ตอนที่ 322 ถกเถียง
กิจกรรมนี้ดำเนินไปอย่างคึกคัก แต่ชุยหังกลับเริ่มสูญเสียความกระตือรือร้นไปอย่างช้าๆ
คุณป้าคนหนึ่งมาบ่นกับเขาว่าเธอเป็นแม่ม่าย แม่สามีปฏิบัติต่อเธอไม่ดีและสามีของเธอก็ช่วยแม่ของเขารังแกเธอ แต่ลูกชายที่เธอเลี้ยงมาด้วยลำบากกลับฟังคำยุยงของลุงว่าเธอเป็นคนฆ่าพ่อของเขา
หลายปีที่ผ่านมาเพราะเธอโกรธกับลูกชาย ดังนั้นสุขภาพของเธอจึงแย่มาก เธอจึงกินผลิตภัณฑ์นี้มานานเป็นเวลานานแล้ว แต่เธอก็ถูกหลอกมาแล้วหลายครั้ง
เพราะว่าเธอเป็นคนช่างพูด ดังนั้นคนที่ขายประกันและคนอื่นๆ จึงมักจะโทรมาหาเธอเสมอ
เมื่อพูดถึงกิจกรรมนี้ คุณป้าบอกว่าเธอยังมีผลิตภัณฑ์ตัวนี้ที่บ้านอีกยี่สิบสี่กล่องเพียงพอที่จะกินได้ถึงสองปี ชุยหังรู้ว่าอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ตัวนี้อยู่ได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น ถ้าหากให้คุณป้าคนนี้ซื้ออีกก็คงจะไม่เหมาะสม
ถ้าซื้อกลับไปแล้วไม่มีเวลากินก็ทำได้เพียงเก็บไว้ดูวันหมดอายุเท่านั้น
ความจริงมีหลายครั้งที่มีโปรโมชั่นของห้างสรรพสินค้าจึงต้องดูความต้องการของตัวเองก่อน ถ้าหากไม่ต้องการ แม้ว่าจะเป็นสินค้าลดราคา แต่ว่าไม่จำเป็นต้องใช้ ดังนั้นไม่ซื้อสินค้าชิ้นนั้นจะไม่เป็นการประหยัดมากกว่าเหรอ
ดังนั้นชุยหังจึงบอกกับคุณป้าคนนั้นไปตามตรงและไม่แนะนำให้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้
อย่างไรก็ตามดูเหมือนคุณป้าจะกังวลว่าที่ไม่ให้เธอเข้าร่วมกิจกรรมนี้ ถ้าหากว่าไม่เป็นไร เธอบอกว่าไม่เป็นไรเธอจะยืมเงินมาเข้าร่วมกิจกรรม ถ้าหากอาจารย์รู้ว่าเธอไม่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้อาจจะไม่ประทับใจเธอได้
ชุยหังไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมอาจารย์ที่นั่งพูดในทีวีถึงได้มีอำนาจทำให้คนเชื่อได้ขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้นใครเป็นคนปลูกฝังความคิดนี้กับเธอ เขาจึงอดทนอธิบายต่อไปว่า ถึงอาจารย์จะทำเพื่อสุขภาพของพวกเขา แต่เนื่องจากที่บ้านมีผลิตภัณฑ์อยู่เยอะแล้วก็กินของเหล่านั้นไปก่อนก็ได้
สุดท้ายแล้วส่งผลให้ฝ่ายดูแลคุณภาพได้รับเสียงบันทึกการคุยครั้งนี้และถูกส่งต่อไปให้ผู้จัดการของเขา
ผู้จัดการพูดกับชุยหังอย่างจริงจัง บอกว่าเขาทำงานไม่ดี ถ้าหากเขาทำตัวเป็นใจดีใจกว้างแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นยอดขายของบริษัทจะทำอย่างไรและค่าคอมมิชชั่นของเขาจะเป็นอย่างไร
ก่อนหน้านี้ชุยหังตั้งใจที่จะอธิบาย แต่คำพูดของผู้จัดการประโยคนั้นทำให้เขาเกิดสงสัยบริษัทนี้อย่างจริงจังแล้ว
“คุณไม่ต้องสนใจว่าลูกค้าจะกินผลิตภัณฑ์นี้ยังไง สิ่งที่ต้องสนใจคือจะเอาเงินของพวกเขามาได้ยังไง สิ่งที่คุณต้องทำคือขายผลิตภัณฑ์ออกไปเท่านั้น”
หลังจากที่ได้ฟังประโยคนั้น ชุยหังก็เริ่มจะสับสนเข้าไปใหญ่ แม้ว่าเขาพยายามสงบสติอารมณ์หลังจากวางสายจากคนเหล่านั้นไปซึ่งใช้เวลาคุยด้วยทั้งหมดสี่ชั่วโมง แต่เขาก็ยังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เมื่อเขากลับมาถึงบ้านในตอนตอนกลางคืน เขาเป็นฝ่ายเริ่มโทรหาหลูจื้อก่อน เพราะถ้าเขาไม่ได้เล่าเรื่องนี้ออกไปเขาต้องตายอย่างแน่นอน
เมื่อหลูจื้อมีเวลาจึงได้ฟังเรื่องราวจากชุยหังและทำได้เพียงถอนหายใจและบอกว่า “ฉันเคยบอกนายแล้ว ถ้านายไม่มีความสุขก็ไม่ต้องทำแล้ว แต่งานขายก็เป็นแบบนี้ นายจะเชื่อคำพูดของลูกค้ามากเกินไปไม่ได้หรือจะระแวงลูกค้ามากเกินไปก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน ความจริงบริษัทที่นายทำงานอยู่ก็เป็นอุตสาหกรรมที่หวังผลประโยชน์และลงทุนเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทางทีวีหรือโฆษณา นายลองนึกถึงค่าใช้จ่ายพวกนี้กับเงินที่ลงทุนในการดำเนินงานต่างๆ อีก ถ้าคิดแบบนายกันหมด บริษัทไม่ต้องรอวันเจ๊งเหรอ”
คำพูดของหลูจื้อทำให้ชุยหังรู้สึกดีขึ้นบ้างและสามารถเข้าใจผู้จัดการได้ แต่เขาก็ยังคงรู้สึกว่าถ้าเขาทำงานนี้อีกต่อไป เขาก็เหมือนหลอกเอาเงินของคุณลุงคุณป้าเหล่านั้น
‘ความจริงแล้วผลิตภัณฑ์ของบริษัทพวกเขามีคุณภาพสูงแค่ไหนกัน’
ตอนที่ 323 ผู้หญิงอยู่มากเกิดปัญหามาก
ถึงแม้ว่าในระหว่างนั้นจะมีการเปิดเพลงสลับกัน แต่ชุยหังก็ยังทำงานต่อไปและจัดการกับเหตุการณ์ให้ดำเนินต่อไปได้
ตอนนี้เขาเข้าใจอีกด้านหนึ่งของงานนี้แล้ว
สวัสดิการที่เขาได้รับก็ค่อนข้างดี ซึ่งมีบริการรถรับส่ง มีโรงอาหารและการบริหารจัดการภายในค่อนข้างได้มาตรฐาน แต่เขารู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
อาจจะเป็นไปได้ว่าหลังจากที่ติดต่อกับลูกค้าเหล่านั้นแล้ว เขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้มาก่อน
เมื่อสิ้นสุดกิจกรรมแล้ว ชุยหังก็ได้เปลี่ยนจากคนมาใหม่กลายเป็นคนเก่าอย่างเป็นทางการแล้ว
งานของเขาเพิ่มการโทรออกมากขึ้นจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย
เรื่องที่ยากที่สุดระหว่างงานเหล่านี้คือการหาสายด่วนให้กับทางรายการ
การหาสายด่วนทั้งหมด คือการค้นหาจากกลุ่มลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์แล้วได้ผลลัพธ์ดีและโทรเข้ามาพูดคุยกับอาจารย์เพื่อแสดงการขอบคุณในระหว่างที่ออกอากาศ หลังจากนั้นก็เล่าว่าตัวเองมีปัญหาอะไรและหลังจากที่ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้แล้วมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ซึ่งการออกอากาศนี้เน้นให้ผู้ชมคนอื่นได้รับฟังด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากคนที่โทรเข้ามาอยากพูดคุยกับอาจารย์ พวกเขาก็สามารถพูดในสิ่งที่ต้องกรพูดได้อีกด้วยซึ่งต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ เช่น แนะนำตัวเองและแสดงความขอบคุณกับอาจารย์ หลังจากนั้นก็เล่าอาการป่วยของตัวเองให้ละเอียดชัดเจน
บางคนไม่รู้ว่าจะสื่อสารอย่างไร ดังนั้นเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าอย่างพวกเขาต้องชี้นำอย่างมีขั้นตอน โดยจะแนะนำว่าต้องพูดอย่างไรบ้าง ซึ่งพวกเขาจะทำหน้าที่เป็นครูสอนชั่วคราวเพื่อให้ลูกค้าเหล่านั้นสื่อสารกับพวกเขาได้ หลังจากนั้นจะให้ฝ่ายดูแลคุณภาพส่งไฟล์เสียงไปให้ผู้จัดการอนุมัติก่อนที่จะอนุมัติอย่างเป็นทางการครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นจะแจ้งลูกค้าให้ทราบเวลาสำหรับวันพรุ่งนี้และรอรับสายอยู่ที่บ้าน
ความจริงไม่ใช่ลูกค้าที่เป็นฝ่ายโทรเข้ามาก่อน แต่เป็นฝ่ายคอลัมน์ของพวกเขาที่เป็นฝ่ายโทรไปหาลูกค้าก่อน
สำหรับรายการทีวีก็เหมือนกัน พวกเขาต้องหาลูกค้าของตัวเอที่ต้องการไปออกรายการทีวีให้มารวมตัวกัน ซึ่งลูกค้าแต่กลุ่มจะอัดรายการได้แปดตอนโดยจะสลับคนขึ้นเวทีทุกครั้ง จากนั้นจะจัดหอพักให้อยู่ด้วยกันพร้อมกับจัดเตรียมอาหารให้ด้วย
ชุยหังเริ่มรู้สึกว่าทั้งรายการและบริษัทนี้เป็นการแสดงทั้งหมด
เพราะเป็นการใช้ลูกค้าเหล่านี้หลอกลวงลูกค้ารายอื่นต่อไป
พวกเขาเรียกขั้นตอนนี้ว่า “เคาะสายด่วน” ถ้าหากสายด่วนไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการในเวลาที่กำหนดก็จะกระทบต่อคุณภาพของรายการและอาจารย์ที่ออกรายการคนนั้นจะโกรธมาก
อาจารย์คนนั้นแสร้งทำเป็นคนอ่อนโยนตอนที่อยู่ในรายการ แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนอารมณ์ร้ายมาก แต่เขาเสแสร้งได้เก่งมากเช่นเดียวกัน
ชุยหังยิ่งไม่ชอบคนแบบนี้มากยิ่งขึ้น
ตอนที่เขาเพิ่งเข้ามาบริษัทนี้ครั้งแรก ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดีไปเสียหมด แต่ตอนนี้กลับไม่มีข้อดีเลย
สิ่งที่สำคัญทีสุดคือในกลุ่มของเขามีคนมากมาย แต่มีเขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว
ปกติแล้วงานใช้แรงทุกอย่างเป็นเขาคนเดียวที่ต้องทำ ซึ่งบางครั้งทำให้เกิดความล่าช้าเป็นเวลานาน แต่ผู้จัดการไม่เคยเห็นใจเขาและมักจะลดเวลาทำงานให้เขา แต่ต้องโทรศัพท์ให้เสร็จตามที่กำหนดไว้ ถ้าทำไม่เสร็จทันเวลาก็ต้องทำงานล่วงเวลา
เขาพบว่าการมีกลุ่มเล็กๆ มากมายในหมู่คนเหล่านี้ ความขัดแย้งระหว่างผู้หญิงด้วยกันก็เริ่มเปิดเผยออกมาอย่างช้าๆ
การที่ชุยหังอยู่ในกลุ่มผู้หญิงเหล่านี้ ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก ทุกวันเขามักจะได้ฟังคนหนึ่งพูดถึงอีกคนหนึ่งในทางไม่ดีโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจฟังอยู่เสมอหรือเห็นคนสองคนทะเลาะกันเรื่องสายด่วน
นอกจากนั้นเขามักจะถูกใช้เป็นที่ระบายความโกรธของคนอื่น หัวหน้าทีมที่โกรธผู้จัดการก็มาหาเขา สมาชิกในกลุ่มโกรธหัวหน้าทีมก็มาหาเขา หรือแม้แต่สมาชิกในกลุ่มมีเรื่องขัดแย้งกันเองก็มาหาเขา
‘เขาเป็นอะไร ถังขยะเหรอ’