ตอนที่ 272 เชื่อฟังทำได้หรือเปล่า
ชุยหังตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงพูดคุยของคนอื่นๆ ก่อนที่เขาจะอ้าปากหาวเบาๆ พลางมองไปทางหลูจื้อ
เขายังคงนอนหลับอยู่ สีหน้าดูเหมือนจะผ่อนคลายมากแล้ว
หัวคิ้วก็คลายออกแล้ว เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่ตามหาตนเจอแล้วเขาก็ไม่มีเรื่องที่เป็นภาระทางจิตใจมากมายขนาดนั้นแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นสองวันนี้เขาก็เหนื่อยเกินไปมากจริงๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพักผ่อนสบายๆ สักหน่อย
เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าไม่ง่วง
แค่ยืนอยู่บนรถมาตลอดทั้งคืนนั้นมันก็มากพอที่จะทำให้คนๆ นึงพังทลายได้แล้ว เมื่อวานนี้ทั้งวันทั้งคืนตาของเขายังไม่ปิดเข้าหากันเลย
เขามองหลูจื้ออยู่แบบนั้นและก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะพลิกตัว
เขาเกรงว่าเผื่อตัวเองพลิกตัวจนเกิดเสียงดังเกินไปมันจะพลอยปลุกหลูจื้อไปด้วย
หลูจื้อเม้มริมฝีปากเบาๆ มีบางครั้งที่ขนตาของเขามันกระพือขึ้นลงนิดหน่อย
คนทั้งคนนอนขดตัวเล็กน้อยอยู่บนเบาะนอน เพียงแค่มองจากใบหน้าก็สามารถมองเห็นเสน่ห์แบบของผู้ชายได้แบบเต็ม ๆ เลย
วันนี้ตอนเช้าเขาคงจะไม่ได้โกนหนวดสินะ
ตอหนวดมันโผล่ขึ้นมาเล็กน้อยมันทำให้เขาดูเหมือนผ่านโลกมาอย่างโชกโชนนิดหน่อย
เมื่อวานชุยหังไม่กล้ามองรูปลักษณ์ของหลูจื้อแบบละเอียดเพราะเขากำลังกลัว ตอนนี้มองแล้วเหมือนว่าจะน่าปวดใจอยู่นิดหน่อยจริงๆ
ช่วงระยะนี้ตนอึดอัดไม่สบายใจหลูจื้อก็พลอยไม่สบายใจด้วยเหมือนกัน
เดิมเขาคิดอยากจะปล่อยให้หลูจื้อนอนหลับสบายๆ ไปตลอดทางแต่ว่าเจ้าพนักงานประจำขบวนรถไฟกลับเดินเข้ามาตะโกนเสียงดังว่า: “ซังชิว [1] ถึงสถานีแล้ว ผู้โดยสารที่จะลงจากรถแลกตั๋วเลย”
หลูจื้อตื่นขึ้นมาทันที ชุยหังคิดอยากจะหลับตาลงทันทีแล้วแกล้งทำเป็นหลับ แต่ว่าดูเหมือนจะสายเกินไปแล้ว
ไม่มีทางเลือก เขาทำได้เพียงแค่มองหลูจื้อที่กำลังมองมาทางตนอยู่ด้วยความรู้สึกที่ละอายใจเล็กน้อย
“นายตื่นนานแค่ไหนแล้ว” หลูจื้อถาม
ชุยหังพูดไปว่า: “พึ่งตื่น จริงๆ นะ”
“ฉันหล่อไหม” หลูจื้อถาม
ชุยหังถึงกับผงะไปแล้วพูดว่า: “หล่อสิ ทำไมหรอ”
“มิน่าเมื่อกี้ถึงได้เอาแต่มองฉันตลอด เห็นได้ชัดว่าฉันก็ยังมีเสน่ห์อยู่หน่อยๆ นะเนี่ย ฉันพอจะสามารถใช้ใบหน้าหากินได้ไหม” หลูจื้อถาม
ชุยหังตอบกลับไปว่า: “ปัญญาอ่อน…”
“จริงหรอ ตอนนี้ที่ตรงนี้ไม่มีคนนะนายไม่สังเกตหรอ” หลูจื้อโน้มตัวเข้ามาใกล้ๆ แล้วพูดขึ้น
เพราะตอนนี้เป็นเวลากลางวัน แถมยังเป็นตู้โบกี้เบาะนอนด้วย ตอนนี้ก็ผ่านไปหลายสถานีแล้ว ดังนั้นในตู้โบกี้นี้ดูเหมือนจะไม่มีใครที่ไหนแล้ว
ชุยหังมองไปตรงทางเดินอย่างประหม่าและพูดว่า: “พนักงานประจำขบวนรถพึ่งจะเดินผ่านไปนะ”
“แล้วยังไง?” หลูจื้อยื่นมือออกมาจากผ้าห่ม
ชุยหังอยากจะหลบแต่กลับไม่สามารถหลบได้จึงรีบร้องขอความเมตตาอย่างรวดเร็ว: “ได้ นายสามารถใช้หน้าตาหากินได้แน่นอนอยู่แล้ว ฉันจะเป็นแฟนคลับให้นายเลย แฟนคลับผู้บ้าคลั่ง แฟนคลับสมองพิการได้หมดเลย…”
“บ้าคลั่งยังไงทำให้ฉันดูหน่อยสิ” หลูจื้อกลับไม่ยอมปล่อยความหมายของเขาให้ผ่านไปแถมยังถามออกมาตรงๆ ด้วย
ชุยหังครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นว่า: “อืม ฉันคิดว่าฉันสามารถสนับสนุนนาย…”
“สนับสนุน? หมายความว่าไง คือต้องการเอาร่างกายเข้าแลกไหม อันนี่ฉันสามารถพิจารณาได้นะแต่ว่านายเป็นของฉันแล้วพอจะเปลี่ยนวิธีการหน่อยได้ไหม?” หลูจื้อถาม
ชุยหังไม่มีทางเลือกจริงๆ จึงพูดได้เพียงว่า: “ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันยังสามารถทำอะไรได้ ยังไงซะนอกจากจะช่วยอุ่นเตียงแล้วก็ทำอาหารให้แล้วดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีความสามารถอะไรอีกเลย”
เขาเองก็รู้สึกท้อแท้แล้ว ต่อหน้าหลูจื้อดูเหมือนตนจะไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักอย่าง
“นายไม่จำเป็นต้องมีความสามารถอะไรทั้งนั้นแค่เชื่อฟังก็พอแล้ว อันนี้ทำได้ไหม” หลูจื้อช้อนคางของชุยหังเบาๆ แล้วพูดออกมา
ชุยหังรีบพยักหน้าทันทีและพูดว่า: “อันนี้ไม่มีปัญหา ฉันสามารถทำได้แน่นอนอยู่แล้ว”
“ทำได้ก็โอเค อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงเมืองเอ้อแล้ว วันนี้พวกเราพักอยู่ในเกสต์เฮาส์ใกล้กับกองทัพของเราก่อนสักวัน แล้วพรุ่งนี้พวกเราค่อยไปจองห้อง ตอนนี้ผู้บังคับกองซ่งไปช่วยดูไว้ให้สองสามที่แล้ว พวกเราไปเลือกแล้วก็จ่ายเงินก็เรียบร้อยแล้ว”
ตอนที่ 273 คนที่ต้องการ
เมื่อได้ยินว่าซ่งไข่ไปช่วยหาบ้านให้ได้แล้วชุยหังถึงกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
โดยปกติซ่งไข่ดูเหมือนจะมีเวลามากกว่าพวกเขานิดหน่อยและตอนนี้เขาก็หย่าแล้วด้วย ไม่มีผู้หญิงคอยจับเขาอยู่ที่บ้านก็ย่อมค่อนข้างเป็นอิสระเป็นธรรมดา
“นายชอบบ้านแบบไหน” หลูจื้อถาม
ชุยหังครุ่นคิดแล้วพูดว่า: “อันนี้ฉันไม่ค่อยสนใจขอแค่ในบ้านมีนายอยู่ก็พอแล้ว”
“ทำไมจู่ๆ ถึงเข้าใจพูดขึ้นมาล่ะ? ห้องที่มีฉัน นายกำลังพูดถึงหอพักของหน่วยของเราใช่ไหม” หลูจื้อว่า
ชุยหังยิ้มแล้วพูดว่า: “งั้นช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากแสดงละครให้คนดูหรอกนะ”
หลูจื้อก็พูดขึ้นว่า: “ก็จริง ต่อให้นายจะเห็นด้วยฉันก็ไม่มีทางเห็นด้วยหรอก”
“อืม ฉันก็ไม่ค่อยชินเหมือนกัน ถ้าจะออกมาอยู่ข้างนอกทางที่ดีก็ควรจะเป็นห้องเดี่ยวส่วนตัวจะสะดวกกว่า ไม่อย่างนั้นตารางการทำงานและเวลาพักผ่อนของทุกคนก็แตกต่างกัน มันไม่เหมือนในมหา’ ลัยที่เหมือนกันหมด ถึงเวลานั้นถ้าไม่สามารถควบคุมคนอื่นได้ก็จะต้องรับความทุกข์เองคนเดียว” ชุยหังวิเคราะห์
ตอนที่เขาอยู่มัธยมปลายเขาเคยออกไปเช่าห้องพักแบบแชร์ห้อง ผลปรากฏว่าคนประเภทไหนก็มีหมดเลยแบบว่าทุกข์ใจสุดๆ
มีผู้หญิงสองสามคนที่กลับมาตอนดึกแล้วยังใช้เครื่องซักผ้าซักผ้าอยู่เลย เสียงดังรบกวนมาก ซึ่งมันรบกวนการพักผ่อนของเขาอย่างมาก
ไม่ง่ายเลยที่จะทนมาได้ถึงหนึ่งเดือน เขาถึงได้เปลี่ยนไปอยู่ในที่ๆ เงียบสงบมากขึ้น
“ฉันก็อยากจะหาที่ที่มันดีหน่อย ในเมื่อต่อไปที่นั่นก็นับว่าเป็นบ้านเล็กๆ ของพวกเราแล้ว ถ้ามีนายอยู่ฉันก็คงจะคิดหาวิธีออกมาข้างนอกบ่อยๆ ถ้านายรู้สึกเบื่อก็สามารถไปเดินเล่นรอบๆ ได้ เวลาฉันไปหานายก็ทำอาหารให้ฉัน แล้วฉันก็นอนหลับเป็นเพื่อนนาย แบบนี้ก็ดีออกไม่ใช่หรอ” หลูจื้อถาม
เมื่อชุยหังคิดถึงวิถีชีวิตในแบบที่หลูจื้อพูด อันที่จริงเขาเองก็ใฝ่หามันมากเหมือนกัน
เขาไม่ต้องการอะไรที่ต้องมั่งคั่งร่ำรวย หวังแค่เพียงว่าเวลาที่เหนื่อยล้าจะมีคนคอยอยู่เคียงข้างตน เวลาที่รู้สึกกลัวหวังให้มีใครบางคนคอยโอบกอดอยู่เคียงข้าง เวลาที่ตนรู้สึกไม่มีความสุขก็มีคนคอยพูดคุยด้วยอยู่ข้างๆ
เวลาที่เขาทำอาหารก็มีคนคอยช่วยตนกินมันจนหมดไปด้วยกัน ถึงแม้ว่าหลังจากกินเสร็จแล้วจะแอบพูดแขวะตนนิดหน่อยว่าตนทำไม่อร่อยแล้วจากนั้นก็ให้ตนช่วยชดเชยแทนให้
แต่ว่าคนแบบนี้ โดยเฉพาะในแวดวงนี้มีน้อยเกินไปจริงๆ
ชุยหังพูดขึ้นว่า: “งั้นตอนที่นายนอนช่วยทำตัวดีๆ ซื่อสัตย์หน่อยได้ไหม”
“นายอยากจะให้ฉันซื่อสัตย์ยังไง คือจะให้ทำการจ่ายภาษีเก็บเกี่ยวผลผลิต [2] แบบซื่อสัตย์หรือว่าจะให้ซื่อสัตย์โดยการไม่ทำอะไรเลย?” หลูจื้อถามอย่างจงใจ
ชุยหังรู้สึกอายนิดหน่อยและพูดว่า: “มันก็ควรจะมีระดับจำกัดสิ ไม่ใช่ว่าจะไม่ยอมให้ฉันนอนตลอดทั้งคืนตลอด”
“นั่นมันก็ช่วยไม่ได้ ไม่ง่ายเลยกว่าฉันจะออกมาได้ครั้งหนึ่ง นายอยากให้ฉันไปจ่ายภาษีให้คนอื่นแทนหรือไง” หลูจื้อถาม
“แน่นอนว่าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น นายกล้า!” พอชุยหังนึกถึงความคิดนี้ก็รู้สึกประหม่า
หลูจื้อเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยจึงรีบพูดขึ้นว่า: “วางใจเถอะ ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก ต่อไปจะไม่ล้อเล่นแบบนี้กับนายแล้ว”
ชุยหังทอดถอนใจด้วยความหดหู่ ถึงแม้ว่าความคิดของหลูจื้อจะเป็นแบบชายแท้ แต่ในบางครั้ง ส่วนที่เขาบริสุทธิ์กว่าคนในแวดวงนั่นก็คือเขาจะใส่ใจว่าคุณจะคิดยังไง และอาจจะไม่มีวิธีสื่อสารตรงๆ ด้วยได้เพราะรู้สึกกังวล แต่จะสังเกตจากการแสดงออกของคุณ ดูแลใส่ใจความรู้สึกของคุณซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีค่ามาก
เพียงแต่ตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันทำให้อาจจะไม่ได้เห็นสีหน้าการแสดงออกของคุณจนทำให้ละเลยไปบ้าง
แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ต่างก็สามารถชดเชยให้กันได้
เดิมทีตนก็ไม่ใช่คนที่โดดเด่นอะไรเป็นพิเศษ การได้คบกับหลูจื้อแบบนี้ชุยหังก็มักจะรู้สึกว่าตนใฝ่สูงมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปตั้งเงื่อนไขว่าเขาต้องสมบูรณ์แบบจนทำให้ตนไม่สามารถหาข้อบกพร่องได้
เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงจะรู้สึกถึงวิกฤตมากกว่าเดิม
——
[1] ซังชิว เมืองซังชิวเป็นหนึ่งใน 18 เมืองของมณฑลเหอหนาน
[2] จ่ายภาษีเก็บเกี่ยวผลผลิต มีต้นกำเนิดมาจากหลักการปฏิรูปของซังยางที่หลังจากเกษตรทำการเก็บเกี่ยวแล้วต้องส่งมอบผลผลิตให้แก่ประเทศหนึ่งส่วน โดยทั่วไปการจ่ายภาษีเก็บเกี่ยวนี้เป็นเรื่องที่ไม่ทำไม่ได้คือจำเป็นต้องทำ ในที่นี้จึงมีการนำมาเปรียบกับกิจกรรมการแสดงความรักกันระหว่างสามีภรรยาที่มีการกำหนดระยะเวลาชัดเจนเหมือนกับการจ่ายภาษี