สุดท้ายคำพูดของอาจารย์หม่ากลับไม่ได้ดูมีอำนาจเท่าหลูจื้อเลย
“เอาล่ะ ทุกคนกลับได้แล้วและจำคำพูดของผมให้ดี พรุ่งนี้ห้ามมาสาย อย่าให้ผมจับได้เด็ดขาด” หลูจื้อไม่ลืมที่จะพูดข่มขู่ส่งท้าย
ชุยหังหันไปมองก็พบว่าหลูจื้อกำลังทำหน้าอมยิ้มกรุ่มกริ่มของมาทางเขา สายตาแบบนั้นทำให้หัวใจของชุยหังที่อยู่ข้างในสั่นรัวก่อนจะรีบหมุนตัวกลับแล้วเดินไปกับเพื่อนรูมเมท
“ชุยหัง เมื่อกี้นี้ครูฝึกหลูแอบคุยอะไรกับนายกันแน่” ถังเฉิงถามขึ้นในขณะที่กำลังเดินๆ อยู่
คำถามนี้โจวเฉวียนก็อยากรู้เหมือนกันก่อนจะพูดขึ้นตามมาอีกประโยค: “ทำไมรู้สึกเหมือนพวกนายเคยรู้จักกันมาก่อน”
ชุยหังตอบ: “ฉันล่ะหวังให้ไม่เคยเจอมาก่อนจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเคยเจอมาก่อนล่ะสิ” โจวเฉวียนฟังเข้าใจในทันที
ชุยหังพูดต่อ: “ช่างมันเถอะ พูดไปพวกนายก็ไม่เข้าใจ โทษปากฉันเองนี่แหละ ทำให้เขาไม่พอใจแล้วตัวเองยังไม่รู้ตัวเลย”
“ทำไมหรอ นายทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรอ” วังเฉียงถาม
อย่าว่าแต่คนอื่นเลยเรื่องนี้ขนาดจังเผิงก็ยังอยากรู้ถึงขนาดเดินก้าวช้าๆ อยากฟังรายละเอียดด้วย
“ชุยหัง!”
ขณะที่ชุยหังกำลังพยายามเรียบเรียงว่าจะพูดยังไงดี ก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกดังมาจากด้านหลัง
เขาพยายามหยุดความไม่พอใจมากมายที่อยู่ในใจให้หยุดเอาไว้ชั่วคราว ค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะปล่อยให้มันยุ่งเหยิงต่ออีกไหม จากนั้นก็ค่อยๆ หมุนตัวกลับไปมองหลูจื้อที่ยืนอยู่ด้วยกันกับครูฝึกคนอื่นๆ
เขารู้สึกไม่ค่อยแน่ใจว่าเมื่อกี้นี้ตัวเองฟังผิดหรือเปล่า หรือว่าเขาหูแว่วไปเอง?
“ชุยหัง เรียกนายนั่นแหละ มานี่!” หลูจื้อตะโกนเรียกขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ชุยหังมั่นใจว่าเขาเรียกตัวเองจริงๆ
ไม่มีทางเลือก เมื่อกี้เขาพึ่งจะพูดไปว่าการฝึกทหารกับเขามีแค่ต้องปฏิบัติตาม นอกจากตัวเองจะทำตามคำสั่งเขาก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
เขาทำได้แค่ฝืนใจเดินกลับไป ภายในใจก็กำลังคาดเดาว่าเขาคงจะไม่ได้อยากจะแสดงอำนาจกับชุยหังต่อหน้าเหล่าครูฝึกพวกนี้หรอกนะ
“วิ่งให้มันเร็วๆ หน่อย เดินช้ายังกะพวกผู้หญิง ทำท่ายังกะเป็นคุณหนูอยู่ได้” เสียงของหลูจื้อติดเป็นเงาตามตัวเลย
น้องแกสิ นายสิคุณหนู นายน่ะมันคุณหนูใหญ่ของตระกูลเลยด้วย
ชุยหังได้แต่แอบคิดในใจไม่กล้าพูดออกมา
เขาเร่งก้าวเท้าวิ่งเบาๆ พลางก้มหน้าอย่างตั้งใจไม่มองหน้าหลูจื้อ
“หยุด เกือบจะชนฉันอยู่แล้ว” ฟังจากเสียงของหลูจื้อตอนนี้อยู่ใกล้กับเขามากๆ
ชุยหังหยุดฝีเท้าลงแล้วพูดขึ้น: “ครูฝึกเรียกผมหรอครับ”
“อืม ฉันอยากจะเตือนนายหน่อยว่ากางเกงของนายมันยาวเกินไปหน่อย พรุ่งนี้เริ่มวันแรกอีกเดี๋ยวไปเปลี่ยนตัวใหม่เถอะ” หลูจื้อพูด
ชุยหังหมดคำจะพูด นี่คือเป็นห่วงหรือว่าแอบตบตาพูดจาทิ่มแทงเขากันแน่
พอเห็นเขาไม่พูดอะไรหลูจื้อก็ถามขึ้นมาอีก: “นายสูงเท่าไหร่”
ชุยหังคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดตอบ: “ร้อยหกสิบแปดจุดห้า”
“ปัดเลขให้เต็มก็แค่ร้อยหกสิบเก้า? แต่กางเกงตัวนี้คงจะเป็นของคนที่สูงร้อยเจ็ดสิบขึ้นไปด้วยซ้ำ นายไม่กลัวว่าต้องดึงขึ้นไปถึงรักแร้หรือไง” หลูจื้อพูด
ครูฝึกคนอื่นๆ พากันหัวเราะ แต่ไม่ได้ดูมีเจตนาไม่ดีอะไร
ชุยหังไม่ได้ตอบอะไร คำถามแบบนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
หรือจะให้เขาพูดว่าขอบคุณมากที่เตือนให้เขานึกขึ้นได้ว่าตัวเองตัวเตี้ย?
หลูจื้อก็ไม่ได้บีบบังคับเอาคำขอบคุณจากเขาและให้เขาแยกตัวออกมาง่ายๆ
ตอนที่ชุยหังเดินกลับในใจก็เอาแต่คิดว่าไปเปลี่ยนกางเกงตามที่หลูจื้อบอกดีไหมนะ
คำถามนี้ทำเขาคิดจนหัวยุ่งมาตลอดทาง จนกระทั่งตอนที่เขาเดินผ่านมาทางหน้าต่างที่รับชุดทหารตอนนั้นก็พบว่าด้านในไม่เหลือคนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
ดูเหมือนว่าต่อให้เขาอยากจะเปลี่ยนก็ไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนแล้วล่ะ
ช่างมันเถอะ เอาแบบนี้แหละ ถึงแม้ว่าตัวเองไม่ได้ขายาวอะไรแต่อย่างมากก็แค่ม้วนขากางเกงขึ้นนิดหน่อยก็เรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรอ