ตอนที่ 324 ไม่เชื่อมั่น
“ทำไมวันนี้รู้สึกว่าอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย” หลูจื้อที่อยู่ในสายตอนเย็นเอ่ยถาม
ชุยหังเอ่ยตอบ “ไม่มีอะไรหรอก ก็เรื่องงาน แค่รู้สึกรำคาญผู้หญิงพวกนั้น ปากหวานก้นเปรี้ยวกันทุกคน”
“ที่ไหนมีผู้หญิงอยู่เยอะ ที่นั่นก็มีปัญหามาก แค่นายชินก็พอแล้ว” หลูจื้อเอ่ยบอก
ชุยหังเอ่ยตอบ “ฉันกลัวจะไม่ชินเท่าไหร่ เรื่องพวกนี้ไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นต่อหน้าฉัน”
“ไม่มีอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะสมหรอก นายไม่อยากมองก็เป็นเรื่องของนาย แค่ทำเป็นมองไม่เห็นก็พอแล้ว” หลูจื้อชักชวน
ชุยหังถึงกับพูดไม่ออก และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
ขอเพียงแค่พวกเขาไม่มาหาเรื่องเขาก็พอ แต่ความจริงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอดทน
บางทีอาจเป็นความจริงของสังคมนี้ ไม่ว่าคนอื่นจะคิดหรือมีแผนอะไร ถ้ามันไม่ได้ทำร้ายคุณ คุณก็ไม่สามารถตำหนิอะไรได้
คนมากเกินไปก็มีเรื่องขัดแย้งเกิดขึ้นได้มาก
ชุยหังไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงรักษาระยะห่างที่เหมาะสมกับผู้หญิงเหล่านี้
ผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านขวาของเขานิสัยดีมากและไม่เคยพูดให้ร้ายใคร
ชุยหังรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างเงียบ ปกติเมื่อเขาถามคำถามอะไรกับเธอ เธอก็มักจะตอบได้ทันเวลาเสมอ
อย่างไรก็ตามชุยหังรู้ดีว่าไม่สามารถบ่นเรื่องบริษัทกับเพื่อนร่วมงานได้ เพราะกำแพงมีหูประตูมีตา ถ้าผู้หญิงคนนั้นมีเพื่อนคนอื่นมาได้ยินชุยหังบ่นและเรื่องไปถึงหูผู้จัดการก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่
เรื่องนี้เป็นข้อห้ามในที่ทำงาน ซึ่งหลูจื้อเคยบอกกับเขาว่าอย่านินทาในที่ทำงาน
สิ่งที่ทำให้ชุยหังเบื่อทีมนี้มากก็เพราะผู้หญิงคนนี้
แน่นอนว่าปัญหาไม่ใช่เพราะเขาเบื่อเธอ แต่เพราะผู้หญิงคนนี้ต้องออกไปอัดรายการที่ปักกิ่ง ดังนั้นลูกค้าของเธอเหล่านั้นจึงส่งต่อไปให้ชุยหังช่วยดูแลชั่วคราว
ปัญหาอยู่ที่ชุยหังให้ความสำคัญเรื่องของคนอื่นมากกว่าเรื่องของตัวเองโดยเฉพาะเรื่องที่คนอื่นมาขอร้องกับตัวเอง ซึ่งผู้หญิงคนนี้เป็นคนดีและดีกับเขา ชุยหังจึงไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่ได้ช่วยอะไรเลยเมื่อเธอกลับมา
ดังนั้นทุกวันเขาจะมาดูแลลูกค้าของผู้หญิงคนนี้ก่อน จากนั้นค่อยจัดการเรื่องของตัวเอง
มีลูกค้ารายหนึ่งมีปัญหาระหว่างการสนทนาเล็กน้อย ซึ่งไม่ใช่เพราะอารมณ์ของอีกฝ่าย แต่เพราะว่าตอนนี้เธอไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่วางอยู่ในตลาดของพวกเขาแล้วและเปลี่ยนไปใช้อันอื่น ซึ่งบังเอิญว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นของบริษัทเขาเหมือนกัน
ดังนั้นชุยหังจึงคิดว่าอย่างก็ตามเขาก็กำลังช่วยบริษัทหารายได้ จึงไม่ได้ชักชวนให้ลูกค้ารายนี้กลับมาใช้ผลิตภัณฑ์ตัวเดิม ดังนั้นเขาจึงบอกแค่ให้เขาดูแลสุขภาพและไม่ได้พูดอะไรอีก
หลังจากนั้นไม่นานฝ่ายดูแลคุณภาพก็ส่งไฟล์เสียงกลับมาและบอกว่าเป็นเสียงคุณภาพต่ำ นอกจากนี้ยังอ้างถึงความผิดของชุยหังมาสองสามข้อคือ ละเลยในหน้าที่ ไม่ส่งเสริมการขายและไม่รู้จักรักษาลูกค้าไว้
สิ่งที่ทำให้ชุยหังรับไม่ได้ยิ่งกว่าคือ คนในตลาดของพวกเขามีทั้งหมดสิบห้าคน ซึ่งยกเว้นผู้หญิงที่ออกไปทำงานนอกสถานที่คนนั้นและผู้จัดการ พวกเขารวมตัวกันฟังเสียงของชุยหังที่ถูกติเตียน จากนั้นทุกคนก็ความเห็นเกี่ยวกับปัญหาของชุยหัง
พวกเขาส่วนใหญ่ต่างพูดถึงชุยหังว่าเพราะไม่ใช่ลูกค้าของตัวเอง เขาจึงไม่ใส่ใจและไม่ควรทำตัวเสแสร้งแบบนี้
ตอนนั้นความคับข้องใจของชุยหังแสดงออกมาบนใบหน้าทั้งหมด ยิ่งฟังพวกเขาพูดก็ยิ่งรู้สึกรับไม่ได้
ตอนนั้นเขาคิดได้ว่าตัวเองเคยพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเข้ากับสังคมนี้ได้ แต่ความจริงเป็นไปไม่ได้เลยเพราะพวกเขาไม่เชื่อมั่นในตัวเขา
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจแล้วว่าเขาควรลาออกเพราะบริษัทนี้ไม่เหมาะกับตัวเอง
ตอนที่ 325 ถ้าไม่มีความสุขก็ไม่ต้องทำ
ขณะที่คนอื่นเล่าเรื่องต่างๆ ชุยหังก็ไม่ได้พูดอะไร ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้ฟังเช่นเดียวกัน
ทุกวันชุยหังดูแลลูกค้าอย่างไรหรือช่วยผู้หญิงที่ออกไปทำงานอกสถานที่คนนั้นอย่างไร พวกเขาทุกคนรู้ดี แม้ว่าบางคนจะไม่อยากทำให้ชุยหังขุ่นเคืองใจ แต่พวกเขาก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน ถ้าหากส่งต่อให้พวกเขาทำอาจจะทำได้ดีกว่านี้
อย่างไรก็ตามงานนี้ก็เป็นแบบนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดของพวกเขากับตลาดอื่นคือความสัมพันธ์ทางการแข่งขัน
เนื่องจากเป็นการแข่งขันจึงเป็นเรื่องที่โหดร้ายเพราะไม่สามารถออมมือให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ห้ามทำในฐานะพนักงานขาย
น่าเสียดายที่ชุยหังไม่มีคุณสมบัติข้อนี้
อย่างไรก็ตามชุยหังสามารถสนทนากับลูกค้าบางรายได้ดีเพราะพวกเขารู้สึกว่าชุยหังนึกถึงพวกเขาจริงๆ ไม่ใช่แค่มาขายสินค้าเพื่อรับค่าคอมมิชชั่นจากพวกเขาเพียงอย่างเดียว
เมื่อชุยหังได้คุยเรื่องนี้กับหลูจื้อ เขาเกือบจะร้องไห้ออกมา เพราะเรื่องนี้ทำให้ตัวเองไม่สามารถแก้ตัวอะไรได้และรู้สึกน้อยใจมาก
ชุยหังทำงานด้วยความจริงใจ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับต้องมาตัดพ้อกับตัวเองด้วยประโยคที่ว่า “ไม่ใส่ใจเพราะไม่ใช่ลูกค้าของตัวเองไม่ได้” ประโยคนี้ทำเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หลูจื้อรู้ว่าชุยหังไม่มีความสุข แต่เขาจะทำอย่างไรได้
ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกกับชุยหังแล้วว่าถ้าไม่มีความสุขก็ไม่ต้องทำ แม้ว่าตอนนี้จะหางานยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหาไม่ได้เลย
ความจริงชุยหังอยากลาออกมาก เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองจะขาดอากาศหายใจได้ง่าย เมื่อต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้
ไม่ว่าคนอื่นจะทนได้อย่างไร แต่เขาไม่มีทางที่จะคุ้นชินได้เลยจริงๆ
บางทีอาจจะต้องให้เวลาเขาทำความคุ้นเคยกับสังคมในชีวิตจริงอีกสักพัก เขาจะได้มีประสบการณ์และสามารถเข้าใจเรื่องต่างๆ ได้อย่างช้าๆ แล้วเขาจะรู้สึกว่ามันเป็นเพียงมารยาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตามตอนนี้ขาแค่อยากจะหนีไป
หลูจื้อบอกกับชุยหังว่าอาทิตย์นี้เขาได้หยุดพัก หลังจากที่ชุยหังได้ยินแบบนั้นเขาก็มีความสุขมาบ้าง
ทุกวันศุกร์พวกเขาจะนับว่าใครไปทำงานวันเสาร์และใครจะไปทำงานวันอาทิตย์ อย่างไรก็ตามพวกเขาจะสามารถหยุดพักผ่อนได้เพียงหนึ่งวันต่อสัปดาห์เท่านั้น
หลูจื้อไม่ลังเลที่จะเลือกวันอาทิตย์
หลูจื้อกลับมาถึงบ้านในคืนวันเสาร์และดูเหมือนว่าเขาขาวขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
ช่วงนี้ถือว่าอากาศไม่แย่ การมองเห็นไม่ได้ชัดเจนเหมือนช่วงฤดูร้อน
หลูจื้อยังยุ่งอยู่กับเรื่องต่างๆ มากมายในสำนักงาน ดังนั้นผมของเขาจึงเริ่มขาวขึ้นเล็กน้อย
ชุยหังยังไม่ได้เตรียมตัวเพราะก่อนหน้านี้เขาคิดว่าหลูจื้อจะกลับมาได้ในตอนเช้าของวันอาทิตย์ เขาไม่คิดว่าหลูจื้อจะกลับมาเร็วแบบนี้
สุดท้ายเข้าถูกหลูจื้อจับได้แล้วว่าเขากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
“ทำไมนายไม่เชื่อฟังฉัน” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังรีบตอบกลับ “ไม่ใช่นะ วันนี้ฉันแค่ไม่อยากออกไปไหนแล้ว ฉันคุยโทรศัพท์มาทั้งวันจนหูอื้อไปหมดแล้ว”
“เหตุผลยังไม่ดีพอ มันไม่ใช่ข้ออ้างที่นายจะกินอาหารไม่ดีแบบนี้” หลูจื้อเอ่ยบอก
ชุยหังคิดสักพักจึงเอ่ยตอบ “ก็ฉันไม่รู้ว่านายจะกลับมาวันนี้ ถ้ารู้ก็คงทำกับข้าวมากขึ้นหน่อย”
หลูจื้อไม่ได้สนใจมากนัก หลังจากนั้นก็มาหอมแก้มของเขาเบาๆ และเอ่ยบอก “ไปเถอะ เราออกไปกินกันข้าวเถอะ”
“ถ้างั้นฉันไปทำกับข้าวนะ” ชุยหังต้องการประหยัดเงิน
หลูจื้อเอ่ยบอก “ฉันกลับมาทั้งที ไม่ฉลองหน่อยเหรอ หรือว่านายไม่ดีใจที่ฉันกลับมา”
ชุยหังรีบตอบว่าไม่ใช่ เขาไม่ได้คิดอย่างนั้นแน่นอน
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องพูดเยอะแล้ว ไปกันเถอะ สามีจะพานายไปกินอะไรอร่อยๆ”
ชุยหังทิ้งเรื่องที่ไม่มีความสุขไว้ก่อนชั่วคราว หลูจื้อกลับมาเขามีความสุขกว่าเรื่องอื่นทั้งหมด
ชั้นล่างมีร้านอาหารเล็กๆ อยู่ไม่ไกล หลูจื้อพาชุยหังตรงไปร้านที่ใกล้ที่สุดและสั่งอาหารมาสองสามอย่าง
ชุยหังมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของหลูจื้อพร้อมกับเอ่ยบอก “นายเห็นด้วยกับฉันจริงๆ เหรอที่ฉันจะลาออก”