ตอนที่ 290 ภารกิจจวนตัว
กลางดึก โทรศัพท์ของชุยหังดังขึ้นมากะทันหัน
ชุยหังที่ไม่ง่ายกว่าจะนอนหลับได้ หลังจากถูกปลุกตื่นแล้วก็ควานหาโทรศัพท์จนเจอแล้วกดรับสายทั้งที่ยังเลอะเลือนอยู่นิดหน่อย: “ฮัลโหล สวัสดีครับ”
“นอนหลับแล้วใช่ไหม” เสียงของหลูจื้อ
ชุยหังตื่นตัวขึ้นมาในทันทีแล้วพูดว่า: “ไม่เป็นไร ก็พึ่งจะนอนหลับไปมีอะไรหรอ”
“เป็นไงบ้าง ฉันไม่อยู่บ้านนายชินบ้างไหม” หลูจื้อถาม
ชุยหังพูดขึ้นว่า: “ไม่ค่อยชิน แต่เดี๋ยวก็ค่อยๆ ชินเอง สบายใจเถอะ ฉันจะไม่มีทางเป็นภาระนาย”
“สำนึกตัวสูงเหมือนกันนะเนี่ย มีเรื่องจะบอกนายคือวันพรุ่งนี้เช้าฉันต้องออกไปปฏิบัติภารกิจ ช่วงนี้เลยไม่ได้กลับแล้ว” หลูจื้อกล่าว
เมื่อได้ยินประโยคนี้ สมองของชุยหังเหมือนจะไม่ทำงานแล้ว
อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาก็รู้ว่าเรื่องของกองทัพทหาร ใครก็บอกชัดเจนไม่ได้
ขอเพียงแค่มีที่ไหนมีความต้องการพวกเขามักจะไปถึงเป็นคนแรก จากนั้นหลังจากแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้วก็จะถอนตัวออกไปอย่างเงียบๆ
หลูจื้อเป็นฮีโร่ไร้นามแบบนี้ ตอนที่ตนเลือกเขาอันที่จริงก็เตรียมความพร้อมทางใจเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เพียงแต่พวกเขาพึ่งจะกลับมามีบ้านเล็กๆ เป็นของตัวเองแล้วหลูจื้อก็ต้องไปแบบนี้ ชุยหังรู้สึกคาดไม่ถึงก็เท่านั้น
“พรุ่งนี้เช้านายจะไปกี่โมง” ชุยหังถาม
หลูจื้อพูดว่า: “ก็ประมาณตีห้ากว่าๆ มั้ง ตอนนั้นนายน่าจะยังไม่ตื่น นายไม่ต้องกังวลหรอกนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันออกไปปฏิบัติภารกิจสักหน่อย นายอย่าทำให้ฉันเป็นห่วงก็พอแล้ว ดูแลตัวเองดีๆ”
“สบายใจเถอะ ฉันจะรอนายอยู่ที่บ้านอย่างซื่อสัตย์แน่นอน” ชุยหังกล่าว
แม้ว่าจะง่วงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงหวงแหนเวลาที่สามารถพูดคุยกับหลูจื้อได้
ว่าตามที่หลูจื้อพูดคือเขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตัวเองถึงจะได้กลับมา
ถ้าตนไม่รีบพูดอะไรกับเขาสักหน่อยก็ไม่รู้ว่าต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ถึงจะได้พูดแล้ว
“เรื่องงาน นายก็ไม่ต้องรีบร้อนนะ ทำอะไรได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ แล้วค่อยๆ หาอีก” หลูจื้อกล่าว
“อืมฉันรู้”
“ง่วงแล้วใช่ไหม” หลูจื้อถามเสียงเบา
ชุยหังกำลังคิดว่า หรือว่าเขาคิดว่าตนนอนหลับไปแล้วดังนั้นเลยกลัวจะรบกวนหรือเปล่า
เขารีบพูดว่า: “ไม่ง่วง ยังไงก็ไม่ต้องตื่นเช้าอยู่แล้ว แต่นายสิคงจะเหนื่อยมากใช่ไหม วันนี้ยุ่งมาทั้งวันเลยใช่หรือเปล่า”
“อืม แต่ก็ชินแล้วล่ะ ถ้าจู่ๆ วันไหนไม่มีเรื่องอะไรเลยขึ้นมา นั่นสิถึงจะไม่ค่อยชิน” หลูจื้อกล่าว
ชุยหังก็ไม่รู้ว่าควรจะถามคำถามอะไร ถึงจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวในกองทัพของเขา
ดังนั้นจึงลังเลนิดหน่อย
“ยังเหลืออีกห้าชั่วโมงฉันก็จะไปแล้ว นายไม่มีอะไรอยากพูดกับฉันหน่อยหรอ” หลูจื้อถาม
“หา?” ชุยหังรู้สึกว่าตอนนี้เหมือนทุกครั้งหลูจื้อจะมีเรื่องบางอย่างมาใช้เป็นข้ออ้าง จากนั้นก็เริ่มพูดคุยแบบเป็นพิธีการกับชุยหัง
“ได้ยินที่ฉันพูดไม่ชัดหรอ นอนจนโง่แล้วใช่ไหม คิดว่าตัวเองฝันอยู่หรือไง” หลูจื้อถาม
ชุยหังครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า: “เมื่อกี้ฉันพูดไปแล้วไม่ใช่หรอว่าฉันจะรอนายอย่างซื่อสัตย์อยู่ที่บ้านน่ะ”
“แค่นี้ก็จบแล้ว?” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังผงะไปแล้วถามว่า: “ยังมีอะไรอีก”
“แน่นอนว่าต้องฝึกทำอาหารดีๆ ฉันกลับมาแล้วไม่ต้องกินข้าวหรือไง”
คราวนี้ชุยหังถึงได้เข้าใจแล้วพูดว่า: “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะพยายามเรียนรู้ให้มาก”
“แบบนี้ค่อยดีหน่อย แต่ว่าอาหารตงเป่ยที่นายทำให้กินเมื่อครั้งก่อนก็อร่อยมากนะ แค่เผ็ดไม่พอแล้วก็เค็มไปนิด” หลูจื้อกล่าว
ชุยหังรู้สึกอายเล็กน้อยพร้อมพูดว่า: “ความเผ็ดของตงเป่ยกับที่นี่ของพวกนายมันไม่เหมือนกัน ส่วนเรื่องเค็มอาจจะเป็นเพราะกินอาหารที่แม่ทำมาตั้งแต่เด็กจนชินไปแล้ว ดังนั้นเลยรสชาติหนักไปหน่อย…”
“เอาเถอะ ยังไงซะต่อไปถ้ามีโอกาสฉันก็จะไปบ้านนาย ถึงตอนนั้นถ้ากินแล้วไม่คุ้นชินรสชาติคงจะได้เป็นตลกเอาได้ง่ายๆ”
“นาย นายจะไปบ้านฉัน?”
ตอนที่ 291 เสน่ห์ของความรัก
ชุยหังรู้สึกประหลาดใจที่หลูจื้อเป็นฝ่ายเสนอขึ้นมาก่อนว่าจะไปดูคนที่บ้านของพวกเขา
“ทำไม หรือว่าฉันไม่ควรไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายของฉันสักหน่อยหรอ” หลูจื้อจงใจถาม
ชุยหังกลืนน้ำลายก่อนจะพูดว่า: “นายแน่ใจหรอว่านั่นคือพ่อตาแม่ยายของนาย?”
“ไม่งั้นยังไงล่ะ อย่าลืมนะว่าระหว่างเราใครที่อยู่ข้างล่าง” หลูจื้อพูด
“ไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันหมายความว่านายไม่กลัวว่าพวกเขาจะไล่ตีนายออกมาหรอ” ชุยหังถาม
หลูจื้อหัวเราะแล้วพูดว่า: “งั้นก็ช่วยไม่ได้ จะไล่ตีออกมาก็ตีออกมาเถอะ ยังไงซะฉันก็นอนกับลูกชายสุดที่รักของพวกเขาไปแล้ว เรื่องจริงเรื่องนี้ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
ชุยหังพูดไม่ออก เหตุผลนี้ตนไม่มีวิธีที่จะคัดค้านได้เลยจริงๆ
หลูจื้อกับชุยหังพูดคุยเล่นกันไปอีกสามสี่ประโยค แต่ทั้งสองคนต่างก็จงใจที่จะหลีกเลี่ยงหัวข้อที่ว่า เมื่อไหร่หลูจื้อถึงจะสามารถกลับมาได้
เมื่อครู่นี้ตัวหลูจื้อก็พูดเองแล้วว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่า เมื่อไหร่ถึงจะได้กลับมา
นอกจากนี้ชุยหังก็ไม่อยากทำให้หลูจื้อรู้สึกว่าหลังจากเขาไปแล้ว ตนใช้ชีวิตโดยไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ว่าอะไรต่างก็ทำให้เขาเป็นกังวลไปหมด
ถึงแม้ว่าเขาไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ถือว่าเป็นกึ่งสะใภ้ทหารแล้ว เขารู้ว่าคนที่อยู่แนวหน้าไม่ควรหันเหแบ่งความสนใจไปที่สิ่งอื่น มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายได้ง่ายๆ
หลูจื้อคิดอยากจะดูแลตนให้ดี แต่สถานะของพวกเขานั้นค่อนข้างพิเศษและมีคนอีกจำนวนมากที่ต้องการทหารเหล่านี้ไปดูแล
บางครั้งเขาต้องดูแลตัวเขาเองให้ดี
หลังจากสัญญาครั้งแล้วครั้งเล่าว่าตนจะไม่มีทางทำให้หลูจื้อต้องเป็นกังวลแน่นอนไปเรียบร้อย ชุยหังถึงได้กดวางสายโทรศัพท์
พวกเขาคุยกันนานกว่าครึ่งชั่วโมง แต่ชุยหังกลับรู้สึกว่าเหมือนพึ่งผ่านไปแค่ครู่เดียวเท่านั้น
เวลาแห่งความสุขมักสั้นเสมอ
เวลาที่เหลือในค่ำคืนที่แสนยาวนานนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คนอดทนข้ามผ่านมันไปได้ยากที่สุด
ในช่วงกลางดึกนี้ไม่รู้ว่าทางด้านหลูจื้อจะจัดเก็บข้าวของเป็นยังไงบ้างแล้ว
อีกอย่างที่ทำให้เขาต้องออกไปปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เป็นเพราะหลายวันมานี้เขาลาพักมากเกินไปหรือเปล่า ดังนั้นถึงจงใจให้เขาไป
เวลา 0:10 น. ยืนพิงหน้าต่างมองแสงมืดๆ ด้านนอก ค่ำคืนแห่งสายฝนที่หลงทางมา ประทับจูบผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างเงียบๆ
ทำไมตอนนี้ฉันต้องนั่งเหม่อมองสายฝน
นั่งเหม่อลอยเพียงลำพังจนถึงเวลาตีสอง
คืนนี้หลูจื้อคงไม่มีทางได้นอนหลับแล้วมั้ง หลายวันมานี้เหมือนเขาจะไม่ได้นอนหลับแบบจริงๆ จังๆ เลย ไม่รู้ว่าเมื่อไปถึงที่นั่นแล้วจะได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอหรือเปล่านะ
หวังว่าตอนกลับมา เขาอย่าได้มีสภาพที่เหนื่อยเกินไปเลย มิฉะนั้นตนคงได้ร้องไห้ออกมาแน่
ค่ำคืนแสนลางเลือน ชุยหังมองดวงจันทร์ที่อยู่นอกหน้าต่าง ครึ่งหนึ่งถูกบดบังอยู่ในกลุ่มเมฆ บ้างซ่อนเร้นบ้างปรากฏ
เท้าเปลือยเปล่าเหยียบอยู่บนพื้นยืนอยู่ริมหน้าต่าง ชุยหังรู้สึกได้ถึงการรุกเข้าเกาะกินของความมืดยามราตรี
แต่กลับไม่มีวิธีที่จะเอาชนะความรู้สึกหดหู่แบบนั้นของตัวเองในตอนที่หลูจื้อบอกกับตนว่าเขาต้องออกไปปฏิบัติภารกิจได้เลย
แม้จะบอกตัวเองมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนว่านี่เป็นสิ่งที่ตนต้องเคยชินกับมัน แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริงแล้วก็ยังคงต้องการกระบวนการสร้างทางจิตวิยาอยู่
บางทีถ้ามีมาหลายครั้งเข้า เขาอาจจะสามารถปรับตัวเข้ากับการที่หลูจื้อออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอกแล้วตนต้องเฝ้ารอเขาอยู่ที่บ้านก็ได้
บางทีตนอาจจะต้องทำเหมือนที่หลูจื้อบอกคือเรียนรู้วิธีการทำอาหารให้ดี มิฉะนั้นหลูจื้ออาจจะถูกตนทำให้หิวจนผอมโซเอาได้ง่ายๆ
ในตอนนี้เขาถึงตระหนักได้ว่าที่จริงแล้วความรักในแบบที่ตนจินตนาการไว้ก่อนหน้านี้กับที่ตนได้พบเจอมันไม่มีทางเหมือนกันได้เลย
ความรู้สึกไม่มีทางเดินไปตามจินตนาการ เป็นได้เพียงว่าเดินไปถึงไหนก็ถึงนั่น
ความรู้สึกที่ไม่ได้วางแผนไว้ อาจเป็นเพียงปฏิกิริยาโดยสัญชาตญาณในความรู้สึกของคนสองคน
สิ่งที่เคยกล่าวไว้ว่าถ้าหากมีคนรักแล้วจะไม่มีทางทำเด็ดขาด ตอนนี้กลับทำเพื่ออีกฝ่ายโดยเริ่มรู้สึกสนุกและไม่เหน็ดเหนื่อยเลย
บางทีนี่อาจจะเป็นเสน่ห์ของความรักก็ได้