนที่มีการศึกษาสูงเหล่านนั้นต่างใช้สำหรับการท่องจำเพื่อทำข้อสอบ แต่กลับไม่ใช้สมองในการวิเคราะห์ปัญหา
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาชุยหังอาจกล่าวได้ว่ามีประสบการณ์เป็นหัวข้อวิจารณ์ของสาธารณะ
เมื่อเขาไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ แต่คนที่อยู่ข้างในกลับรีบหันหนีเหมือนกับว่าถูกเขามองแล้วจะเกิดอะไรขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบเดินออกไปและทิ้งเขาอยู่ข้างในคนเดียว
ก่อนเริ่มกิจกรรมในชั้นเรียนเขาได้คิดหาวิธีที่ทำให้เขาได้มีส่วนร่วม แต่ตอนนี้เขากลับต้องหาข้ออ้างเพื่อหาจุดที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมนั้นและดีที่สุดคือการไม่ปรากฏตัวในกิจกรรมนั้นเลย
เดิมทีเขาถูกกำหนดให้เป็นนักโต้วาทีคนที่สอง แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนคนไปแล้ว
เมื่อเขาไปที่ห้องโดยสารจำลอง นอกจากคนในห้องพักก็ไม่มีใครอยู่ใกล้เหมือนกับกลัวว่าเขาจะตั้งใจไปชนใคร
ชุยหังรู้สึกว่าตอนนี้มหาวิทยาลัยนี้แปลกมาก
เขาไม่รู้สึกคุ้นเคยเหมือนกับว่าเขาไม่เคยปรากฏตัวที่นี่ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา
หลังจากที่เขาทิ้งหลูจื้อไป เขาถูกคนเป็นหมื่นเป็นพันชี้หน้าด่าและความฝันทุกอย่างของเขาก็แตกสลายไปในไม่กี่วันที่ผ่านมา
คนในห้องพักต่างก็แสดงออกว่าปกป้องชุยหัง แต่อย่างไรก็ตามรสนิยามทางเพศของพวกเขาก็เป็นหัวข้อต้องห้ามเช่นกัน
ชุยหังรู้ดีว่าทุกคนกำลังลำบาก
ดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจเรื่องที่ยากที่สุดเรื่องหนึ่งคือการพักการเรียน
แน่นอนว่าการพักการเรียนต้องมีเหตุผลผลที่เหมาะสม ก่อนหน้านี้ชุยหังเคยสายตาสั้นมาก เขาจึงต้องไปผ่าตัดแก้ไขปัญหาสายตาเพื่อเส้นทางอาชีพกำลังกึ่งทหาร [1] นี้
เขาตรงไปที่โรงพยายาบาลเพื่อพบแพทย์บอกปัญหาสายตาของเขาและเล่าอาการของเขาให้หมอฟัง เพื่อหวังว่าเธอจะออกใบรับรองแพทย์ให้โดยเขียนว่าสายตาของเขากลับมาสั้นเพิ่มขึ้นจึงแนะนำให้เขาพักการเรียน
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่แพทย์ได้ตรวจพบว่าสายตาของดีมาก เธอไม่สามารถปลอมแปลงประวัติคนไข้ได้
ชุยหังตั้งใจที่จะพักการเรียนจริงๆ เขาจึงไปพบอาจารย์หม่าซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเขา
อาจารย์หม่าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของเขา เพื่อทราบว่าเขาต้องการที่จะพักการเรียนก็รู้สึกโล่งใจ
“ได้ ผมจะช่วยจัดการให้ คุณต้องการลาป่วยใช่ไหม” อาจารย์หม่าเอ่ยถาม
ชุยหังพยักหน้า ตอนนี้ไม่ว่าจะลาป่าวยหรือลาแบบไหน ขอแค่ให้เขาได้พักการเรียนก็พอแล้ว
‘ขอเพียงให้เขาได้หนีออกไปจากที่นี่ เขาจะได้ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว’
“ครับ ก่อนหน้านี้เคยผ่าตัดสายตาแล้ว แต่ตอนนี้รู้สึกว่าสายตาไม่ค่อยดีแล้ว” ชุยหังเอ่ยบอก
อาจารย์รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ใช่ความจริง แต่ไม่อยากพูดขัดเขา
“คุณกลับไปรอข่าวจากผมก่อน ผมจะไปปรึกษากับโรงพยาบาลของโรงเรียนก่อน เพื่อดูว่าจะสามารถออกใบรับรองแพทย์ให้คุณได้ไหม หลังจากนั้นผมจะแจ้งให้ทราบอีกที”
“ขอบคุณครับอาจารย์หม่า”
เมื่อเขากลับไปที่ห้องพัก ชุยหังมองไปที่ทุกคนซึ่งไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนปกติ เขาจึงไม่ได้บอกเรื่องที่เขากำลังจะไปและปีนขึ้นไปบนเตียงโดยไม่ได้พูดอะไร
——
[1] กำลังกึ่งทหาร (อังกฤษ: Paramilitary) หมายถึง กำลังซึ่งคุณสมบัติทางทหารหรือองค์การซึ่งการจัด การฝึก วัฒนธรรมย่อย และ (บ่อยครั้ง) หน้าที่คล้ายกับของทหารอาชีพ แต่ไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอย่างเป็นทางการของรัฐ
Related