ตอนนี้เพื่อนทุกคนต่างพากันกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว แต่ก็ไม่ได้หัวเราะออกมาเสียงดัง เป็นเสียงหัวเราะแบบที่กลั้นไม่ไหวจนต้องแอบปล่อยเสียงหัวเราะเบาๆ ออกตามมุมปาก เสียงเหมือนยางรถรั่วที่ค่อยๆ ปล่อยลมออกมาดังขึ้นไม่หยุด
ชุยหังรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา นี่คงดังใหญ่แล้วสินะ…
“สบายใจได้ฝึกทหารภายใต้การดูแลของฉันจะต้องสนุกมากแน่นอน นายเชื่อไหม” หลูจื้อตั้งใจโน้มเข้ามากระซิบข้างหูของชุยหัง
หน้าผากของชุยหังเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ มันไหลลงมาตกตรงมุมตาก่อนจะไหลออกตรงหางตาพอดี
“เป็นอะไรตกใจจนร้องไห้เลย?” หลูจื้อตะลึงงัน
ชุยหังส่ายหน้าไปมาแล้วพูด: “เปล่า หน้าคุณไม่ได้น่าตกใจอะไรขนาดนั้น”
“ได้ ยังปากเป็นเอกวาทศิลป์เป็นเลิศเหมือนเคย ฉันจะคอยดูว่าตลอดครึ่งเดือนนี้จะเปลี่ยนให้นายเป็นใบ้ได้หรือเปล่า” หลูจื้อพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ชุยหังแอบคิดในใจว่านายคนนี้เป็นพวกมีแนวโน้มชอบปฏิบัติกับคนอื่นแบบโหดเ**้ยมทารุณหรอ
พวกครูฝึกคนอื่นๆ ที่มาด้วยกันกับเขาไม่เห็นมีใครวางท่าใหญ่โตอย่างเขาเลยสักคนหรือว่านี่จะเจอพิษของเขาเข้าให้แล้วหรอ
สวรรค์จ๋า ผืนดินจ๋า ได้โปรดทำให้ครูฝึกคนนี้หายไปจากสายตาของผมสักทีเถอะครับ
เขาได้แต่แอบสาปแช่งเงียบๆ อยู่ในใจแต่ว่าดูเหมือนมันจะไม่เป็นผล
“เอาล่ะ กลับเข้าที่” หลูจื้อพูด
“รับทราบ!” เสียงดังก้องกังวานตะโกนขานรับ เขาอยากจะทำให้หลูจื้อตกใจ
คิดไม่ถึงว่าหลูจื้อแทบไม่มีท่าทีอะไรเลยพลางพูดออกมาหนึ่งประโยคว่า: “ครั้งนี้พอใช้ได้ เหมือนเสียงสูงของพวกผู้หญิงนิดหน่อย”
ทุกคนต่างกำลังพากันกลั้นขำอีกครั้งอย่างยากลำบาก
ชุยหังพยายามหักห้ามใจไม่หันไปดูว่ามีใครหัวเราะเยาะเขาบ้าง แค่เห็นได้ชัดว่าเหลียงจื้อที่ยืนอยู่ข้างๆ เขากำลังทำท่าทางกลั้นขำจนตัวสั่นแค่นี้เขาก็อับอายมากพอแล้ว
“วันนี้ก็มาทำความรู้จักกับทุกคนก่อนนิดหน่อย ระเบียบวินัยในการฝึกทหารผมจะพูดแค่สองคำเท่านั้นก็คือปฏิบัติตาม ไม่ว่าผมจะพูดอะไร พวกคุณแค่ทำตามแค่นั้นพอ ผมจะไม่มองว่าพวกคุณเป็นนักศึกษาแต่จะฝึกฝนโดยมองพวกคุณเป็นเหมือนทหารคนหนึ่ง ยังไงซะสาขาวิชาของพวกคุณเดิมก็เป็นวิชาการทหารอยู่แล้ว ถึงยังไงก็มีแหล่งที่มาจากกองทัพทหารโดยตรง ดังนั้นทางที่ดีอย่าให้ผมเห็นว่ามีหนึ่งในพวกคุณคนใดคนหนึ่งมีใครเป็นตัวถ่วงของทีมเด็ดขาด” หลูจื้อพูดด้วยท่าทางเด็ดขาด
อาจารย์หม่าที่พึ่งจะเดิมกลับมาทางนี้จากที่เดินไปดูทีมอื่นๆ เมื่อได้ยินคำพูดของหลูจื้อก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ยื่นขวดน้ำขวดหนึ่งให้เขาอย่างกระตือรือร้น
หลูจื้อโบกมือไปมาแสดงให้เห็นว่าอย่าพึ่งมารบกวนเขาตอนนี้
สิ่งที่ทำให้ชุยหังยิ้มได้นั้นประหลาดมาก พอได้มาเห็นท่าทีของอาจารย์ที่ปรึกษาของตัวเองแบบนั้นกลับแอบรู้สึกชอบใจ
สายลมพัดโชยมา แต่ไม่ได้พัดพาความเย็นสดชื่นอะไรแบบนั้นมาด้วย แต่กลับเหมือนใบหน้าถูกกระแสลมร้อนๆ จุมพิตเบาๆ อะไรแบบนั้น
สมชื่อกับที่เป็นแหล่งเตาไฟใหญ่จริงๆ ขนาดลมยังร้อนเลย
“พรุ่งนี้เวลาแปดโมงเช้าให้ทุกคนมารวมตัวที่นี่อย่างพร้อมเพรียงตรงเวลา มีการประชุมระดมพลฝึกทหารของมหา’ ลัย การแต่งกายแต่งเหมือนวันนี้ก็ได้ แต่อย่าให้ผมรู้ว่ามีคนมาสายไม่อย่างนั้นจะถูกลงโทษยกทีม ได้ยินชัดเจนหรือยัง” หลูจื้อถามขึ้นด้วยเสียงเข้มๆ อีกครั้ง
“เข้าใจแล้วครับ!”
ทุกคนขานรับอย่างพร้อมเพรียงแต่ว่าในใจแอบรู้สึกไม่เข้าใจนิดหน่อย
การประชุมระดมพลฝึกทหาร? ความหมายคือระดมคนให้เข้าร่วมในการฝึกทหาร?
ถ้าหากมีคนไม่ยินยอมก็สามารถถอนตัวจากการฝึกได้?
“อาจารย์หม่ามีอะไรอยากจะพูดเพิ่มเติมไหมครับ” หลูจื้อหันไปถามอาจารย์หม่าอาจารย์ที่ปรึกษาที่ยืนตัวผอมแห้งอยู่ข้างๆ
อาจารย์หม่าเดินเข้ามาจับมือกับเขาก่อนจะพูดขึ้น: “ลำบากคุณแล้วครับ ผบ.หมวด”
ที่แท้หลูจื้อคนนี้เป็นถึงระดับผู้บังคับการเลยหรอ
“เมื่อครู่นี้ครูฝึกหลูก็ได้พูดเกี่ยวกับเนื้อหาคร่าวๆ ของการฝึกกับทุกคนไปแล้ว ฉันจะขอเพิ่มเติมอีกหน่อยนะ ระหว่างที่อยู่ในช่วงฝึกทหารนี้เวลาพักนักศึกษาสาขาการเดินเรือของเราไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการ ถ้าหากมีเรื่องอะไรฉันจะบอกหัวหน้าห้องชั่วคราวก็คือโจวเฉวียน แล้วเดี๋ยวจะให้โจวเฉวียนบอกกับหัวหน้าห้องพักทุกคน แล้วให้พวกเขาบอกต่อทุกคนอีกที เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ แยกย้าย”