“หน้านายเนี่ยนะฉันล่ะนับถือเลยจริงๆ” โจวเฉวียนพูด
จากนั้นสองสามคนที่เดินตามด้านหลังพวกเขาอยู่เมื่อครู่ก็เดินตรงเข้ามา พูดขึ้นว่า: “โจวเฉวียน คนบ้านเกิดของพวกนายนี่พูดเก่งกันจริงๆ เลยนะ”
ชุยหังพูด: “เปล่าหรอกๆ อันที่จริงแล้วฉันเป็นคนค่อนข้างสงบเสงี่ยมเลยล่ะ แต่นี่ฉันกำลังบังคับตัวเองให้พูดอยู่”
“ทำไมต้องบังคับตัวเองพูดด้วยล่ะ” วังเฉียงถาม
ชุยหังพูดตอบ: “เพราะอากาศแบบนี้มันทำให้ฉันง่วงนอนมาก ถ้าหากไม่พูดล่ะก็อีกเดี๋ยวฉันเดินๆ ไปก็ต้องเผลอหลับแน่ๆ เกิดฉันไปล้มนอนอยู่ที่ไหนสักที่แล้วมีคนผ่านมาลวนลามฉันเข้าทำไงล่ะ”
“นายเลิกคิดไปเลยเถอะ คนจะลวนลามก็แยกแยะตัวผู้ตัวเมียออกเถอะ” อีกคนพูดขึ้น
ชุยหังฉีกยิ้มออกมาแต่ไม่ได้พูดอะไร
สนามกีฬามหาวิทยาลัยของพวกเขากว้างขวางพอสมควรเลยทีเดียว
นี่สิถึงจะเป็นภาพที่มหาวิทยาลัยควรจะมี ควรค่าที่จะมาเรียนรู้ อยากเล่นก็เล่น ไม่มีอะไรมาขัดได้
ในสนามมีคนจำนวนมากกำลังรออยู่และเป็นเพราะด้านข้างนั้นไม่มีต้นไม้เลยทำให้พวกเขาทุกคนต้องทนรอโดดแสงแดดอันร้อนแรงแผดเผา
“ทางนั้นทำไมมีผู้หญิงล่ะ” ชุยหังถาม
โจวเฉวียนหันไปมองทางที่ชุยหังว่าก่อนจะพูดตอบ: “นั่นเป็นภาควิชาการจัดการทางทะเล เป็นคณะเดียวกับเรา เพียงแต่สาขาของพวกเขารับผู้หญิงด้วย”
“คณะของพวกเรามีกี่สาขาหรอ” ชุยหังถาม
“สองสาขา หนึ่งก็ของพวกเรา สองก็พวกเขานั่นแหละ” โจวเฉวียนพูดตอบ
“พวกเราก็นับว่าเป็นสายพันธุ์หายากเหมือนกันนะ หวังว่าครูฝึกจะเห็นแก่ที่พวกเราไม่มีผู้หญิงทำดีกับพวกเราสักหน่อยนะ” ชุยหังพูด
จ้าวหลินพูดต่อ: “ถ้างั้นนายก็ลองไปผ่าตัดศัลยกรรมดูสิ รับรองเลยว่าครูฝึกจะไม่ให้นายลงมือทำอะไรแน่นอน”
“ฉันไม่เอาหรอก ถ้าฉันไปผ่าตัดล่ะก็ยังจะมีผู้หญิงพวกนั้นไว้ทำไม ผู้ชายทั้งโลกนี้คงต้องเป็นของฉันหมด” ชุยหังพูด
ทั่วทั้งสนามกีฬามีเสียงหัวเราะดังแว่วขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าความมีอารมณ์ขันของชุยหังจะแพร่กระจายไปสู่คนรอบข้างจนทั่วทุกคนแล้ว
แต่กลับไม่มีใครมองออกเลยว่าชุยหังกำลังหาทางขจัดความโดดเดี่ยวของตัวเองทิ้งไปอย่างสุดชีวิต เขาไม่อยากให้ใครมองออกว่าอันที่จริงภายในใจกำลังยุ่งเหยิงอย่างถึงที่สุด
“ทำไมนักศึกษาใหม่รุ่นนี้ถึงได้น้อยจังเลยล่ะ” ชุยหังถามขึ้นเมื่อมองไปทั่วทั้งสนามแล้วดูเหมือนจะมีคนอยู่แค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น
จ้าวหลินพูดตอบ: “ที่นี่มีแค่คณะของพวกเรา ส่วนคณะอื่นๆ อยู่ที่สนามอื่นกันน่ะ”
“โอ้โห ต้องรวยขนาดไหนถึงกับแยกสนามกีฬาออกเป็นสองสามสนามเนี่ย” ชุยหังถึงกับทอดถอนใจ
“คนเยอะ เงินก็มากนั่นแหละ” จ้าวหลินพูด
พวกเขารอกันอยู่พักใหญ่กว่าอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างอาจารย์หม่าจะปรากฏตัวขึ้น
เขาพึ่งจะมาถึงที่นี่ก็รีบสั่งให้ทุกคนยืนตามห้องให้เรียบร้อย
“อีกเดี๋ยวฉันจะขานชื่อ ถ้าใครได้ยินชื่อของตัวเองแล้วก็ให้ขานรับก็พอ” อาจารย์หม่าพูด
ดูเหมือนจะมีมาตรฐานจริงๆ เพราะก่อนที่ครูฝึกจะมายังต้องทำอะไรตั้งหลายอย่าง
เพียงไม่นานรายชื่อแต่ละชื่อก็ถูกขานออกมาจากปากของอาจารย์หม่า ทุกคนทั้งคณะซึ่งรวมกับสาขาการจัดการทางทะเลด้วยอีกสองห้องเรียนรวมทั้งสิ้นแปดห้องเรียน เฉลี่ยประมาณสามร้อยคนโดยประมาณ
“เมื่อครู่มีชื่อของใครที่ยังไม่ถูกเรียกบ้างไหม” ตั้งแต่เริ่มพูดมาอาจารย์หม่ายังไม่ยิ้มเลยสักนิดเดียว
ชุยหังมองหน้าเขาและรู้สึกว่าทั้งๆ ที่เขายังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้พอมาดุ เคร่งครัดขนาดนี้ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ ไม่อย่างนั้นพอแต่งงานมีลูกไป ลูกคงต้องตกใจกลัวจนร้องไห้แน่
“ดี ถ้าไม่มีก็จัดการเรียงแถวตามในใบรายชื่อนี้ให้เรียบร้อย” อาจารย์หม่าพูด
หลังจากที่ทุกคนฟังอาจารย์หม่าพูดจบก็พากันเดินอืดอาดยืดยาดจัดระเบียบแถว เพราะตอนนี้อากาศร้อนมากๆ พวกเขาไม่สามารถจะเคลื่อนไหวร่างกายเร็วๆ ได้
หลังจากที่พวกเขาพึ่งจะยืนจัดระเบียบเสร็จก็เห็นว่าอีกฝั่งของริมสนามมีรถทหารคันหนึ่งขับเข้ามา บนรถทหารคันนั้นมีคนนั่งอยู่กี่คนพวกเขาก็ไม่ค่อยแน่ใจ
อีกเดี๋ยวพวกเขาคงจะได้พบหน้ากับเหล่าครูฝึกของพวกเขาแล้ว
ชุยหังเหมือนกำลังตั้งตาคอยนิดหน่อยว่าครูฝึกของพวกเขาจะเป็นคนยังไงกันนะ