“พูดไปแล้วฉันก็หวั่นๆ ในใจ ไม่ใช่ว่าคนเป็นทหารต้องคอยรับใช้ประชาชนหรอ” ชุยหังพูด
จ้าวหลินพูดขึ้น: “ไม่ใช่ว่านายเจอเรื่องเดือดร้อนมาหรอ แล้วยังมีแรงไปด่าคนอื่นเขาอีก แบบนี้ก็ต้องแก้แค้นแน่นอนอยู่แล้ว”
“เหล่าต้า พี่อย่าพูดแบบนี้สิผมยิ่งหวั่นใจอยู่นะ” ชุยหังพูดอย่างเป็นกังวล
“ไม่เป็นไรหรอก แค่ครึ่งเดือนเองไม่ตายหรอกน่า” จ้าวหลินพูดขึ้นซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันเป็นคำปลอบใจหรือเปล่า
“ช่างเถอะ พวกนายไม่ห่วงฉันสักคน พวกนายแต่ละคนมีแต่จะให้ฉันเกิดเองตายเอง เรื่องของวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันแล้วกัน” ชุยหังพูด
จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นไปบนเตียงฟุบลงบนที่นอนก่อนจะกดเปิดพัดลม
ที่นี่อากาศร้อนมากเลยจริงๆ ร้อนแบบจากข้างในออกข้างนอกอะไรแบบนั้น
ชุยหังมีความรู้สึกเหมือนอยากจะเอาพัดลมไปติดไว้ตรงช่องอก แบบนั้นถึงจะทำให้ใจเย็นโล่งขึ้นบ้าง
อาจจะเป็นเพราะว่าตอนอยู่สนามพวกเขาถูกแดดเผามาไม่น้อยเลย ตอนนี้ทุกคนก็แยกย้ายกันไปประจำที่เตียงนอนของตัวเองเพื่อพักผ่อน
เสียงน้ำไหลจากห้องน้ำดังขึ้นมาเป็นระยะๆ บางครั้งยังมีเสียงหยอกล้อกันดังขึ้นมาด้วย แต่นั่นมันก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับเรื่องที่ยุ่งเหยิงอยู่ในใจของชุยหังตอนนี้เลย
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความไปให้หลิวเฮ่อ
[นายทำอะไรอยู่หรอ เมื่อกี้ฉันพึ่งไปเจอหน้าครูฝึกมา ดูเหมือนว่าครูฝึกคนนี้จะเป็นคนเซ้าซี้เอามากๆ เลย]
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากโทรศัพท์ เขาเปิดเข้าไปดูแต่มันไม่ใช่จากหลิวเฮ่อ แต่เป็นชย่าอวี่ชิว
[เสี่ยวชุย นายทำอะไรอยู่ คิดถึงฉันยัง?]
ชุยหังตอบกลับข้อความไป: [คิดก็แทบจะคิดไม่ถึงแล้ว เมื่อกี้พึ่งไปเจอหน้าครูฝึกมา ฉันรู้สึกว่าวันสิ้นโลกมันใกล้เข้ามาแล้วล่ะ]
[ทำไมล่ะ ครูฝึกของพวกนายหน้าตาขี้เหร่หรอ] ชย่าอวี่ชิวตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่าเขาคงกำลังรู้สึกเบื่อเหมือนกัน
ชุยหังนึกถึงรูปร่างหน้าตาของหลูจื้อขึ้นมา ใบหน้าคมสัน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมาดแมนแบบลูกผู้ชาย คิ้วกว้างๆ ของเขา ดวงตาสดใสเป็นประกาย…และยังมีหุ่นแบบที่เขาชอบ
ดูเหมือนว่าไม่ได้เกี่ยวข้องใกล้เคียงอะไรกับคำว่าขี้เหร่เลยสักนิดเดียว
[เปล่าหรอก แต่ว่าดูดีก็กินแทนข้าวไม่ได้] ชุยหังตอบกลับ
มือถือสั่นเตือนขึ้นอีกครั้งและครั้งนี้เป็นข้อความจากหลิวเฮ่อ
ตอนนี้ในใจของเขาตื่นเต้นขึ้นมา ก็หลายวันที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่สนใจอะไรตนเลยสักนิดเดียว
[ทำไมหรอ หรือว่าครูฝึกเป็นตาแก่วัยทองแล้วหรอ]
ตรรกะนี้ชุยหังแทบจะคุกเข่าให้เลย ครูฝึกจะเป็นตาแก่ได้ยังไงเล่า
แค่คิดก็รู้แล้วว่ายังไงก็ต้องเป็นพวกทหารอาสาอะไรแบบนั้นแน่นอน
ใครจะไปทนอยู่ในกองทัพตลอดชีวิตกัน อยู่จนผมหงอกขาวแล้วยังจะไปเป็นครูฝึกตามมหาวิทยาลัยได้อีก
[ไม่ใช่ ก็เป็นคนหนุ่มๆ นี่แหละ แต่ว่าเข้มงวดมาก ดูเหมือนว่าจะพูดยากนะแค่มาวันแรกก็หมายหัวฉันแล้ว นายคิดถึงฉันหรือยัง] ชุยหังพยายามจะไม่ใช่ข้อความที่ยาวจนเกินไปและสามารถสื่อความหมายได้ชัดเจนที่สุดด้วย
ข้อความตอบกลับมาอีกครั้งแต่ยังเป็นชย่าอวี่ชิวเหมือนเดิม
[พอจะมีเวลาไหม ออกไปกับฉันหน่อย]
[ไปไหน ดูเหมือนอาจารย์ที่ปรึกษาจะไม่อนุญาตให้พวกเราออกไปข้างนอก] ชุยหังตอบกลับ
[แค่ไปเดินๆ แถวมหา’ ลัยเองจะกลัวอะไร ไม่ได้ออกนอกประตูมอซะหน่อย] ชย่าอวี่ชิวตอบ
ชุยหังคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบกลับ: [โอเค ให้ฉันไปรอนายที่ไหน]
[รออยู่ใต้ตึกหกเก่าแก่ของพวกนายนั่นแหละเดี๋ยวฉันไปหา] ชย่าอวี่ชิวตอบกลับอย่างไว
ชุยหังเล่นโทรศัพท์มือถือไปอีกสักพัก ในที่สุดก็มีข้อความตอบมาจากหลิวเฮ่ออีกครั้ง
แต่ว่ากลับมีเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น นั่นคืออืม
คำว่าอืมคำนี้มันเป็นการตอบกลับประโยคที่ว่าครูฝึกยังหนุ่มๆ หรือตอบกลับประโยคที่ว่าคิดถึงเขากันนะ?
ชุยหังไม่รู้ว่าทำไม แต่เหมือนในใจมีมดหลายตัวกำลังรุมกัดอยู่ในนั้น เขาอยากจะกดโทรออกไปหาเขาแล้วถามให้เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร ทำไมพิมพ์แค่ ‘อืม’ คำเดียวก็กดส่งมาแล้ว
แต่ว่าพอคิดไปแล้ว เขาว่าเขาอดทนไว้จะดีกว่า
“ชุดนี้สวยมากเลย อันนี้เป็นชุดฝึกทหารของคณะพวกนายหรอ” เพียงไม่นานชย่าอวี่ชิวก็มาปรากฏตัวอยู่ใต้ตึกหอพักของเขาแล้ว