“อา ชื่ออะไรนะ” หลูจื้อก้มหัวลงต่ำก่อนจะเอียงหูเข้ามาใกล้จนหูเกือบจะชิดกับปากของชุยหังแล้ว
เมื่อครู่ชุยหังตื่นเต้นมากไปทำให้คอแห้ง พอเปล่งเสียงออกมามันเลยฟังดูแหบๆ
การกระทำของหลูจื้อทำเอาชุยหังเริ่มใจสั่นรัว กลิ่นตัวหอมอบอวลแบบผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ลอยมาปะทะหน้าเขาเข้าเต็มๆ
“ชุยหัง…”
“ทำไม หรือว่านี่เป็นชื่อปลอมของนาย?” หลูจื้อถาม
“เปล่าครับ ชื่อจริงๆ …” ตอนนี้ความรู้สึกสนุกสนานผ่อนคลายแบบตอนพูดคุยเยาะเย้ยกับเพื่อนร่วมห้องแบบนั้นของชุยหังแทบไม่มีเหลืออยู่เลย
หลูจื้อถามต่อ: “ถ้าเป็นชื่อจริงทำไมถึงไม่กล้าพูด หรือว่าอายหรอ”
ชุยหังตอบ: “นิดหน่อย”
“ตอนที่นายด่าคนอื่นไม่เห็นจะอายเลยไม่ใช่หรอ ปากเป็นเอกวาทศิลป์เป็นเลิศ ทำไมห่อเ**่ยวซะล่ะ” หลูจื้อกระซิบถามเบาๆ
ชุยหังนิ่งตะลึงไป ที่แท้คนรูปหล่อหน้าตาดีนี่เป็นพวกคิดเล็กคิดน้อยใจแคบจริงๆ ด้วย
เขาพูดตอบ: “ไม่ได้ด่า…”
“ไม่เป็นไร ในใจฉันรู้ดีอยู่แล้วนายวางใจเถอะนะ ฉันจะดูแลนายอย่างดีเลย นับแต่นี้ไปในทีมของฉันนายจะเป็นคนที่ถูกฉันดูแลเป็นพิเศษเลย” หลูจื้อพูดด้วยใบหน้ายิ้มกรุ่มกริ่ม สีหน้าท่าทางแบบนั้นเหมือนกันกับตอนที่เขานั่งอยู่บนรถแล้วบอกกับชุยหังว่าไม่ใช่ทางผ่านไม่มีผิดเพี้ยนเลย
ตอนนี้ชุยหังพยายามกลั้นMMP [1] ที่อัดอั้นอยู่ในใจเอาไว้พลางก้มหน้าลงต่ำไม่พูดอะไร
“อายหรอ ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันจะฝึกนายเอง” หลูจื้อพูด
ชุยหังได้แต่กัดริมฝีปากแน่นไม่พูดอะไร
เขาได้แต่แอบหวัง ความฝันนี้เอ๋ย โลกใบนี้มันช่างประหลาดนัก คนสองคนที่ไม่ได้คลุกคลีอะไรกันกลับต้องมาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้
อีกอย่างเขาเป็นเหมือนมีดคู่เขียง ฉันเป็นเนื้อปลา ขนาดโอกาสที่จะต่อต้านแม้สักนิดยังไม่มีเลย
แค่เพียงเขาต่อต้าน หลูจื้อคงจะมีอีกหมื่นพันวิธีมาเล่นงานเขาตายแน่
ทุกคนต่างกำลังจ้องมองมาที่หลูจื้อกับชุยหังและกำลังเดาว่าพวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกัน
เหลียงจื้อที่ยืนอยู่ข้างๆ ชุยหังก็ยากที่จะฟังได้ชัดเจนว่าพวกเขาสองคนคุยอะไรกัน
“ออกนอกแถว!” ทันใดนั้นหลูจื้อก็ตะโกนสั่งขึ้นเสียงดัง
ชุยหังตกอกตกใจจนขาแข้งเริ่มจะอ่อนแรง ไอ้บ้าคนนี้อยากจะให้เขาหูหนวกเลยหรือยังไง
“รับทราบ” ชุยหังตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว
“ก้าวออกมาข้างหน้าอีกสองก้าว” ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าหลูจื้อคิดอะไรอยู่
ถึงแม้ว่าชุยหังจะไม่ค่อยเข้าใจแต่สุดท้ายก็ยอมทำตามแต่โดยดี
“กลับหลังหัน”
ชุยหังเริ่มจะมึนงงกับคำสั่งของหลูจื้อแล้วตอนนี้ บวกกับอากาศที่ร้อนระอุในตอนนี้ แถมยังใส่หมวกแบบนี้อยู่อีก ขนาดเขามีสติดีมองออกไปยังลายตาเหมือนกับสนามกีฬาลอยขึ้นยังไงอย่างนั้น
“นับแต่นี้ไปนายรับผิดชอบตะโกนให้สัญญาณ จำไว้ต้องให้ดูแมนๆ หน่อย” หลูจื้อพูด
หลังจากเขาพูดจบทั่วทั้งสนามกีฬาก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา
ชุยหังได้แต่ทำหน้ามึนงง แมนๆ หน่อย?
ทำไมอะหรือว่าท่าทางของตนในตอนนี้มันดูสาวหรอ
“ได้ยินหรือยัง” หลูจื้อถาม
“อืม” ชุยหังขานรับอย่างไร้เรี่ยวแรง
สายตาของหลูจื้อคาดเดาไม่ได้ มันไม่ได้ดูเด็ดขาด ไม่ได้ดูโกรธ แต่ก็ไม่ได้ดูว่ากำลังล้อเล่น สรุปก็คือดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจก่อนจะพูดต่อ: “พึ่งพูดไปหยกๆ ให้มันแมนๆ หน่อยแต่ทำไมมันยังดูไม่มีเรี่ยวแรงเลย นายเคยเห็นผู้หญิงตะโกนออกคำสั่งผู้ชายเป็นกลุ่มๆ แบบนี้หรือไง”
ชุยหังอยากจะตอบไปว่าเคยเห็น มีอะไรที่ไม่เคยเห็นกัน แต่พอคิดดูแล้วถ้าตัวเองพูดออกไปแบบนี้จริงๆ ล่ะก็คงต้องแย่กว่านี้แน่ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ส่ายหน้าไปมาเท่านั้น
“ขานรับใหม่อีกรอบ ได้ยินหรือยัง” หลูจื้อถามขึ้นอีกรอบ
“ได้ยินแล้วครับ” ชุยหังตอบกลับเขาเสียงสูง อยากจะทำให้หลูจื้อตกใจ
ปรากฏว่าเขาใช้แรงออกเสียงมากเกินไปทำให้เสียงที่เปล่งออกมามันแตกเหมือนกับเสียงแม่ไก่ที่ร้องขันในตอนเช้า เหมือนกับกำลังร้องเสียงหวี๊ดสูงแล้วเสียงขาดหายไปกะทันหัน…
“ทำไมเวลานายพูดคีย์มันถึงตกทุกที…” หลูจื้อถามอย่างเยาะเย้ย
ชุยหังได้แต่คิดในใจว่า คีย์ตกน้องแกสิ นั่นน่ะฉันยังไม่ได้แสดงออกเต็มที่ต่างหาก
——
[1] MMP (妈卖批) เป็นตัวอักษรย่อยอดฮิตที่ใช้บนอินเตอร์เน็ตของวัยรุ่น ซึ่งมากจากคำด่าที่สกปรกมากในภาษาจีนเสฉวน โดย妈แปลว่าแม่ 卖แปลว่าขาย 批 แปลว่าสินค้า ขายส่ง