ตอนที่ 62 อุ้มแบบเจ้าหญิง
ชุยหังพูดไม่ออกแล้ว เพราะความรู้สึกแบบนี้ไม่มีวิธีที่จะใช้ภาษาสื่อสารมันออกมาได้เลยจริงๆ
ทำไมตัวเขาต้องมาพบเจอกับครูฝึกแบบนี้ด้วยนะ?
ที่จริงคนแบบนี้เป็นพวกที่เขาไม่อยากจะยุ่งด้วยมากที่สุด เพราะเขาเป็นผู้ชายแท้ที่มักจะทำอากัปกิริยายั่วเย้าคนอื่นอยู่ตลอด ถ้าหากตัวเองตกหลุมรักขึ้นมาจริงๆ เขาก็คงจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น
คนแบบนี้เป็นพวกที่ทำร้ายคนอื่นมากที่สุด
อีกอย่างต่อให้เขาทำร้ายคุณเข้าแล้ว เขาก็จะไม่มีทางเข้าใจว่าตัวเขาทำอะไรผิด
เพราะในสายตาของเขา ทุกการกระทำที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่เป็นการล้อเล่นเท่านั้น
ความรักระหว่างคนเพศเดียวกันก็มักจะถูกกระตุ้นขึ้นมาจากตอนที่พวกเขาเริ่มพูดคุยล้อเล่นกันแบบนี้ แต่พวกเขากลับไม่มีวิธีการไหน และไม่มีความกล้าหาญมากพอที่จะยอมรับมัน
ตอนนี้ชุยหังเริ่มจะรู้สึกไม่สนุกแล้ว ทำไมหลูจื้อถึงเอาแต่พุ่งเป้าหมายมาที่ตัวเขาแบบนี้ตลอด?
ในใจของชุยหังมีเสียงโห่ร้องที่แสนบริสุทธิ์กำลังดังก้องก็คือ เขาชอบตน
แต่ว่ามันก็ปฏิเสธตัวเองในทันทีว่านี่มันเป็นไปไม่ได้
เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยมีเสน่ห์เลย
ขนาดหลิวเฮ่อยังสามารถหาใครคนใหม่ทางนั้นได้เพียงเพราะความเหงา แก้ไขปัญหาที่เขาไม่สามารถแก้ไขได้
ยิ่งไปกว่านั้นคนอย่างหลูจื้อเป็นถึงผู้บังคับการทหารอนาคตไกล
เขายังหนุ่มยังสามารถเป็นถึงรองผู้บังคับการกองร้อยแล้ว อนาคตข้างหน้าของเขาย่อมไม่ต้องกลัดกลุ้มใจอะไรเลย
แล้วตนล่ะ? ถ้าหากตกหลุมรักเข้าแล้วจริงๆ แล้วถูกทิ้งอย่างโหดเ**้ยมอย่างคราวก่อนอีกครั้งแล้วจะยังเหลืออะไร
ดังนั้นสีหน้าของเขาในตอนนี้จึงดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่
แต่ว่าหลูจื้อก็เหมือนยังไม่ลดละความตั้งใจของเขา สักพักก็โจมตีมาอีก ในมือเขาถือต้นหญ้ากลับมาจากนั้นก็ทำเหมือนวันนั้นคือทำเป็นวงแหวนแล้วห้อยกับจมูกของชุยหัง
ชุยหังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป จู่ๆ ต่อมน้ำตาก็ถูกกระตุ้น สายตาไม่ทันหันมองหน้าหลูจื้อก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมาแล้ว สุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกจากขอบตาทั้งสองข้าง
วินาทีนั้นหลูจื้อถึงกับนิ่งไป เพราะคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“เป็นอะไร ไม่สบายหรอ หรือทำนายเจ็บหรอ” หลูจื้อถามอย่างระมัดระวัง
ครั้งนี้เขาเหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองเล่นใหญ่เกินไปแล้ว
ชุยหังพูดตอบ: “เปล่า ไม่เจ็บ”
แต่ขณะที่เขาพูดอยู่นั้นก็เม้มริมฝีปากแน่นอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่อยากให้หลูจื้อมองเห็นความอ่อนแอในตัวเขา
เขากลัวว่าถ้าอ้าปากกว้างกว่านี้แล้วมันจะหลุดเสียงร้องไห้ออกมา และจะยิ่งทำให้หลูจื้อตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย
“ถ้าอย่างนั้นทำไมน้ำตาตกล่ะ” หลูจื้อกระซิบถามเสียงเบา ถือว่ายังไว้หน้าชุยหังอยู่
ชุยหังตอบ: “ทรมาน”
หลูจื้อนึกว่าเขามึนหัวลายตาอีก แต่พอแหงนหน้ามองฟ้าก็ไม่มีพระอาทิตย์แล้ว ทำไมถึงลายตาอีกล่ะ
มองดูท่าทีของชุยหังแล้วก็ไม่เหมือนกับแกล้งทำด้วย
ไม่มีทางเลือก เขาจึงพูดขึ้นว่า: “พอแล้ว ถ้ามันทรมานมากก็กลับไปนั่งพักที่ใต้ต้นไม้อีกสักพักเถอะ”
พูดจบก็ไม่สนใจว่าชุยหังจะยินยอมหรือไม่ แต่เขาโน้มตัวลงอุ้มชุยหังขึ้นด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิงอีกครั้ง
ภายในใจของชุยหังเหมือนมีปลาน้อยใหญ่จำนวนมากกำลังพลิกตัวไปมาตรงผืนน้ำ สะกดความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่เลย
อิริยาบถนี้ ก่อนหน้านี้เขาก็อุ้มชุยหังไปที่ต้นไม้แบบนี้หรอ
เขาเองก็พูดไม่ออกว่าความรู้สึกในใจตอนนี้คือความหวาดกลัวหรือว่าตื่นเต้น
เขาไม่รู้ว่ามือของตัวเองควรจะเอาวางไว้ตรงส่วนไหนดี ก็เลยเอาวางทิ้งลงอีกฝั่งอย่างขัดหูขัดตา
“โอบคอฉันไว้” หลูจื้อพูดกับเขาออกมาหนึ่งประโยค
ชุยหังก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกสิ่งชั่วร้ายอะไรเข้าสิง มือทั้งสองข้างตะกายขึ้นไปวางไว้ตรงคอของเขาอย่างงุ่มง่าม แล้วประทับมันไว้บนนั้น
“กอดแน่นๆ ล่ะ อีกเดี๋ยวตกลงไปห้ามร้องไห้นะ”
ตอนที่ 63 ผมอยากดื่มเหล้า
ชุยหังเป็นเหมือนพวกหุ่นเชิดที่ถูกหลูจื้อคอยออกคำสั่ง ขณะเดียวกันก็กังวลว่าคนอื่นจะมองออก ดังนั้นมือทั้งสองข้างนั้นจึงกำกำปั้นเอาไว้แล้ววางไว้ที่คอของหลูจื้อแทน
หน้าอกของหลูจื้อแข็งแรงและอบอุ่นมาก ขณะที่เขาก้าวเท้าเดินก็ไม่ทำให้ชุยหังรู้สึกสั่นสะเทือนเลยสักนิด
อันที่จริงระยะห่างจากแถวมาถึงใต้ต้นไม้ไม่ได้ไกลมากนัก แต่ชุยหังก็แอบหวังอยากให้เขาเดินไปไกลกว่านี้อีกหน่อย
ความรู้สึกแบบนี้บอกไม่ถูก มันทั้งอันตราย ทั้งสวยงาม
ถึงแม้เขาจะคอยเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่าความสงบและความอบอุ่นนี้มันไม่ใช่ของเขาอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะใช้หัวใจซึมซับมัน
บางทีนี่คงเป็นสันดานเลวอย่างหนึ่งของมนุษย์ล่ะมั้ง ยิ่งรู้ว่าตัวเองไม่มีทางได้มันมา ก็ยิ่งเรียกร้องหาด้วยความโลภ
หลูจื้อค่อยๆ วางชุยหังลงพื้นอย่างเบามือพลางถามเขา: “นายอยากจะนอนหรืออยากนั่ง?”
ชุยหังตอบ: “นั่งก็โอเคแล้ว ยังไม่ได้เป็นลมสักหน่อยไม่ใช่หรอ”
“เมื่อกี้นายเป็นอะไร ร้องไห้ใช่ไหม อย่าบอกว่าแสบตานะ เมื่อกี้มันไม่มีลม” หลูจื้อก้มหน้าลงมาถาม
ชุยหังไม่ได้พูดอะไร เหตุผลนี้เขาไม่รู้จะบอกหลูจื้อยังไง
“ดูสิ วันนั้นก็คุยกันแล้วไม่ใช่หรอว่าถ้ามีอะไรก็ให้พูดมันอย่างตรงไปตรงมา แล้วทำไมตอนนี้ก็มาทำตัวเหมือนพวกผู้หญิงอีกแล้ว” หลูจื้อพูด
“ทุกข์ใจไง ไม่ได้หรอ” ชุยหังพูด
หลูจื้อนิ่งไปก่อนจะถามขึ้น: “ทำไมถึงทุกข์ใจล่ะ”
“คุณเอาแต่รังแกผม ผมจะทุกข์ใจก็ไม่ได้หรอ ตั้งแต่วันนั้นที่พึ่งรู้จัก คุณก็เอาแต่รังแกผม” ชุยหังพูด
หลูจื้อพูดขึ้น: “วันที่รู้จักกัน? ก็ไม่ใช่แค่ให้นายรายงานชื่อหรอ นั่นก็นับว่ารังแกนายหรอ”
ชุยหังพูดต่อ: “ไม่ใช่วันนั้น วันที่ผมไปขวางหน้ารถคุณวันนั้นต่างหาก”
“ใช่ๆๆ วันนั้นพวกเราเคยเจอกันแล้ว ตอนนั้นนายยังบอกอีกด้วยว่าอยู่มหา’ ลัยโพลีเทคนิค ฉันคิดไม่ถึงเลยนะว่านายจะเป็นนักเรียนของฉันพอดีเลย”
“ผิดหวังมากใช่ไหม เซอร์ไพรส์ไหม แปลกใจหรือเปล่า” ชุยหังถาม
หลูจื้อพูดตอบ: “ตื่นตกใจยังพอว่า พูดไปถึงเซอร์ไพรส์โน่น”
“เพราะแบบนั้นคุณก็เลยแกล้งผม?” ชุยหัง
หลูจื้อยิ้มกว้างจนเผยให้เห็นฟันขาวสะอาดโผล่ออกมา: “ถ้าฉันอยากจะแกล้งนายจริงๆ นายคงหมอบไปนานแล้ว”
ชุยหังถาม: “นี่ยังไม่นับว่าแกล้งผมอีกหรอ”
“ไม่นับแน่นอนอยู่แล้ว นายอย่าใจแคบขนาดนั้นเลยน่ะ”
เมื่อชุยหังได้ยินเขาใช้คำว่าใจแคบมาบรรยายตัวเอง ก็ยิ่งไม่ชอบใจมากขึ้นไปอีก
เขาก็เลยเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แล้วก็ไม่พูดอะไรเลยด้วย
“นายเป็นอะไรโกรธอีกแล้วหรอ นี่ฉันว่านายโกรธง่ายมากกว่าแฟนฉันอีกนะ ยังไม่ทันทำอะไรก็ชักสีหน้า คิดว่าตัวเองโกรธแล้วสวย?” หลูจื้อพูด
ชุยหังยังคงไม่พูดไม่จา ผู้ชายแบบนี้มีแฟนสาวได้ยังไงนะ
เดาว่าแฟนของเขาก็คงจะถูกอีคิวของเขาทำให้โมโหตายไปแล้วเหมือนกันแน่
ต่อให้โตมาหน้าหล่อ รูปร่างดีแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร
หลูจื้อมองท่าทางของชุยหังที่ดูเหมือนจะโกรธเข้าแล้วจริงๆ ก็ครุ่นคิดว่าที่ตัวเองทำไปเมื่อครู่นี้มันมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า
อีกอย่างนักศึกษาพวกนี้ก็ไม่ใช่ทหารจริงๆ การล้อเล่นในบางทีอาจจะไม่เหมาะที่จะเอามาเล่นกับพวกเขา
“เอาล่ะ ถ้านายรู้สึกทุกข์ใจก็ขอฉันมาสักอย่างสิ ถ้าฉันสามารถทำได้ก็จะพยายามทำให้สมใจนาย” หลูจื้อพูด
หลังจากที่ชุยหังได้ฟังก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดถึงเรื่องหลิวเฮ่อขึ้นมา
จำได้ว่าตอนที่เขาจีบตัวเองใหม่ๆ ก็เคยพูดแบบนี้เหมือนกัน
ตอนนี้กลายเป็นทุกอย่างเหมือนเดิมเพียงแต่คนเปลี่ยนไปแล้ว
“ผมอยากออกไปดื่มเหล้าได้ไหม”
“นายอยากทำอะไรนะ” หลูจื้อนึกว่าตัวเองฟังผิดไป
ชุยหังพูดซ้ำอีกรอบ: “ครูฝึกครับ ผมอยากออกไปดื่มเหล้าได้ไหมครับ”