ตอนที่ 316 หยอกล้อ
ตอนที่หลูจื้อโทรมาหาชุยหังในตอนเย็น ชุยหังก็ไม่ได้บอกเรื่องที่ตัวเองคุยกับซ่งไข่ให้เขารู้
เพราะว่าพูดอะไรมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ระหว่างพวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดถึงคนอื่นเสมอไป เพื่อหลีกเลี่ยงความประหม่าตอนที่หลูจื้อและซ่งไข่ต้องเจอหน้ากัน
มิตรภาพระหว่างเพื่อนในกองทัพของพวกเขาไม่ควรต้องมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันเพราะตัวเขาเอง
ความจริงสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเข้าใจเรื่องบรรทัดฐานนี้ด้วยตัวเอง
“วันนี้เหนื่อยไหม” ประโยคนี้เป็นคำถามประจำของหลูจื้อไปเสียแล้ว
เขามักจะรู้สึกว่าชุยหังไม่เคยทำงานอย่างจริงจัง ดังนั้นชุยหังคงจะยังไม่ชินที่ต้องไปทำงานข้างนอกแบบนี้
ชุยหังเอ่ยตอบ “ไม่เหนื่อย วันนี้ฉันได้แบ่งตลาดแล้วนะ ตอนนี้ได้ค่าตอบแทนแล้วด้วย หลังจากที่ฝึกอบรมเสร็จก็ต้องไปสัมภาษณ์กับผู้จัดการของแต่ละแผนกด้วย”
“ผู้จัดการแต่ละแผนกเหรอ บริษัทใหญ่ขนาดไหนเหรอ ทำไมรู้สึกเหมือนเล่นเกมให้ผ่านไปหนึ่งด่าน หลังจากที่ผ่านไปแล้วด่านหนึ่ง ก็ยังมีอีกหนึ่งด่าน” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังอดที่จะหัวเราะทั้งน้ำตาไม่ได้พร้อมเอ่ยตอบ “ก็แสดงให้เห็นว่ามีการจัดการที่เป็นระบบไง แต่ตอนนี้แค่ฉันนั่งอยู่นั่นยังไม่ได้ขายอะไรเลยก็ได้เงินแล้วนะ”
“โอเค ตอนที่ได้เงินค่าจ้างแล้วก็มาเลี้ยงข้าวฉันด้วยล่ะ” หลูจื้อเอ่ยบอก
“บอกมาเลย ว่าอยากกินอะไร” ชุยหังพูดอย่างใจกว้าง
“ของที่ฉันชอบกิน นายไม่รู้เหรอ” หลูจื้อเปลี่ยนเสียงเอ่ยถาม
ครั้งนี้ชุยหังเข้าใจในทันทีจึงเอ่ยตอบ “เรื่องนี้ยังต้องจ่ายด้วยเหรอ นายกลับมาตอนไหนก็มากินเถอะ”
หลูจื้อแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “นายพูดเรื่องอะไร ทำไมฉันไม่เข้าใจ นายจะให้ฉันกลับไปกินอะไร”
ชุยหังถึงกับผงะและคิดว่าเขาถูกหลอกอีกแล้ว
‘ทำไมตอนนี้หลูจื้อถึงชอบใส่ร้ายตัวเองแบบนี้นะ’
“ไม่รู้สิ นายอยากกินอะไรก็กินอันนั้นเถอะ…”
“ในบ้านก็มีนายที่กินได้…สิ่งที่นายพูดไม่ได้หมายถึงตัวนายเหรอ เอ๊ะนี่ ชุยหังนายเปลี่ยนไปนะ ตอนนี้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนแล้วเหรอ”
ชุยหังเอ่ยตอบ “ใช่ ก็สองวันนี้นายกลับมาไม่ได้ ฉันเริ่มก่อนแล้วยังไงล่ะ รอนายกลับมาฉันก็ไม่ต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนแล้ว น่าโมโหนายจริงๆ”
“โมโหฉัน? ชุยหังนายรอก่อน คอยดูว่าถึงเวลานายก็ไม่กล้าเริ่มก่อน ฉันจะทำให้นายร้องไห้จนเรียกหาพ่อแม่เลย” หลูจื้อเอ่ยบอก
ในหัวของชุยหังตอนนั้นมึนงงไปหมด เขาเกือบลืมไปว่าผู้ชายคนนี้ชอบขู่ตัวเองอยู่ตลอด
เขาจึงรีบตอบอย่างเร็ว “เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่น นายอย่าคิดมากเลย…”
“ใช่เหรอ ไม่เป็นไรหรอกเพราะฉันเอาจริง ถึงเวลา ดูว่านายจะแสดงออกมายังไง แล้วค่อยว่ากันอีกที นายว่าดีไหม” หลูจื้อเอ่ยถามอย่างจงใจ
ชุยหังยังพูดอะไรได้อีกเหรอ เขาทำได้เพียงตอบอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากนั้นหลูจื้อก็เปลี่ยนน้ำเสียง “ช่วงนี้ที่กองทัพมีหลายเรื่องจริงๆ สองวันนี้นายดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ ฉันอาจจจะต้องใช้เวลาสักพักถึงจะมีเวลากลับไป”
“อืม ไม่เป็นไรหรอก นายดูแลตัวเองดีๆ ก็พอแล้ว” ชุยหังเอ่ยตอบ
“วางใจเถอะ ตอนนี้ฉันจะดูแลตัวเองดีๆ เพื่อนาย” หลูจื้อบอกไป
ชุยหังเอ่ยตอบ “ฉันก็จะดูแลตัวเองดีๆ สองวันมานี้ได้เรียนเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนด้วย คอยดูว่าถึงเวลาจะทำอะไรให้นายได้บ้าง”
“ไม่เป็นไร นายทำอะไร ฉันก็กินอันนั้นแหละ ถึงเป็นยาพิษ ฉันก็จะกิน” หลูจื้อเอ่ยบอก
ชุยหังพูดบ้าง “ฉันไม่กล้าวางยาพิษนายหรอก ฉันยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย”
“ฉันคิดว่านายทำไม่ลง ที่ไหนได้ก็แค่กลัวต้องมารับผิดชอบนี่เอง” หลูจื้อพูดติดตลก
“ฉันรู้แล้วว่านายพูดแบบนี้กับฉันเพราะอยากให้ฉันพูดออกมาใช่ไหม ได้ ฉันทำนายไม่ลงหรอก ทำไม่ลงเลยจริงๆ ทำนายไม่ลงมากกว่าทำตัวเองไม่ลงซะอีก” ชุยหังพูดใส่
หลังจากที่หลุจื้อได้ฟังก็หัวเราะชอบใจ จากนั้นก็พูดเบาๆ ว่า “ชุยหัง ฉันชอบที่นายเป็นแบบนี้จัง”
ตอนที่ 317 มีแค่นายก็พอแล้ว
“ฉันเป็นแบบไหนที่นายจะไม่ชอบเหรอ” ชุยหังจงใจถาม
หลูจื้ออึ้งไปสักครู่ จากนั้นจึงเอ่ยตอบ “นายเป็นแบบไหนฉันก็ชอบทั้งนั้นแหละ ฮ่าๆๆ เพราะว่านายเปลี่ยนไปกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ไปแล้ว”
“นี่เรียกว่าเจ้าเล่ห์เหรอ ฉันคิดว่าเรื่องที่ฉันถามเป็นเรื่องปกตินะ ฉันไม่ได้ถามคำถามน่าเบื่อว่านายรักฉันแค่ไหนอะไรแบบนั้นสักหน่อย”
“ถูกต้อง สิ่งที่นายพูดมีเหตุผล แต่ว่าฉันรักนายมากแค่ไหน ในใจของนายไม่รู้เลยเหรอ” หลูจื้อเอ่ยบอกอีกครั้งอย่างมีความหมาย
ชุยหังรู้สึกร้อนที่ใบหน้าขึ้นมาในตอนนั้นจึงเอ่ยตอบ “ทำไมนายถึงจริงจังขึ้นเรื่อยๆ ล่ะ”
“ก็ขึ้นอยู่กับว่ากับใครด้วยนะ ถ้าพูดกับเมียตัวเองยังต้องจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ นายเข้าใจว่าพูดจริงจังเป็นยังไงล่ะ” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังพูดไม่ออกจึงทำได้เพียงยอมรับบความพ่ายแพ้
“เมื่อไหร่นาย…” ชุยหังกลั้นคำพูดไว้
ชุยหังเกือบจะถามออกไปว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะกลับมา
แต่คำนั้นมาถึงแค่ริมฝีปาก เขาเพิ่งนึกได้ว่าไม่ควรถามคำถามนี้ เพราะจะเพิ่มความหนักใจใหกับหลูจื้อ
‘เขาออกมาได้ตอนไหนเดี๋ยวเขาก็จะกลับมาเอง’
“มีอะไรเหรอ มีเรื่องอะไรจะถามฉันเหรอ” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังรีบเปลี่ยนคำถามและเอ่ยถาม “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากถามนายว่าวันเกิดของนายวันไหน”
“ทำไมจู่ๆ ถึงอยากรู้เรื่องนี้” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังเอ่ยตอบ “ต้องอยากรู้สิ อย่างน้อยฉันจะได้เตรียมใจไว้บ้างไง”
“ก็ต้องเตรียมตัวแล้ว อีกหนึ่งเดือนก็จะถึงวันเกิดของฉันแล้ว”
“แล้วตอนไหนล่ะ” ชุยหังไม่คิดเลยว่าคำถามที่เขาถามออกไปอย่างนั้นจะถูกถามขึ้นมาเป็นประเด็นอย่างจริงจัง
หลูจื้อเอ่ยตอบ “วันที่ 6 เดือนเมษายน”
“โอเค ฉันรู้แล้ว ฉันจะจำไว้” ชุยหังเอ่ยตอบ
หลูจื้อเอ่ยบอก “แต่ว่าไม่ต้องเตรียมอะไรไว้นะ นอกจากนายจะเอาตัวเองผูกริบบิ้นมาให้ฉันก็ได้”
“อันนี้มีได้ แต่ว่านายไม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษเหรอ” ชุยหังเอ่ยถาม
หลูจื้อคิดสักพักจึงเอ่ยตอบ “ไม่ต้องหรอก มีแค่นายก็พอแล้ว”
“โอเค งั้นฉันจะคิดเองก็แล้วกันยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือน” ชุยหังคิดดูแล้วยังมีเวลาเหลืออีกเดือนกว่าๆ
ตอนนั้นตัวเองคงได้รับการจ่ายเงินเดือนแล้ว
บริษัทจะจ่ายเงินเดือนทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน เมื่อถึงวันเกิดของหลูจื้อ ตัวเองก็จะสามารถซื้อของขวัญให้เขาได้แล้ว
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหลูจื้ออยากได้อะไร แต่ถ้าให้ด้วยใจเขาก็น่าจะดีใจ
การที่คนสองคนอยู่ด้วยกัน สิ่งสำคัญก็คือน้ำใจ
ชุยหังไม่ได้สนใจว่าหลูจื้อใช้เงินไปกับการซื้อของขวัญให้ตัวเองไปมากแค่ไหน เขาไม่ใช่คนสนใจในวัตถุนิยม ถึงเขาจะยอมรับว่าการที่คนสองคนอยู่ด้วยกัน สิ่งต่างๆ ที่จำเป็นในการดำรงชีวิตล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้น แม้ว่าจะอยู่คนเดียวก็ยังมีค่าใช้จ่าย
สิ่งที่ตัวเขาสนใจคือน้ำใจที่ตัวเองได้รับตอนที่ได้อยู่กับเขามากกว่า
“ยังไงก็เถอะ ทำไมถึงรู้สึกว่านายยุ่งกว่าครูฝึกซ่งอีก” ความจริงชุยหังสงสัยมานานแล้ว
ทุกครั้งที่หลูจื้อออกไปทำงาน เหมือนว่าซ่งไข่จะไม่เคยออกไปเลย
หลูจื้อผงะไปชั่วขณะ จากนั้นจึงเอ่ยตอบ “เพราะว่าฉันยังหนุ่มไงเลยยังต้องฝึกฝน”
ความจริงแล้วคำตอบแบบนี้ดูกว้างมาก แต่ชุยหังฟังออกว่าหลูจื้อไม่ค่อยอยากตอบคำถามนี้
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามต่อ
“ไม่เป็นไร ถือว่าฝึกตัวเองแล้วกัน แต่อย่าให้ตัวเองเหนื่อยเกินไปล่ะ” ชุยหังเอ่ยชี้แจง
หลูจื้อเอ่ยตอบ “ไม่หรอก ฉันรู้ดี นายวางใจเถอะ”
แม้ว่าปากของเขาจะบอกว่ารู้ดี แต่ชุยหังก็ยังคงไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
แม้ว่าจะไม่สามารถพูดได้ว่าเขาไม่ได้ใส่ใจก็ไม่มีความหมายอะไร
ถึงอย่างไรตัวเองก็ดูแลเขาดีกว่าตอนที่เขากลับมาอยู่แล้ว