ตอนที่ 56 แถไถเอาตัวรอด
ชุยหังตึงๆ ตังๆ เดินขึ้นตึกไป ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เป็นเหมือนกับความฝัน
ที่หลูจื้อเฝ้าดูแลเขาในหลายวันที่ผ่านมานี้ ที่แท้เป็นเพราะเขาพึ่งจะเคยมาเป็นครูฝึกครั้งแรก จึงอยากดูแลทุกคนให้ดีเท่านั้น
เขาถอนหายในยาวๆ ภายในห้องพักที่ว่างเปล่านั้น คิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้วสินะ
เขาเป็นผู้ชายแมนทั้งแท่ง แถมยังเคยพูดแล้วด้วยว่ามีแฟนแล้ว
แต่ตนยังจะเข้าใจผิดอีก หรือว่าเขาจะรู้อะไรเข้าและกำลังทดสอบตนอยู่
บวกกับที่เหล่าครูฝึกโห่แซวแบบนั้น ทั้งหมดมันเหมือนจริงมาก เหมือนจริงจนตัวเขาจะเชื่อแทบทั้งหมดแล้ว
แต่ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่าทั้งหมดมันเป็นแค่เรื่องโกหก
“เหลาอู่ นายไม่เป็นไรใช่ไหม เมื่อกี้ครูฝึกไม่ได้ลงไม้ลงมืออะไรกับนายใช่ไหม” ถังเฉิงที่พึ่งกลับเข้ามาก็ถามชุยหังที่เอาแต่หลบตัวซุกอยู่บนเตียงเหมือนร่างศพแข็งทื่อ
ชุยหังตกตะลึง ครูฝึกตีเขา? ทำไม?
“พี่สี่ ฉันมันกวนตีนขนาดนั้นเลย?”
“ไม่ใช่ ก็ท่าทางที่ครูเขาวิ่งตามนายไปเมื่อครู่นี้ พวกเรายังรู้สึกตึงเครียดแทนเลย” ถังเฉิงพูด
จ้าวหลินก็พูดขึ้น: “ใช่ ถ้าไม่รู้พวกเรายังคิดว่านายไปแย่งแฟนของเขามาซะอีก”
ชุยหังฝืนยิ้มออกมาพลางพูด: “เปล่า หลายวันมานี้ฉันเอาแต่คิดถึงที่บ้าน แล้วอารมณ์มันก็เลยไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่ เขาดูออก เขาบอกว่าเขาพึ่งจะมาเป็นครูฝึกครั้งแรกแล้วนึกว่าฉันไม่พอใจอะไรเขา ดังนั้นก็เลยอยากจะดูแลแคร์ความรู้สึกของทุกคน แต่ว่าวิธีการมันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่”
“มิน่าล่ะ พวกเรานึกว่าเขาเอาแต่จับจ้องมองนายคนเดียว” วังเฉียงพูด
ชุยหังพูดตอบ: “นายเลิกคิดไปเลยเถอะ ฉันไม่ใช่พวกสาวน้อยสักหน่อยที่เขาจะได้เอาแต่จ้องฉัน อีกอย่างถ้าฉันเป็นผู้หญิงเข้ามาอยู่ในหอนี้ก็ไม่ใช่เข้ามาอยู่ในรังหมาป่าหรอ”
“อันนี้ช่างมันเถอะ ถ้านายเป็นผู้หญิงจริงๆ พวกเราทั้งห้าคนจับนายโยนออกไปก็สิ้นเรื่อง” ถังเฉิงพูด
ชุยหังหัวเราะแล้วพูดต่อ: “พอแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว หลายวันมานี้ฉันมึนไปหมดแล้ว นึกว่าเป็นเพราะเรื่องวันนั้นถึงคิดจะมาถอนโคนฉันซะอีก”
“พวกเราก็คิดแบบนั้น นายไม่รู้อะไร หลายวันมานี้ขนาดโจวเฉวียนยังมาถามเลยนะ ว่าสรุปแล้วเรื่องของนายกับครูฝึกมันยังไงกันแน่แต่พวกเราก็ไม่กล้าพูด” ถังเฉิงพูด
ชุยหังพูดขึ้น: “เหล่าซื่อ ทำดีมาก ปากนี้รักษาความลับได้ดีเลยทีเดียว ต่อไปในอนาคตนายจะต้องได้ทำงานเป็นผู้รักษาความลับงานแน่ๆ”
“แน่นอนอยู่แล้ว นายไม่ดูหรอว่าพวกเราเป็นใคร” เหล่าซื่อพูดด้วยท่าทางภาคภูมิใจ พลางตั้งใจสะบัดๆ ผมไปด้านหลัง
วังเจิ้นเฉียงที่อยู่อีกด้านก็พูดขึ้น: “อันนี้ช่างมันดีกว่า เหล่าซื่อมีจุดอ่อน”
“ฉันมีจุดอ่อนอะไร” ถังเฉิงถาม
วังเจิ้นเฉียงพูดต่อ: “ถ้าเกิดเป็นผู้หญิงมาถาม ขอแค่หน้าตาดูดีสักหน่อย ใส่เสื้อผ้าให้ดูเย็นสบายสักหน่อย นายก็คงจะเปิดปาดบอกหมดเปลือกแน่ๆ”
หลังจากคนในห้องได้ยินต่างก็พากันหัวเราะขึ้นมา
บรรยากาศสนุกสนานแบบนี้ทำให้อารมณ์ของชุยหังค่อยๆ ผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆ
นี่คงเป็นข้อดีของการใช้ชีวิตอยู่กันเป็นกลุ่ม ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องราวอะไรก็จะมีคนมาช่วยแบ่งเบา จากนั้นทุกคนก็พูดคุยกันหัวเราะกัน ความทุกข์ใจของตนก็วิ่งหลบไปอยู่ข้างหลังทันที
และเมื่อนึกขึ้นได้อีกที มันก็จะเปลี่ยนเป็นจืดจางไปแล้ว
ตอนนี้วินาทีนี้ เขาเริ่มที่จะเคยชินและลืมหลิวเฮ่อไปบ้างแล้ว
ต่อจากนี้ไป ในวันที่ไม่มีหลิวเฮ่ออยู่เขาจะทะนุถนอมมันให้มากขึ้น ชีวิตที่ผ่อนคลายเป็นตัวของตัวเองแบบนี้
“ฉันเบลอไปหมดแล้ว หลายวันมานี้เอาแต่รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนตลอด ไม่ไหวแล้ว ฉันนอนพักสักหน่อยก่อนล่ะ” ชุยหังนวดขมับเบาๆ พลางพูด
เขารู้สึกเหมือนตัวเองมึนหัวนิดหน่อย สภาพอากาศแบบนี้ การฝึกทหารแบบนี้ บวกกับที่สภาพจิตใจไม่ค่อยนิ่งมันทำให้เขาทนรับไม่ไหวแล้ว
ตอนที่ 57 ร้อนเกินไปแล้วทำไงดี
ช่วงบ่ายก็ทำการฝึกทหารต่อ หลังจากที่ชุยหังกับหลูจื้อได้พูดคุยกันไปเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาก็เหมือนจะแก้ไขความเข้าใจผิดอะไรไปได้บ้างแล้ว จึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
หลูจื้อก็ไม่ได้มาวนเวียนอยู่รอบตัวของชุยหังอีก อีกทั้งชุยหังก็ไม่ได้คิดอะไรเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว ว่าหลูจื้อจะเป็นชายแท้หรือเบี่ยงเบน ทำไมเขาถึงพูดเรื่องพวกนั้นกับเขา
เขารู้สึกว่าถ้าเอาแต่คิดเรื่องพวกนั้นมันก็เหมือนการทำให้ตัวเองลำบากใจ
หลูจื้อพูดแล้วว่าถ้าการยืนท่าระเบียบในช่วงบ่ายวันนี้ทำได้ดี ทำให้เขาพึงพอใจ นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปก็จะสามารถเข้าสู่เนื้อหาวิชาอื่นๆ ได้แล้ว
ส่วนจะเป็นการย่ำเท้าหรือการเดินเตะเท้านั้นเมื่อถึงเวลาแล้วค่อยว่ากัน
ชุยหังยืนอยู่ตรงนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ แสงอาทิตย์สว่างจ้า ดวงอาทิตย์ก็ช่างใจกว้างเสียจริง ส่องแสงจ้า แผ่ความร้อนของตัวเองออกมาโดยที่ไม่หวงไม่เสียดายเลยสักนิด
ทั่วทั้งร่างกายของทุกคน ด้วยสาเหตุจากไอร้อนของดวงอาทิตย์ก็ทำให้เหงื่อไหลออกมาไม่หยุด ก่อนจะถูกชุดลายพรางทหารดูดซับเข้าไป
“ยืดตัวตรง ยืดหน้าอก เก็บหน้าท้อง ยกสะโพก สายตามองตรงไปด้านหน้า มือทั้งสองข้างวางไว้ตรงตะเข็บกางเกง นิ้วมือชี้ลงพื้น ขาทั้งสองข้างให้มีแรงตลอด” หลูจื้อพลางเดินไปมาอยู่กลางกลุ่มแถว พลางพูดเนื้อหาสำคัญของท่ายืนไปด้วย
ชุยหังรู้สึกว่าพระอาทิตย์วันนี้มันช่างรุนแรงมากจริงๆ รู้สึกเหมือนมันห้อยอยู่ไม่ไกลจากหัวของเขาเท่าไหร่ยังไงอย่างนั้น อุณหภูมิแบบนี้ทำให้ความกดดันของเขาเพิ่มมากขึ้น
เหมือนจะได้ยินเสียงความวุ่นวายดังสะท้อนมาแต่ไกล หลูจื้อก็หันไปมองเช่นกันจากนั้นก็บอกกับทุกคนว่า: “เอาล่ะ พักสิบนาที”
จากนั้นทุกคนก็ถือโอกาสตอนพักนี้หันไปมองทางต้นเสียง ที่แท้มีผู้หญิงจากการจัดการทางทะเลเป็นลมแดดแล้วเป็นลมล้มพับไป
ก่อนหน้านี้มีคนเคยบอกกับชุยหังแล้วว่าการฝึกทหารทุกปีจะมีคนเป็นลมแดด ตอนนี้ชุยหังเชื่อแล้วจริงๆ
อุณหภูมิที่นี่ไม่สามารถเอาไปเทียบกับถิ่นบ้านเกิดของเขาได้เลยจริงๆ
“พวกนายไม่เป็นไรใช่ไหม” หลูจื้อถือโอกาสช่วงว่างนี้ถามทุกคนขึ้น
“ไม่เป็นไรครับครูฝึก วางใจเถอะครับ”
มีคนนำพูดขึ้นดูเหมือนอยากจะให้หลูจื้อสบายใจ
ชุยหังไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้เขารู้สึกมึนขึ้นมาแล้วนิดหน่อยเพราะตากแดด
อุณหภูมินี้เขาไม่สามารถจะปรับตัวให้ชินได้ในทันทีจริงๆ
หลูจื้อพูด: “แถวของเรา ถ้าใครสุขภาพไม่ค่อยดี แล้วรู้สึกว่าไม่ไหวก็สามารถบอกล่วงหน้าได้ ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นลมแดดขึ้นมาจะโทษฉันไม่ได้นะ”
“ไม่มีทาง พวกเราไม่ใช่ผู้หญิง ไม่สามารถเป็นลมแดดหรอกครับ” มีคนพูดขึ้นทันที
“ใครบอกว่าคนที่จะเป็นลมแดดต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น” หลูจื้อถาม
คนนั้นไม่พูดต่อแล้ว เพราะเรื่องนี้ดูเหมือนมันไม่มีกฎเกณฑ์กำหนดตายตัวจริงๆ ว่าผู้หญิงสามารถเป็นลมแดดแล้วผู้ชายไม่สามารถเป็นได้
“การเป็นลมแดดไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศ มันเกี่ยวกับสมรรถภาพทางกาย คนที่สมรรถภาพทางกายไม่ดี หรือคนที่ไม่ชินกับสภาพอากาศแบบนี้ถึงจะสามารถเป็นลมแดดเอาได้ง่ายๆ” หลูจื้ออธิบาย
โจวเฉวียนยกมือขึ้นจากอีกด้าน ชุยหังเหลือบไปมองเขายังรู้สึกเหมือนสอนจระเข้ว่ายน้ำ
“นายมีอะไร” หลูจื้อถาม
โจวเฉวียนพูด: “รายงานครูฝึก ผมอยากถามหน่อยครับว่าถ้าหากในพวกเรามีคนเป็นลมแดดขึ้นมา ก็จะไม่สามารถเข้ารับการคัดเลือกในการตรวจพลเข้าร่วมขบวนกองครั้งสุดท้ายใช่ไหมครับ”
หลังจากที่ทุกคนฟังก็หยุดพูดทันทีเพราะต่างก็อยากจะรู้ปัญหานี้เหมือนกัน
เรื่องนี้นับเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะในเมื่อการตรวจพลเข้าร่วมขบวนกองนั้นจะมีคะแนนเพิ่มให้ด้วย
“อันนี้ไม่มีผลกระทบอะไร การเดินขบวนจะดูที่การเดินของนาย แล้วก็การสอดประสานรวมกับขบวนกลุ่ม ไม่จำเป็นต้องมีสมรรถภาพที่ดีมากนักก็ได้” หลูจื้อพูด
“อ้า ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ” โจวเฉวียนพูด
ตอนนี้ทุกคนถึงสังเกตเห็นว่าทั่วทั้งใบหน้าของโจวเฉวียนมีเหงื่อผุดออกมาเต็มไปหมด ราวกับว่าพึ่งจะออกมาจากเครื่องนึ่งยังไงอย่างนั้น
ตอนนี้ชุยหังถึงนึกขึ้นได้ว่าโจวเฉวียนก็เป็นเพื่อนบ้านเกิดเดียวกันจากทางตงเป่ยเหมือนกัน แต่ว่าอยู่เหนือยิ่งกว่าเขา เขาควรจะทนรับความร้อนได้แย่ยิ่งกว่าชุยหังอีก