ตอนที่ 238 เขาอยากจะอยู่ด้วยกันกับนาย
ชุยหังไม่ได้คิดทบทวนอะไรมากขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าสายโทรศัพท์แรก จะพอหาสถานที่ได้แล้ว
“โอเค อีกไม่กี่วันฉันก็ทำเรื่องเสร็จ หลังจากนั้นฉันจะซื้อตั๋วไปหานะ” ชุยหังเอ่ยบอก
“ก่อนนายจะมา ก็โทรหาฉัน ฉันจะไปรับนาย” ซุนซิ่งเอ่ยบอก
ชุยหังเองก็ไม่ได้คิดมากเกินไป คิดว่านี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก ถึงอย่างไรตัวเองก็ไปพึ่งเขา เขาไม่ไปรับตัวเองที่สถานีรถ ตัวเองไปไหนก็คงจะหาไม่เจอแล้ว
หลังจากติดต่อกับซุนซิ่งแล้ว หันไท่จูก็กลับมาโทรหาชุยฮัง แล้วยืนยันให้แน่ใจว่าชุยหังจะมาหรือเปล่า
ชุยหังยังไม่ค่อยรู้สึกสบายใจเท่าไหร่นัก ตัวเองไปแล้วทำให้พวกเขาเสียเวลาทำธุระอะไรหรือเปล่า
หลังจากได้คำตอบยืนยันจากชุยหังแล้ว หันไท่จูก็พูดว่างั้นก็ต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ ไม่อย่างนั้นอีกไม่กี่วันเขาก็จะต้องไปดูงานต่างเมืองแล้ว ตอนนี้ยังเจอหน้าเขาได้พอดี
ชุยหังยังรู้สึกว่าตัวเองคิดมากแล้ว เป็นเพื่อนนักเรียนเก่ากันทั้งนั้น คิดซับซ้อนเกินไปก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ในที่สุดเรื่องพักการเรียนของเขาก็ดำเนินการเสร็จแล้ว เหมือนชุยหังได้ยกภูเขาออกจากอก รู้สึกว่าในที่สุดตัวเองก็จะได้ออกไปจากที่ที่ผู้คนต่างยกตัวเองเป็นทูตสวรรค์ผู้ผดุงความถูกต้องสักที
คนในห้องพักตั้งใจเลี้ยงส่งเขาเป็นพิเศษ แล้วก็ไปถนนเฟิงหลิวครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวร้องเพลง
ครั้งนี้อารมณ์ของชุยหังไม่เหมือนเดิมโดยสิ้นเชิง ครั้งก่อนเพราะว่าคิดถึงหลูจื้อ ยังถูกคนเข้าใจผิดว่าอกหักแล้ว
แต่ครั้งนี้เขาอกหักจริงๆ แล้ว ตอนที่ร้องเพลง ‘ปลิดปลิว’ คนอื่นคิดแค่เพียงว่าเป็นเพราะข่าวลือ พักการเรียนแล้ว ทำใจจากทุกคนไปไม่ได้ ยังรู้สึกปลงในโชคชะตาของตัวเองเท่านั้น
‘ฉันล่องลอย เธอพลิ้วไหว ต้นหญ้าที่ไม่มีราก…
…ยามตื่นจากฝัน ท้องฟ้าแจ่มใส แล้วจะปลิดปลิวไปตามสายลมอีกได้เช่นไร’
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ชุยหังยังไม่กล้าบอกที่บ้าน กลัวพวกเขาจะเป็นกังวลเอาได้
ถึงอย่างไรตัวเองก็เข้ามาด้วยระบบ Green Chanel [1] แล้วอาศัยกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ถ้าพักการเรียน หลังจากกลับมา ยังมีขั้นตอนอีกมากมายยุ่งยากทั้งนั้น
ชุยหังไม่ได้บอกซย่าอวี้ชิวกับซ่งไข่ว่าตัวเองจะไปวันไหน เพราะว่าไม่อยากให้พวกเขามาส่ง แค่เพียงอยากจากไปอย่างเงียบๆ
แม้กระทั่งคนในห้องพักอยากจะช่วยเขาถือของ เขาก็ปฏิเสธไปทั้งหมด
ครั้งแรกที่ไปหาเพื่อนนักเรียนที่นั่น เพื่อแสดงความตั้งใจจริง ชุยหังยังตั้งใจไปซุปเปอร์มาร์เก็ตซื้อบุหรี่ยี่ห้อหอกระเรียนเหลืองมาสองกล่อง และยังมีปลาตะเพียนหนึ่งตัวอีกด้วย
หลังจากซื้อตั๋วแล้ว ชุยหังก็โทรหาซุนซิ่ง บอกคร่าวๆ ว่าตัวเองจะถึงเมื่อไหร่ พวกเขากำลังพูดกันอยู่ จู่ๆ ทางนั้นก็ปรากฏเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา “สุดหล่อ นายจะมาหากันเมื่อไหร่ ฉันกับซุนซิ่งจะไปรับนายด้วยกัน!”
ชุยหังชะงักไปในทันใด นี่คือแฟนสาวของซุนซิ่งเหรอ
แต่ว่าฟังสำเนียงแล้ว เหมือนจะเป็นคนทางใต้เลย
คนตะวันออกเฉียงเหนือในซานตงหาคู่เป็นคนทางใต้ในซานตง มีความสามารถนี่
ชุยหังเอ่ยรับคำไปตามปาก ไม่ได้พูดอย่างอื่น
วันนั้นที่เขาออกเดินทาง ซย่าอวี้ชิวกลับปิดบังตัว แต่ซ่งไข่กลับโทรมาหาเขา
“หลูจื้อกำลังหาตัวนายอยู่นะ นายจะไปจริงๆ เหรอ”
ชุยหังได้ยินประโยคนี้ ตะลึงงันไม่เบา
จนป่านนี้แล้ว ถ้าตัวเองไม่มีวิธีจะใจแข็งได้ ที่จริงเป็นไปได้มากจริงๆ ที่จะทำลายอนาคตของหลูจื้อ
หลูจื้อเป็นผู้ชายซื่อๆ แบบนี้ มาถูกตัวเองทำให้เปลี่ยนจากชายแท้ไปเสียดื้อๆ ถ้าตัวเองไม่ปล่อยมือต่อไป ก็ต้องตัดขาดกันแล้ว
“ตัดสินใจไปแล้ว อีกอย่างเขากับผู้หญิงคนนั้นก็ไปกันได้ดีมากไม่ใช่เหรอครับ แบบนี้ทุกคนต่างก็เหนื่อยกันหมด ผมไม่อยากทำให้เขาลำบาก” ชุยหังเอ่ยบอก
“ถ้าหากว่าเขาไม่อยากจะเล่นละครแล้ว ต้องการเลิกกับผู้หญิงคนนั้น แล้วจะคบกับนายแบบรักเดียวใจเดียวล่ะ” ซ่งไข่ถามคำถามที่สำคัญมากๆ คำถามหนึ่ง
ชุยหังมึนงงไปก่อนแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่ใจเต้น แต่ว่าความเป็นไปได้เช่นนี้น้อยเกินไปจริงๆ
“ครูฝึกซ่ง คุณคิดว่ามันเป็นจริงได้เหรอครับ”
ตอนที่ 239 คุ้มค่าแล้ว
ซ่งไข่เงียบงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ไม่ลองดู นายจะรู้ได้ยังไงไม่โอเค ตอนแรกฉันยังรู้สึกว่าพวกนายไปกันไม่ได้เลย พวกนายก็ไปกันได้แล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็แค่เจออุปสรรคสักหน่อย พยายามทุ่มเทด้วยกันก็โอเคแล้ว”
ชุยหังเอ่ยบอก “ตอนนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความพยายามของพวกเรา แต่เกี่ยวกับชีวิตคน ถ้าย่าเขาเป็นอะไรไป เพราะเรื่องของพวกเขาจริงๆ วันข้างหน้าพวกเราคบกันไปก็เต็มไปด้วยจะรู้สึกผิดบาปใช่ไหมล่ะครับ”
“เรื่องนี้ก็เป็นปัญหาหนึ่งเหมือนกัน…”
“พวกเราจะมามัวรอย่าเขารีบเสียไปไม่ได้หรอกใช่ไหมล่ะครับ” ชุยหังพูดต่ออีกประโยค
ซ่งไข่ไม่มีคำใดจะพูดได้ ปัญหานี้ เขาไม่สิทธิ์จะพูดอะไร
จากมุมมองในสถานะความรัก เขาต้องคาดหวังแน่นอนว่าในวงการนี้จะสามารถมีตอนจบที่บริบูรณ์ได้
แต่ว่าถึงอย่างไรในประเทศ ในตอนนี้สำหรับความรักแบบนี้ต่างก็ไม่เป็นที่ยอมรับทั่วไป ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอวยพรให้เลยด้วยซ้ำ
ที่ชุยหังพูดมา แนวคิดไม่ได้เปลี่ยนง่ายดายขนาดนั้น โดยเฉพาะย่าของหลูจื้อ อายุปูนนั้นแล้ว ยังรอจะอุ้มหลาน ถ้าพวกเขาจะต้องคบกันให้ได้ มันง่ายจริงๆ ที่จะสร้างโศกนาฏกรรมขึ้นมา
“หลูจื้อถามฉันว่าติดต่อนายได้ไหม ต้องการจะพบหน้านาย” ซ่งไข่เอ่ยบอก
หัวใจของชุยหังเหมือนจะแอบหยุดเต้นไปแล้ว นาทีนี้ วินาทีนี้ สิ่งนี้ที่เกิดขึ้นเป็นไปเพราะหลูจื้ออยากเจอตัวเอง เขาเองก็รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทุ่มเทไปนั้นคุ้มค่า
ต่อให้วันข้างหน้าภูเขาสูง แม่น้ำกว้างใหญ่ขนาดไหน ไม่พบเจอกันอีกแล้วก็ตาม
“ไม่ต้องหรอกครับ เจอกันแล้ว ผมก็ไปไหนไม่ไหวแล้ว” ชุยหังเอ่ยบอก
เขารู้นิสัยของหลูจื้อ แล้วก็รู้นิสัยของตัวเอง เจอหน้าหลูจื้อ ต้องหวาดหวั่นแน่ๆ
ขอเพียงแต่หลูจื้อร้องขอ ตัวเองต้องไปไม่ได้แน่ๆ
ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เท่ากับว่าหลายวันมานี้ ตัวเองทำผิดเองไปแล้วจริงๆ
เขาไม่ได้กลัวว่าหลูจื้อจะตีขาตัวเองหัก แต่กลัวว่าเขาทำลายอนาคตตัวเอง
แน่นอนอยู่แล้ว เขาเองก็รู้ว่าคิดอย่างนี้ ที่จริงก็เป็นการยกแต่ความคิดตัวเองเป็นสำคัญมากเกินไป
บางทีไม่กี่วันมานี้หลูจื้ออาจจะคิดตกแล้ว อยากจะพูดกับตัวเอง วันหลังไม่ต้องหลบตัวเองแล้ว เรื่องราวก่อนหน้านี้ก็ปล่อยให้มันเป็นอดีตไปก็ได้แล้ว ทำเหมือนกับว่าทั้งสองคนมีฝันร่วมกันในเวลาเดียวกันเท่านั้นเอง
แต่ว่าผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งทำให้ชุยหังไม่มีทางที่จะรับได้
เขายอมที่จะเหลือความเสียใจไว้ แล้วจินตนาการถึงความเป็นไปได้ที่นับไม่ถ้วนดีกว่า ไม่อยากจะมาคิดถึงจุดจบที่วาดภาพจุดสิ้นสุดไม่ได้สมบูรณ์ทีละจุดๆ
“งั้นฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เดินทางปลอดภัยนะ” ซ่งไข่เอ่ยบอก
ระหว่างทางรถไฟไปไท่อัน ชุยหังกอดกระเป๋าหนังสือของตัวเอง แล้วมองดูผู้คนที่อยู่ข้างนอกหน้าต่าง รู้สึกราวกับว่าในกลุ่มคนเหล่านี้ตัวเองไม่เข้าพวกที่สุด
นี่คือการเริ่มต้นใหม่ของตัวเอง สถานที่ท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์ที่เขาต่างล่ำลือกัน ชุยหังจินตนาการไปมากมายเลยทีเดียว ตัวเองอยู่บนภูเขาไท่ซาน สามารถตะโกนส่งเสียง ระบายความน้อยเนื้อต่ำใจและความทุกข์ที่สุมทรวงอยู่ออกไปให้ไกลได้
ครั้งนี้เขายังเลือกเป็นที่นั่งแบบแข็งไม่มีเบาะ ทั้งยังเป็นขบวนค้างคืน ตอนบ่ายขึ้นรถ เช้าวันต่อมาก็ถึงสถานีไท่อันแล้ว
ขณะที่เขาหอบสัมภาระลงมา เขาก็โทรหาซุนซิ่ง ซุนซิ่งทางนั้นกลับดูเหมือนจะเพิ่งตื่นนอน ได้ยินว่าเขาลงรถแล้ว คนทั้งคนตื่นตกใจอยู่ไม่น้อย
ซุนซิ่งให้เขารออยู่สถานี เขาจะไปถึงเดี๋ยวนี้
แต่ว่าคำว่า ‘เดี๋ยวนี้’ ก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว
ชุยหังนั่งอยู่บนบันได มองดูกลุ่มคนที่เดินไปเดินมาอยู่ในสถานี ได้ยินสำเนียงถิ่นซานตงที่เข้มข้น มองไปไกลๆ ก็เห็นภูเขาไท่ซานที่สูงตระหง่าน ตื่นเต้นน่าดูเลยทีเดียว
ในที่สุดซุนซิ่งก็ปรากฏตัวสักที ข้างกายมีสาวน้อยคนหนึ่งกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างๆ
ชุยหังรีบลุกขึ้นมาทันที หลังจากนั้นทำให้พวกเขาเห็นตัวเอง
เมื่อซุนซิ่งเดินอยู่ต่อหน้าชุยหัง เดิมทีชุยหังคิดว่าเขาจะเป็นเหมือนเมื่อก่อน ใช้มือแหย่ตัวเองทักทาย คิดไม่ถึงว่าเขาจะยื่นสองมือออกมา หลังจากนั้นก็กุมมือขวาของตัวเอง แล้วเอ่ยว่า “ลำบากนายแล้ว”
——
[1] ระบบ Green Chanel เป็นโครงการของประเทศจีนที่มีจุดประสงค์ในการช่วยเหลือนักเรียนผู้ซึ่งมีฐานะยากจนที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ให้เข้ารับการศึกษาโดยยกเว้นค่าเล่าเรียน และสามารถรายงานการเข้าเรียนได้โดยตรง
Related