ตอนที่ 264 ถือสิทธิ์อะไร
ชุยหังพลางกดโทรศัพท์ไปพลางพูดไปด้วยว่า: “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
หลูจื้อจับหน้าของชุยหังหันกลับมาแล้วจ้องมองเขา
“นายพูดอีกที?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความข่มขู่ทำให้ชุยหังอยากจะถอยหลังหนี
“หนีไปไหน?” หลูจื้อใช้มือที่วางอยู่หลังคอของชุยหังตลอดมือนั้นเกี่ยวเขาเอาไว้
ชุยหังพูดอย่างจนปัญญาว่า: “นายให้เวลาฉันแก้ไขวีแชทให้เสร็จภายในหนึ่งนาทีไม่ใช่หรอ ฉันขอล่ะหยุดก่อน”
“ไม่เป็นไร เวลานี้ก็นับรวมเอาไว้ข้างในนี้แล้วฉันเชื่อในความสามารถของนาย ตอนนั้นที่นายลบฉันออกก็กดแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นก็เสร็จเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรอ” หลูจื้อกล่าว
ชุยหังพูดว่า: “มันจะไปง่ายขนาดนั้นได้ยังไง ตอนนั้นเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่มากจนฉันจะพังทลายอยู่แล้ว”
“พังทลายที่ลบฉัน? คือนายไม่อยากให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่อยากให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อ?” หลูจื้อถาม
ชุยหังพูดขึ้น: “ไม่มีทั้งนั้นแหละ ตอนนั้นแค่รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของนาย”
“ฉันเต็มใจ นายเคยถามความคิดเห็นของฉันบ้างไหม” หลูจื้อถามอย่างตรงไปตรงมา
ชุยหังเหมือนจะตามไม่ค่อยทันแล้ว ตนถามอะไรไป?
“ฉันบล็อกโมเมนต์กลุ่มเพื่อนของนายก่อน แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเข้าไปดู แต่แค่เห็นผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมาฉันก็เจ็บปวด ต่อมาผู้หญิงคนนั้นก็ปรากฏตัวบนโปรไฟล์ของนายอีก ถึงแม้จะบอกว่าเขาทำเองก็เถอะ แต่ก็ถือว่านายอนุญาตเป็นนัยๆ แล้วไม่ใช่หรอ” คำถามนี้ของชุยหังมันถูกเก็บกดมาโดยตลอด
หลูจื้อเองก็เงียบขรึมไปชั่วขณะ อันที่จริงปัญหานี้เขาก็ไม่เคยสนใจมันมาก่อนเลยด้วยจริงๆ
“ฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันไม่ได้เป็นคนทำไม่ใช่หรอ” เขาว่า
“แต่นายทำให้ฉันเห็นมันแล้ว ถึงฉันจะยอมรับให้พวกนายคบกันเพื่อจะหาคำอธิบายให้กับครอบครัว แต่นายก็ควรจะรู้ว่าถึงฉันยอมที่จะทำมองไม่เห็นเพื่อจะไม่รำคาญใจ นายก็ควรจะพาหล่อนไปให้ไกลๆ จากฉันหน่อย เวลาที่อยู่กับหล่อนก็ไม่ต้องให้ฉันรู้ ตอนที่มันปรากฏขึ้นบนโมเมนต์เพื่อนครั้งแรกนายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบใจ นายก็ไม่ควรให้หล่อนปรากฏตัวขึ้นมาเป็นครั้งที่สอง ฉันยอมรับว่าฉันไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น ฉันมันใจแคบ แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรฉันก็ไม่เคยอยากแบ่งปันนายกับใครตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ชุยหังกล่าว
หลูจื้อไม่พูดอีกแล้ว สิ่งที่ชุยหังพูดเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน
เขาคิดมาเสมอว่าตราบใดที่เขาทำตัวดีกับเขามากพอ เพียงแค่ตนบอกกับเขาว่าคนที่อยู่ในหัวใจตนมีเขาเพียงคนเดียว เขาก็จะรู้สึกปลอดภัยสบายใจมากพอ
แต่ว่าความรู้สึกปลอดภัยสบายใจไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เพียงเพราะคำพูด
เมื่อคำพูดกับความเป็นจริงเข้าปะทะกัน แถมยังพอดีกับตอนที่ชุยหังยังไม่มีวิธีการที่จะขจัดความรู้สึกในเชิงลบนี้ออกไปจึงทำให้เกิดการสูญเสียการควบคุม
ในขณะเดียวกันชุยหังก็ไม่กล้าบอกกับตนอีก จึงทำได้แค่ทนรับมันเอาไว้เองคนเดียว
ความรู้สึกแบบนี้เป็นสิ่งที่ตนไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน
หลูจื้อครุ่นคิดอยู่สักพักแต่ก็ยังไม่มีทางรับรู้สัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้ แต่ว่ามันต้องเจ็บปวดมากแน่นอน
ที่จริงช่วงระยะที่ผ่านมาตนก็ทำให้ชุยหังต้องทนรับความเจ็บปวดทรมานมาไม่น้อยเลยทีเดียว
คนสองคนที่รักกันในบางครั้งก็ต่างเป็นฝ่ายทรมานกันและกันเอง
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่อยากปล่อยมันไป
“ทำไมนายไม่พูดตรงๆ นายไม่รู้หรอว่าคนเป็นทหารก็เป็นแค่เส้นเอ็นเส้นหนึ่งเท่านั้น” หลูจื้อถาม
ชุยหังพูดขึ้น: “ฉันกลัวว่าหลังจากที่ฉันพูดออกไปแล้วนายจะเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ทำให้คนที่บ้านของนายต้องลำบากใจไปด้วย”
ครั้งนี้วนมาถึงคราวที่หลูจื้อถอนหายใจแล้ว เขาพูดว่า: “ฉันไม่ได้คิดมากขนาดนั้น นายก็ควรจะเตือนฉันบ้าง ดังนั้นนี่ก็เป็นความผิดของนาย”
ชุยหังรู้สึกพูดไม่ออกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันเป็นความผิดของเขาทั้งหมดอยู่ดี
“ในเมื่อคบกับฉันแล้วทำไมถึงไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี? มีเรื่องค้างคาใจอะไรก็ไม่พูด นายอย่าลืมนะว่าตอนนี้นายเป็นคนของฉันแล้ว ไม่ใช่ของตัวเองแล้ว นายคิดว่ายังเป็นเหมือนเมื่อก่อนหรอที่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แบกรับมันเอาไว้คนเดียว? นายถือสิทธิ์อะไรมาทำให้คนที่ฉันรักต้องเจ็บปวดทรมาน?”
ตอนที่ 265 แผนการในอนาคต
ชุยหังมองเข้าไปในดวงตาของหลูจื้อ ตอนที่เขาพูดคำพูดพวกนี้ออกมา แววตากลับไม่เหมือนเมื่อครู่ที่เต็มไปด้วยความตำหนิ
แต่มันเป็นการตำหนิตัวเอง เป็นความปวดใจ
เขาแค่เอาเปรียบทางปากทางวาจาเท่านั้น ดังนั้นปล่อยให้เขาเอาเปรียบไปเถอะ
ยังไงซะสิ่งที่เอาเปรียบได้ก็ถูกเขาเอาเปรียบไปหมดแล้ว และไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งแรกแล้ว
“ต่อไปจะทำยังไง” ชุยหังถาม
หลูจื้อพูดขึ้น: “ตอนนี้รู้จักถามฉันแล้ว?”
“ไม่ถามก็ไม่ได้นี่นา เดี๋ยวถูกจัดการเอาง่ายๆ” ชุยหังกล่าว
หลูจื้อพูด: “ยังนับว่านายรู้จักประเมินตัวเอง กลับไปฉันจะเช่าห้องให้นาย ไม่ต้องอยู่ไกลจากฉันมากเกินไป แบบนี้ก็จะสะดวกเวลาฉันไปเยี่ยมนาย แล้วนายก็พักผ่อนก่อนสักระยะหนึ่ง ยังไงซะที่มหา’ ลัยก็พักการเรียนไปแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมากขนาดนั้นหรอก แล้วก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับใครมากด้วย”
“แล้วไงต่อ?” ชุยหังถามต่อ
คงไม่ใช่ว่าวันๆ เขาต้องไม่ทำอะไรแล้วก็อยู่แต่บ้านเฉยๆ หรอกใช่ไหม?
หลูจื้อพูดว่า: “นายก็อยู่ที่บ้านไปเถอะ ฉันจะถือว่าฝังสาวสวยในห้องทองคำ [1] ก็แล้วกัน ถึงแม้ว่านายจะหน้าตางั้นๆ แต่ก็ใช้แก้ขัดไปก่อนได้”
“ใครหน้าตางั้นๆ? อย่างน้อยที่สุดก็อยู่ในระดับที่ไม่ทำผู้ชมผิดหวังหรอก” ชุยหังกล่าว
หลูจื้อพูดขึ้น: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องถึงกับไม่ทำให้ท่านผู้ชมผิดหวังหรอก ไม่ทำให้ฉันผิดหวังก็พอแล้ว”
“หมดคำจะพูด” ชุยหังว่า
“หมดคำจะพูดก็ไม่ต้องพูดฟังฉันพูดให้จบ ตอนนี้ความสัมพันธ์ของฉันกับคนที่บ้านก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้นคงจะไม่ได้กลับไปที่บ้านบ่อยนัก ถ้าหากว่ามีเวลาก็จะไปหานาย นายทำอาหารเก่งไม่ใช่หรอ” หลูจื้อถาม
ชุยหังครุ่นคิดสักพักพลางพูดว่า: “นิดหน่อยแต่ก็ไม่มาก”
“ลังเลอะไร หรือกำลังคิดว่าจะวางยาฉันตายดีไหม” หลูจื้อถามติดตลกขึ้นมา
ชุยหังรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า: “แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันแค่กำลังคิดว่าอย่างฉันนับว่าทำอาหารเป็นหรือไม่เป็นแต่ยังไงก็ทำสุกแน่ ส่วนอร่อยไม่อร่อยมันก็อีกเรื่องแล้ว”
“ไม่เป็นไรกินได้ก็โอเคแล้ว ฉันไม่ได้เลือกกินอะไรขนาดนั้น”
“อาหารที่ฉันทำอาจจะเป็นรสชาติแบบอาหารตงเป่ย อาจจะไม่ตรงกับรสนิยมรสชาติอาหารของนาย รสชาติเผ็ดร้อนแบบเมืองเอ้อของพวกนายฉันรับไม่ค่อยไหวเท่าไหร่” ชุยหังกล่าว
“ไม่เป็นไร ผู้บังคับการซ่งของพวกเราบอกฉันแล้วว่าต่อไปถ้าทำให้นายรู้สึกไม่ดีล่ะก็พยายามให้นายกินเผ็ดน้อยๆ ก็พอ” หลูจื้อพูดพร้อมยิ้มเยาะ
ชุยหังมองท่าทางเขาก็รู้ว่าเขาคงจะไม่ได้โกรธมากขนาดนั้นแล้ว
ในเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดพลาด
หลูจื้อไม่ได้พิจารณาถึงความรู้สึกของชุยหัง ส่วนชุยหังก็คิดเองเออเอง
“แต่ว่าต่อไปในอนาคตนายก็จะเป็นได้แค่คนข้างหลังของฉันนะ นายเต็มใจไหม” หลูจื้อถาม
หลังจากชุยหังได้ฟังก็เงียบขรึมไปครู่หนึ่ง
เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของหลูจื้อก็คือไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะสามารถปรากฏตัวต่อสายตาคนอื่นได้อย่างเปิดเผย
แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ยังได้อยู่ด้วยกัน
หลังจากคิดอยู่สักพักเขาก็พูดว่า: “อืม ก็ได้”
“ฉันก็แค่ถามดู อันที่จริงฉันคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าฉันจะไม่ให้นายเป็นคนเบื้องหลังไปตลอดหรอก เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมฉันจะให้นายได้รู้จักพ่อแม่ของฉันแบบต่อหน้าเลย” หลูจื้อกล่าว
หลังจากชุยหังได้ฟังก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อนึกถึงคู่พ่อแม่คนคร่ำครึของหลูจื้อขึ้นมาเขาก็รู้สึกเป็นกังวล
“ถ้าพ่อแม่นายไม่ชอบฉันขึ้นมาจะทำยังไง” ชุยหังเอ่ยถาม
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว ลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขาถูกนายเบี่ยงเบนแล้ว ไม่ยอมแต่งลูกสะใภ้ให้แล้ว ไม่ยอมมีลูกด้วย พวกเขาควรจะชอบนายไหม” หลูจื้อกล่าว
ชุยหังครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า: “ดูเหมือนจะมีเหตุผล”
“แต่ฉันชอบก็พอแล้ว นายไม่ได้ใช้ชีวิตกับพวกเขาสักหน่อย ก็เหมือนกับที่นายเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าพวกเขาเห็นฉันกับนายคบกันอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขมาก แถมฉันก็มีความสุขจากใจจริงเดี๋ยวพวกเขาก็ค่อยๆ ปล่อยวางได้เอง”