ตอนที่ 38 การอบรมดูแลห้องพัก
“คนก็ดีนะก็แค่เข้มงวดมากเกินไปหน่อย” ชุยหังพูดไปตามข้อเท็จจริง
“เข้มงวดก็เป็นเรื่องธรรมดา คนเป็นทหารจะมามัวพูดล้อเล่นไปวันๆ เหมือนพวกเราได้ยังไง” วังเจิ้นเฉียงพูด
ชุยหังคิดไปแล้วมันก็มีเหตุผล
ไม่สามารถเอามาตรฐานของตัวพวกเขาเองไปเป็นข้อกำหนดเรียกร้องคนที่ต้องดูแลประเทศชาติอย่างพวกเขา
เดิมทีคนเป็นทหารก็ดูศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขามจะให้พวกเขามาทำหน้าทะเล้นหรือว่าวางท่าทีเรียบง่าย แบบนั้นก็ดูไร้สาระไปหน่อย
ชุยหังห้ามตัวเองไม่ให้กดส่งข้อความรายงานผลจากการหุนหันพลันแล่นในวันนี้ไปให้หลิวเฮ่อ แต่โพสต์ข้อความลงในโมเมนต์กลุ่มเพื่อนแทน ก่อนจะเปิดเป็นเสียงเงียบ ตั้งนาฬิกาปลุกและเข้านอน
ตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นในวันต่อมาท้องฟ้าสว่างมากแล้ว หน้าต่างถูกเปิดไว้ตลอดทั้งคืน สายลมพัดโชยมากระทบทำให้ร่างกายรู้สึกสบายไม่น้อยจนแทบไม่อยากจะขยับ
แต่ว่าคนอื่นลุกกันหมดแล้ว แถมยังพับผ้าห่มเรียบร้อยแล้วด้วย ชุยหังนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เหมือนจะมีการฝึกอบรมการจัดระเบียบภายในห้องพัก คิดอยู่พักหนึ่งแล้วใครสนกัน ขอแค่ไม่ใช่การยืนระเบียบก็ดีแล้ว ขาของเขาตอนนี้จนแทบจะไม่เป็นขาเดิมของเขาแล้ว
ภายใต้การเอาแต่เร่งไม่ยอมหยุดของจ้าวหลิน ในที่สุดชุยหังก็ยอมลุกขึ้น จากนั้นก็ไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วมาพับผ้าห่ม
“พวกเราเอาพวกเสื้อผ้าใส่เข้าไว้ในตู้แล้วล๊อคไว้เถอะ” จ้าวหลินพูด
แบบนี้ก็จะทำให้ห้องดูเป็นระเบียบขึ้นเยอะ
เสื้อตัวนั้นของหลูจื้อตากจนแห้งสนิทแล้ว ชุยหังกำลังพิจารณาว่าจะเก็บมันเข้าไว้ในตู้ของตัวเองหรือว่าจะรอตอนที่หลูจื้อมาถึงแล้วเอาคืนให้เขาไปเลย
คิดไปคิดมาเขาก็พับเสื้อไว้เรียบร้อยแล้วเอาวางไว้ในถุง จากนั้นก็ห้อยไว้ตรงหัวเตียงของตัวเอง
“เร็วเข้ารีบเก็บหน่อย” จ้าวหลินที่เห็นว่าห้องพักยังมีสภาพที่ไม่ค่อยน่าพอใจพูดขึ้น
ทุกคนรีบเร่งมือเร่งเท้าเก็บกวาดกันเป็นพัลวันอยู่สักพัก พวกเขาก็เปิดประตูออกก็ได้ยินแต่เสียงของห้องอื่นๆ ที่กำลังยุ่งทำงานอยู่เหมือนกัน
ในที่สุดพวกเขาก็เห็นว่าห้องพักมีสภาพที่ค่อนข้างน่าพึงพอใจมากแล้ว แต่ว่าไม่กล้านั่งลงบนเตียงเพราะกลัวว่าจะทำเตียงยับอีก
เวลาประมาณแปดโมงตรง หลูจื้อนำคณะครูฝึกของแต่ละห้องมาถึงตึกหกเก่าแก่แล้ว
แน่นอนว่าหัวหน้าห้องพักของทุกห้องต้องยืนรออยู่หน้าประตูห้องพักของตัวเอง เดิมทีจ้าวหลินก็ผอมมากอยู่แล้วพอยืนอยู่ตรงนั้นแล้วยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเสาไม้ราวไม่มีผิด
คนที่เหลือต่างก็พากันยืนรอประจำที่อยู่ข้างๆ เตียงของตัวเองรอให้ครูฝึกเข้ามา
ยังดีที่หลูจื้อไม่ได้ตรงมาที่ห้องพักของพวกเขาโดยตรงแต่แวะเข้าไปที่ห้อง 427ก่อน
ตอนที่ครูฝึกยังมาไม่ถึง พวกชุยหังก็พากันรีบมองสำรวจดูว่ามีมุมไหนในห้องพักที่ลืมดูไปหรือเปล่า จากนั้นก็พากันเอาอุปกรณ์อาบน้ำวางไว้ในกะละมังใหม่ แล้วสอดวางไว้ใต้เตียงนอนตรงที่มีไว้สำหรับวางกะละมังโดยเฉพาะ
ส่วนผ้าห่ม ต่อให้พวกเขาพยายามมากแค่ไหนก็ไม่สามารถจะพับให้มันเหมือนก้อนเต้าหู้ได้ วางไว้แบบนั้นชั่วคราวไปก่อนก็แล้วกัน ยังไงซะพอครูฝึกมาถึงก็ต้องปูทำใหม่อยู่ดี
เดิมทีคิดว่าห้องสามของพวกเขาที่มีเตียงกว่าสิบแปดเตียงอย่างน้อยต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะทำเสร็จ คงอีกสักพักกว่าหลูจื้อจะมา ชุยหังยืนอยู่ข้างเตียงจนรู้สึกเหนื่อย นี่มันไม่ใช่การย้ายที่ยืนระเบียบหรอ
เขายังคิดอีกว่าจะถอดรองเท้าออกแล้วนอนผ่อนคลายก่อนสักหน่อย แต่พอเห็นว่าทุกคนยังคงยืนตามระเบียบอยู่แบบนั้น เขาก็ไม่ได้ทำการเคลื่อนไหวใดๆ แต่เพราะรู้สึกปวดเอวนิดหน่อยเขาจึงแอบเอนๆ พิงไปข้างหลังเล็กน้อย ให้หัวพิงแนบไว้กับราวขอบเตียงนอน
คิดไม่ถึงว่าหัวของเขาพึ่งจะพิงเข้ากับเตียง จู่ๆ ทางด้านจ้าวหลินก็ส่งเสียงตะโกนออกมา: “ครูฝึกสวัสดีครับ!”
ชุยหังที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนดีๆ ท่าทางเหมือนกับเด็กที่แอบกินของในบ้านแล้วพ่อแม่กลับมากะทันหันยังไงอย่างนั้น
ทุกคนพากันกลั้นขำเอาไว้แทบไม่ไหว ชุยหังกลับได้แต่ยืนอัดอั้นตันใจอยู่ข้างๆ เตียงของตัวเอง
ไม่นานหลูจื้อก็เดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว เห็นใบหน้าที่พยายามกลั้นขำของสามสี่คนกับชุยหังที่ใบหน้าแดงเล็กน้อยก็ไม่ได้ถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เดินพุ่งตรงมาทางเขาทันที
ตอนที่ 39 ก้อนเต้าหู้
“ผ้าห่มผืนนี้พับได้แย่มากเลย เอาผืนนี้แล้วกัน” เขาชี้นิ้วไปที่ผ้าห่มของชุยหัง
ชุยหังไม่ได้สนใจว่าเขากำลังพูดเยาะเย้ยตัวเองอยู่หรือเปล่า ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกเขาเยาะเย้ยมาก่อน
ชุยหังยืนอยู่อีกด้านและคอยดูอยู่ว่าเขาจะทำไรต่ออีกหรือเปล่า
“ยืนนิ่งอยู่ทำไมเล่าผ้าห่มของใครก็ถือมาสิ” หลูจื้อเห็นว่าไม่มีใครกระดุกกระดิกเลยสักคนจึงพูดขึ้นมาอีกประโยค
ชุยหังไม่มีทางเลือกทำได้แค่เอื้อมมือออกไปพลางเขย่งเท้าหยิบเอาผ้าห่มลงมาอย่างยากลำบาก
หลูจื้อเอาผ้าห่มผืนนั้นวางลงบนเตียงของถังเฉิง จากนั้นมองมาทางชุยหังก่อนจะมองไปรอบๆ แล้วพูดว่า : “ฉันจะทำให้ดูแค่รอบเดียวเท่านั้นพวกนายทุกคนดูให้ดีนะ”
มิน่าล่ะถึงได้มาเร็วขนาดนี้ ที่แท้ไม่ใช่ว่าจะสอนทุกคนคนละรอบทุกห้อง แต่ว่าจะสอนทุกคนพร้อมกันแค่รอบเดียวเท่านั้น
ดูจากความเร็วในการคลี่ผ้าห่มออกของเขา ชุยหังก็แอบคิดในใจว่ายังดีที่พึ่งห่มได้แค่ไม่กี่วันก็เลยยังไม่มีกลิ่นแปลกๆ อะไรออกมา
จากนั้นหลูจื้อก็เริ่มลงมือพับผ้าห่มด้วยความรวดเร็ว เขาใช้มือตัดผ้าห่มไปมา ในตอนที่เขาพับผ้าห่มเสร็จเรียบร้อยมันก็กลายเป็นก้อนเต้าหู้ที่ได้มาตรฐานไปแล้วเรียบร้อย
“ผ้าห่มก่อนหน้านี้ช่างไม่เป็นประสาเลยจริงๆ” เขาไม่ลืมที่จะพูดแขวะทิ้งท้าย
ไม่ประสาน้องแกสิ ชุยหังอยากจะพูดออกมาแต่ก็ทำได้แค่กลั้นไว้เท่านั้น
หลูจื้อก้มดูใต้เตียงของถังเฉิงกับชุยหัง ก่อนจะลากเอารองเท้าแตะกับกะละมังใส่น้ำออกมาแล้วพูดว่า : “ใต้เตียงไม่อนุญาตให้วางรองเท้าแตะเกินสองคู่ ข้าวของที่อยู่ในกะละมังต้องวางให้เป็นระเบียบ แล้วก็ผ้าขนหนูผืนนี้…”
ชุยหังมองดูก็เห็นว่าผ้าขนหนูของเขาพับวางข้างในนั้นอย่างเป็นระเบียบแล้ว แต่หลูจื้อกลับหยิบมันออกมาก่อนจะเทข้าวของที่อยู่ข้างในนั้นลงบนเตียงของถังเฉิง
ถังเฉิงขมวดคิ้ว ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะปูผ้าปูที่นอนได้ตึงขนาดนี้ แล้วตอนนี้บนนั้นกลับเต็มไปด้วยข้าวของอะไรก็ไม่รู้
ด้านชุยหังก็มึนไปแล้วตอนนี้ นี่มันหมายความว่ายังไง ยังดีนะที่ในกะละมังไม่มีน้ำ ไม่อย่างนั้นวันนี้ถังเฉิงก็คงไม่ต้องนอนกันพอดี
จากนั้นหลูจื้อก็หยิบเอาอุปกรณ์อาบน้ำของชุยหังออกมาทีละชิ้นๆ พลางพูดว่า : “อุปกรณ์แปรงฟัน สบู่ สองอย่างนี้ให้วางในกะละมังได้ ส่วนของอย่างอื่นให้วางไว้ในตู้ของตัวเอง ผ้าขนหนูที่เปียกวางกางไว้บนขอบกะละมังโดยให้เห็นเป็นเส้นเดียว”
พูดจบเขาก็ยื่นครีมอาบน้ำกับผ้าถูตัวให้ชุยหัง แล้วให้เขาเอาไปเก็บล็อคไว้ให้เรียบร้อย
ขายหน้าจริงๆ ชุยหังคิดว่าทั้งๆ ที่คนอื่นเขาก็วางแบบนี้กันแล้วทำไมต้องพุ่งเป้ามาที่เขาด้วย ประสาทจริงๆ เลย
แต่ว่าเขาก็เอาของไปใส่ตู้ล็อคไว้อย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็ทำตามที่เขาบอกโดยถือผ้าขนหนูตรงไปที่ห้องน้ำและทำให้มันเปียกจากนั้นก็มองเขาเอาผ้าขนหนูวางไว้บนขอบกะละมังแล้วใช้มือกดให้มันเป็นเส้นเดียวแล้วยัดมันกลับเข้าไปใต้เตียงใหม่
“ดูเข้าใจหรือยัง” จู่ๆ เขาก็ถามเสียงดังขึ้นมาจนทำให้ชุยหังตกใจ
“เข้าใจแล้วครับ” ทุกคนตอบออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ใครจะกล้าตอบว่าไม่เข้าใจล่ะ รนหาที่ตายหรอ
จากนั้นหลูจื้อก็เหลือบสายตามองมาทางชุยหัง ก่อนจะหมุนตัวแล้วเอื้อมมือออกไปคลี่ผ้าห่มของชุยหังออก แล้วโยนขึ้นไปบนเตียงก่อนจะหันมาพูดกับพวกเขาว่า : “ดูเข้าใจแล้วก็เริ่มลงมือฝึกได้ อีกครึ่งชั่วโมงจะมาตรวจถ้าทำไม่สำเร็จข้าวเที่ยงไม่ต้องกิน”
พูดจบหลูจื้อก็เดินหมุนตัวออกไปห้องพักถัดไปทันที
ชุยหังยังคิดว่า มันจะไปยากอะไร ดูถูกพวกเขาเกินไปแล้วให้เวลาตั้งครึ่งชั่วโมงจะใช้อะไรเยอะขนาดนั้นล่ะ
ไม่ใช่แค่เขาที่คิดแบบนี้ดูจากสีหน้าของคนอื่นๆ ก็เหมือนจะคิดแบบนี้เช่นกัน
แต่ว่าพอถึงตอนที่ตัวเองลงมือทำจริงๆ ชุยหังถึงกับโง่ไปเลย ทำไมตอนที่ผ้าห่มอยู่ในมือของหลูจื้อมันถึงได้เชื่อฟังนัก แต่พอมาอยู่ในมือตัวเองแล้วทำไมถึงทำไม่ได้สักที