ตอนที่ 304 เซอร์ไพรส์
ชย่าอวี่ชิวตลกชุยหังจนหัวเราะชอบใจใหญ่พลางพูดว่า: “นายจะมองให้ดีสักหน่อยไม่ได้เลยหรอ”
ชุยหังพูดขึ้น: “สิ่งนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน ถ้าแค่เพียงล็อคกุญแจเอาไว้ที่นี่แล้วทำให้ความสัมพันธ์มั่นคงยาวนาน การอยู่ร่วมกันจะยังมีประโยชน์บ้าอะไร”
ชย่าอวี่ชิวพูดขึ้น: “โอเค ทุกอย่างที่นายพูดมีเหตุผลทั้งหมด ตอนแรกยังคิดว่าจะให้นายไปซื้อกุญแจมาแล้วให้นายเขียนชื่อลงไป พอดีจะได้ใช้โอกาสนี้ดูว่าเจ้าคนนั้นของนายชื่ออะไรด้วย”
“ออกกลอุบายฉัน? นายคิดมากเกินไปแล้ว เอาล่ะเที่ยวมาพอสมควรแล้วกลับกันเถอะ” ชุยหังกล่าว
ชย่าอวี่ชิวพูดขึ้น: “นี่พึ่งกี่โมงเอง พึ่งจะบ่ายเองไม่งั้นพวกเราไปริมแม่น้ำกันเถอะ ยังไงซะตอนนี้ก็เป็นช่วงฟ้าสว่างนานแล้ว ไม่มีทางมืดเร็วแน่นอน อีกอย่างนายไม่ได้กลับมานานตั้งเท่าไหร่แล้ว ผ่านไปอีกไม่กี่วันนายก็ทำงานแล้วยิ่งไม่มีเวลาเลย”
ชุยหังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและกำลังจะตอบกลับ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เมื่อเปิดดูก็เห็นว่าเป็นหลูจื้อส่งวีแชทเข้ามา
[ฉันกำลังอยู่ในระหว่างทางกลับ นายรอฉันอยู่ที่บ้านนะ ฉันจะกลับไปทำตามขั้นตอนพิธีการก่อนสักหน่อยแล้วจะกลับไปดูนาย]
ในตอนนั้นชุยหังเบิกตากว้างขึ้นในทันทีและยังนึกว่าตัวเองดูผิดไป
ไม่ใช่ใช่ไหม หลูจื้อจะกลับมาแล้ว?
นอกจากนี้เขากำลังอยู่ในระหว่างทางกลับมาด้วย?
ไม่ว่าจะแม่น้ำแยงซีเกียง แม่น้ำเหลืองอะไรก็ไม่มีแรงดึงดูดอะไรสำหรับเขาทั้งนั้นในตอนนี้
เดิมทีคิดว่าเขาไปครั้งนี้จะต้องออกไปหลายวัน คิดไม่ถึงว่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้
เขาเกือบจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้แทบไม่ไหว รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยแล้วก็ดีใจ
“ทำไมหรอ ดูจากท่าทางของนายดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?” ชย่าอวี่ชิวมองอะไรบางอย่างออกแล้ว
ชุยหังพูดขึ้น: “อืม เขากลับมาแล้ว ตอนแรกฉันคิดว่าต้องผ่านไปอีกสักระยะเขาถึงจะได้กลับมา ฉันต้องกลับบ้านแล้วล่ะ เขาอยู่ระหว่างทางกลับมาแล้ว”
แน่นอนว่าชย่าอวี่ชิวไม่มีข้ออ้างอะไรที่จะฉุดรั้งเขาไว้ได้แล้ว ทำได้เพียงแค่พูดอย่างเฉยเมยออกมาหนึ่งประโยคว่า: “งั้นก็ได้ นายกลับไปก่อนเถอะ ไม่อย่างนั้นเขากลับมาไม่เจอนายอาจจะคิดว่ามีคนลักพาตัวนายไปแล้ว”
“นายลืมไปซะเถอะ ใครจะซื้อได้ ใครก็ตามที่ลักพาตัวฉันต่างก็ต้องเพิ่มเงินออกไป”ชุยหังพูดติดตลก
ชย่าอวี่ชิวยังรับต่อประโยคนิ่งๆว่า: “เพิ่มเท่าไหร่ ฉันพิจารณาสักหน่อยสามารถเอาได้”
ชุยหังผลักเขาเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “นายลืมไปเลยเถอะ รีบหาคู่ซะเรียนจบแล้วแต่งงานเถอะ”
“อันนี้นายไม่จำเป็นต้องกังวลใจหรอก ฉันไม่มีทางโสดแน่นอน” ชย่าอวี่ชิวกล่าว
ชุยหังพูดขึ้น: “ฉันก็คิดว่าไม่มีทางหรอก ตอนนี้หลายคนต่างก็ชอบคนอ้วนเพราะว่ารังแกง่าย”
“งั้นนายคงคิดผิดแล้วมันขึ้นอยู่กับว่าใครรังแก” ชย่าอวี่ชิวรู้สึกว่าชุยหังดูเหมือนจะเข้าใจผิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคนอ้วนไป
แต่ว่าตอนนี้ความสนใจของชุยหังได้เริ่มเคลื่อนไปตามคลื่นกระแสน้ำไปแล้ว
พวกเขานั่งรถจากหอกระเรียนเหลืองตรงกลับไปที่มหาวิทยาลัย เพราะชุยหังก็ไม่รู้ว่าจากที่อื่นมีรถหมายเลขอะไรที่สามารถไปถึงสถานที่ที่เขาต้องการจะไปบ้าง
จากนั้นชย่าอวี่ชิวก็ส่งชุยหังขึ้นรถจากประตูสาม มองชุยหังค่อยๆห่างไกลออกไป
นั่งอยู่บนรถมองร่างของชย่าอวี่ที่หันกลับไปแล้ว ชุยหังส่งข้อความวีแชทไปให้เขาว่า: [นายจะต้องได้พบกับผู้หญิงที่ดีสักคน ถ้าหน้าสวยแต่ไร้ศีลธรรมอย่างสองคนนั้นที่เจอวันนี้ก็ลืมมันไปซะเถอะ คนแบบนั้นคบกับนายไปก็มีแต่จะทำให้เกรดของนายลดลงไปด้วย]
[โอเค ฉันเข้าใจแล้ว คนที่ทำให้นายขุ่นเคืองฉันไม่กล้ารับไว้แน่นอน เดินทางปลอดภัยนะกลับไปแล้วก็ให้สบายดี] ชย่าอวี่ชิวตอบกลับ
เมื่อกลับไปถึงบ้านชุยหังก็รีบดูทันทีว่ามีตรงไหนที่ยังไม่เรียบร้อยก็รีบจัดการให้เรียบร้อย
ถึงแม้ไม่รู้ว่าครั้งนี้หลูจื้อจะสามารถนอนค้างคืนที่บ้านได้หรือเปล่าแต่เขาก็ยังคงตรวจสอบดูทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียดมาก ไม่อยากให้เขารู้สึกว่าพอเขาไม่อยู่บ้านตนก็กลายเป็นเหมือนคนซึมเศร้าไม่มีผิด
ตอนที่ 305 การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ
เมื่อนึกไปว่าอีกเดี๋ยวจะได้พบหลูจื้อแล้ว ความรู้สึกของชุยหังก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างประหลาด
นี่คงจะเป็น ‘แยกจากกันสักพักชนะแต่งงานใหม่’[1] ที่เล่ากันมาสินะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันเพียงไม่กี่วันแต่เหมือนกับห่างกันมานานมากแล้ว
ถึงแม้ว่าช่วงระยะเวลาที่พวกเขายืนยันความสัมพันธ์ก็นับว่าไม่สั้นแล้ว แต่ดูเหมือนเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆกลับสั้นจนน่าสงสาร
ในเมื่อหลูจื้อบอกว่ากลับไปดำเนินการพิธีการบางอย่างแล้วจะกลับมางั้นแสดงว่าจะไม่อยู่ทานอาหารที่กองทัพใช่ไหมนะ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เขาสามารถมาทานอาหารเย็นร่วมกับตนได้?
เพียงแค่ชุยหังคิดก็รู้สึกมีความสุขแล้ว ดังนั้นจึงรีบไปจัดการทำอาหารทันที
ถึงแม้ว่าระยะเวลาไม่กี่วันจะไม่สามารถทำให้เขารุดหน้าไปได้อย่างก้าวกระโดด แต่ชุยหังก็ยังคงเตรียมพร้อมอย่างจริงจัง
ช่วงเวลาอาหารเย็น มองออกไปด้านนอกสีของท้องฟ้าเริ่มมืดลงไปเรื่อยๆ ชุยหังทำอาหารเสร็จไปแล้วสี่อย่างพร้อมกับซุปอีกหนึ่งอย่าง
แม้ว่าดูหน้าตาอาจจะไม่ค่อยดีนัก บางทีรสชาติก็อาจจะไม่เท่าไหร่ แต่มันไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะทำเสร็จ
เขาเพิ่งจะจัดโต๊ะเสร็จ หลูจื้อก็กลับมาแล้ว
ได้ยินเสียงกุญแจไขประตู ชุยหังรู้สึกว่าเสียงนี้เป็นดั่งเช่นเสียงดนตรีที่แสนไพเราะไม่มีผิด ทั่วทั้งตัวดีใจยิ้มแย้มแจ่มใสตามไปด้วย
เป็นหลูจื้อที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางตะลอนๆกลับมาอย่างที่คิดไว้จริงๆ
ทันทีที่เข้ามาในห้อง หลูจื้อได้กลิ่นอาหารแล้วยิ้มอ่อนๆออกมา: “อั๊ยโย๊ะ หัดเรียนรู้เป็นแม่และเมียที่ดีจริงๆแล้ว?”
ชุยหังรีบก้าวออกไปข้างหน้าแล้วช่วยเขาถอดเสื้อออก จากนั้นยังไม่พลาดที่จะบีบนวดแขนของเขาเพื่อดูว่าไม่กี่วันที่เขาไปนี้เขาผอมลงอีกแล้วหรือเปล่า
ยังดีที่รูปร่างของหลูจื้อยังคงเป็นอย่างเดิม เพียงแต่แดดเผาดำขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้น
“เมียที่ดีอาจจะพอเป็นไปได้ แต่แม่ที่ดีลืมไปเสียเถอะฉันไม่มีความสามารถนั้น” ชุยหังกล่าว
หลูจื้อยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “ไม่เป็นไร ถ้าไม่ได้เดี๋ยววันอื่นพวกเราเลี้ยงสัตว์เลี้ยงด้วยกัน ยังไงเสียฉันก็ไม่ค่อยได้กลับมา ให้มันอยู่เป็นเพื่อนนาย เรียกนายว่าม๊า เรียกฉันว่าป๊า”
ชุยหังรีบพูดขึ้นว่า: “ลืมไปเสียเถอะ เลี้ยงสัตว์มีชีวิตอยู่ได้ไม่เท่าคนแน่นอน ถ้าเกิดสัตว์เลี้ยงตายไปคนจะยิ่งทรมานมากกว่าเดิม”
“นายทำไมถึงมีทฤษฎีพวกนี้เป็นชุดๆเลย? ไปเรียนกับใครมา?” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังตอบว่า: “ไม่ได้เรียนรู้จากใคร เป็นตัวฉันเองที่คิดแบบนี้ การชอบสัตว์ตัวเล็กๆนั้นไม่ใช่เรื่องผิด แต่แค่ไม่อยากเลี้ยงเพราะฉันเกลียดการพลัดพรากจากลา โดยเฉพาะการลาจากแบบชั่วนิรันดร รสชาติแบบนั้นมันทรมานเกินไปจริงๆ”
“นายพูดถึงขนาดนี้แล้วฉันยังจะสามารถพูดอะไรได้อีก ยังไงซะฉันก็ไม่มีเวลาดูแล แค่กลัวว่านายอยู่บ้านคนเดียวจะรู้สึกน่าเบื่อ” หลูจื้อกล่าว
ชุยหังพูดขึ้น: “ครั้งนี้ฉันก็ต้องทำงานแล้ว แถมนี่ยังเป็นงานแรกในชีวิตของฉันด้วยนะ รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย”
“ยังไงซะนายไม่ใช่พวกเครื่องร้อนสามนาทีก็โอเคแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ตามนายดูแล้วจัดการเอาเองเถอะ ฉันยังคงประโยคนั้นเหมือนเดิมแค่นายมีความสุขก็พอแล้ว” หลูจื้อกล่าว
ชุยหังพูดกับเขาว่า: “ไปล้างมือเถอะจะได้กินข้าว กินข้าวก่อนแล้วค่อยคุยกันไม่อย่างงั้นอีกเดี๋ยวอาหารจะเย็นหมดแล้ว”
หลูจื้อบีบจมูกของชุยหังทีหนึ่งแล้วพูดว่า: “โอเค กินข้าวแล้วค่อยกินนาย”
ขณะรับประทานอาหาร ชุยหังเอ่ยถามขึ้นมาหนึ่งประโยค: “นายกลับมา ที่บ้านของนายรู้หรือเปล่า”
หลูจื้อพูดว่า: “คงจะรู้มั้ง ทำไมหรอ”
“งั้นนายไม่คิดที่จะกลับไปดูหน่อยหรอ”
“กลับไปดูอะไร อยู่กับนายสำคัญกว่า” หลูจื้อกล่าว
ชุยหังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า: “ครั้งนี้นายสามารถพักอยู่ข้างนอกได้กี่วัน”
“วันมะรืนก็ต้องกลับไปแล้ว” หลูจื้อพลางพูดพลางกินไปด้วย
ชุยหังลังเล วันนี้เป็นวันเสาร์ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ก็นับว่าเป็นวันหยุดคู่
ถ้าปล่อยให้หลูจื้ออยู่เป็นเพื่อนตนในช่วงสุดสัปดาห์แบบนี้ คนที่บ้านของหลูจื้อจะยิ่งเกลียดตนมากขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่านะ
เขากำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่างแล้วก็นึกถึงความผิดพลาดที่ตนเคยทำเมื่อตอนก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ เขามักจะรู้สึกว่าตนกำลังคิดเผื่อคนอื่นดังนั้นจึงพูดคำพูดที่มันขัดต่อความต้องการของหัวใจพวกนั้น
ครั้งนี้เขาไม่มีทางโง่ขนาดนั้นอีกแล้ว
ในเมื่อตัวหลูจื้อเองไม่อยากกลับไป ตนก็จะไม่ให้เขากลับไป การได้ซึมซับช่วงเวลาที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแบบนี้ถึงจะเป็นในแบบที่คนที่กำลังปลูกต้นรักอยู่ควรจะมี
[1] แยกจากกันสักพักชนะแต่งงานใหม่ ‘小别胜新婚’เป็นสำนวนที่คนโบราณมักพูดกัน หมายความว่าอยู่ห่างกันช่วงสั้นเพื่อพบกันอีก จะยิ่งรักกันมากกว่าเพิ่งแต่งงาน