ตอนที่ 70 อึดอัด
ณ สนามกีฬา ชุยหังยืนอยู่ด้านหน้าสุดของแถว เมื่อเหลือบไปเห็นหลูจื้อเดินเข้ามาเขาก็ตั้งใจเบือนสายตามองไปทางอื่นแทน
เขาไม่กล้ามองหลูจื้อ ส่วนทางหลูจื้อเองก็เช่นกัน ดูเหมือนเขาก็ไม่อยากเห็นหน้าชุยหังเหมือนกัน สายตาของเขาไม่ได้มองมาทางนี้
ดูเหมือนทั้งสองคนคงจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ดีทั้งคู่ โดยเฉพาะหลูจื้อที่ไม่ได้ดื่มมาก และไม่ได้เมา ตอนนั้นเขามีสติครบถ้วนสมบูรณ์ ในเหตุการณ์นั้น ชุยหังพูดแบบนั้นกับเขา ยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์ชอบเพศเดียวกัน แถมยังจูบเขาอีก เชื่อว่าเขาคงต้องการเวลาทำความเข้าใจกับมันไปอีกสักพัก
“การยืนท่าระเบียบเมื่อวานทุกคนทำได้ไม่เลว วันนี้พวกเราจะเริ่มฝึกการเตะเท้า โดยจะอธิบายท่าทางการเคลื่อนไหวให้ทุกคนฟังก่อน” หลูจื้อพูดอยู่ด้านหน้า
ชุยหังพยายามบังคับสายตาของตัวเองให้มองไปทางหลูจื้อ มองท่าทางการเคลื่อนไหวของเขาอย่างชัดเจนแต่กลับหลีกเลี่ยงที่จะมองหน้าเขา
เมื่อสายตาประสานกันเขาก็เบือนหลบสายตาในทันที
ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติของชุยหัง และแน่นอนว่าทุกคนไม่ได้แปลกใจว่าทำไมวันนี้หลูจื้อถึงไม่แกล้งชุยหัง เพราะในสถานการณ์แบบนี้ เขาคงจะไม่มีเวลามาแกล้งใครแล้ว
หลูจื้ออธิบายท่าทางการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าทุกคนเคยฝึกมันผ่านมาในช่วงมอปลายแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกใหม่อะไร
เพียงแต่เมื่อออกคำสั่งหนึ่งครั้งต้องขยับหนึ่งครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนคำสั่งทุกคนต้องคอยรักษาท่าทางเอาไว้อย่างเดิม อันนี้จึงค่อนข้างเหนื่อยหน่อยเท่านั้น
การยืนท่าระเบียบก่อนหน้านี้อย่างน้อยก็แค่การยืนตรงด้วยขาสองข้าง แต่ตอนนี้ต้องแกว่งแขนบวกกับเตะเท้า นับว่าเป็นการทดสอบการสอดประสานกันระหว่างมือเท้าทั้งสี่เลยทีเดียว
“ดี ตอนนี้เริ่มฟังเสียงสัญญาณจากผม สั่งหนึ่งครั้งขยับหนึ่งครั้ง หนึ่ง……” หลูจื้อเริ่มตะโกนเสียงสัญญาณจากด้านหน้าสุด
ชุยหังรีบทำตามคนอื่นๆ แกว่งแขนออกไป จากนั้นยกขาซ้ายขึ้นหลังเท้าวางตรง จากนั้นรักษาท่วงท่านี้ค้างไว้ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับสักนิด
แต่รู้สึกว่าตัวเองยังหาจุดสมดุลของร่างกายได้ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะเมื่อวานตัวเองดื่มเหล้าเข้าไปแล้วยังไม่สร่างเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ดีหรือเปล่า หรือว่าแขนขาของตัวเองจู่ๆ ก็ไม่ประสานกัน ถึงได้ทำให้ตัวเองสั่นเอนไปมาแบบนี้
ถ้าเป็นปกติหลูจื้อจะต้องเดินเข้ามาหาเขาเป็นคนแรกอย่างแน่นอน แล้วก็ช่วงจัดท่าให้เขา ก่อนจะพูดจากเสียดสีเขาอีกสองสามประโยค
แต่ว่าวันนี้ หลูจื้อเหมือนมองไม่เห็นยังไงอย่างนั้น เอาแต่จับจ้องไปทางคนอื่นๆ แทน แล้วยังเดินไปหาคนอื่นๆ ถึงที่พลางช่วยคนอื่นๆ จัดวางท่าทางไม่หยุด
“แขนวางให้เป็นธรรมชาติหน่อย ขาเหยียดตึง ถ้ารู้สึกว่าเป็นตะคริวก็วางลงพักก่อนสักหน่อย อย่าลุกลี้ลุกลน ส่งแรงไปที่เท้าต้องยืนให้มั่น” เขาเดินอยู่กลางแถวพลางพูดถึงสาระสำคัญของท่าทางการเตะก้าวเท้าไปด้วย
ที่จริงคนที่เอนไปเอนมาไม่ได้มีแค่ชุยหังคนเดียวเท่านั้น
แต่ว่าหลูจื้อเดินไปหาแต่คนอื่นพลางช่วยพวกเขาแก้ไขจัดท่าทางให้ถูกต้อง พอเดินมาถึงข้างหน้าของชุยหังเขากลับเดินผ่านไปเลย
ทุกครั้งที่หลูจื้อเดินผ่านข้างกายเขา ชุยหังยังคงรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังนิดหน่อย ที่ตื่นเต้นคือหลูจื้อจะใช้ท่าทีแบบไหนเข้ามาคุยกับเขา ที่คาดหวังคืออยากให้หลูจื้อเป็นเหมือนอย่างเมื่อก่อน เดินผ่านข้างตัวเขา พูดจาประชดประชันเขาสองสามประโยคแล้วก็เย้าเล่นกับเขาสักหน่อย
ใช้โอกาสตอนที่ชุยหังยืนไม่มั่นผลักตัวชุยหังเบาๆ สักหน่อย คอยดูว่าตนจะล้มลงไปไหมหรืออะไรอื่นๆ ก็ได้
แต่ดูเหมือนสิ่งเหล่านี้จะเป็นแค่จินตนาการของชุยหังไปแล้ว
ทุกครั้งที่หลูจื้อเดินมาถึงข้างตัวเขาก็จะหันตัวเดินจากไปเลย โดยที่ไม่ลังเลเลยสักนิด
ที่ตรงนี้ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเขตวางทุ่นระเบิดสำหรับหลูจื้อไปเสียแล้ว
ภายในใจของชุยหังแอบรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่ว่าเมื่อคิดดูอีกทีเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยทั้งสองคนก็ไม่ต้องมาอึดอัดเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานนี้
ตอนที่ 71 ยุงกัดเข้าตรงหัวใจ
เดิมทีการพบกันระหว่างเขากับหลูจื้อก็เป็นแค่เหตุสุดวิสัย
อันที่จริงพวกเขาไม่ควรเข้ามาคลุกคลีกันตั้งแต่แรก ให้มันเหมือนคนสองคนที่แค่เดินเฉียดไหล่ผ่านไปท่ามกลางฝูงชนเท่านั้นพอ เมื่อเหลือบมองกลับไปอีกทีก็ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว
แต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์ที่แสนจะอึดอัดแบบนี้
ชุยหังคิดไม่ออกว่าเพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะตัวของเขาเอง บางทีอาจเป็นเพราะหลูจื้อ
เมื่อวาน ความรู้สึกตอนที่ใบหน้าของเขามันแนบเข้ากับซอกคอของหลูจื้อทำให้เขารู้สึกใจสั่นรัว
เขาออกแรงสะบัดหัวไปมาเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องพวกนั้นอีก เชื่อว่าหลูจื้อคงจะกำลังคิดถึงเรื่องพวกนี้เหมือนกัน
ผู้บังคับบัญชาทหารที่มีแฟนแล้วคนหนึ่ง ถูกเกย์อีกคนจูบเข้ามันจะเป็นประสบการณ์แบบไหนกันนะ?
เมื่อวานหลังจากกลับไป เขาคงจะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดตรงที่ถูกชุยหังจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่านับครั้งไม่ถ้วนเลยมั้ง?
ชุยหังเหม่อลอยอีกแล้วและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก
นึกถึงเรื่องที่ไม่ควรจะนึกถึง คิดถึงคนที่ไม่ควรจะคิดถึง ก็มักจะต้องยอมอุทิศความรู้สึกของตัวเองออกไปไม่หยุดแบบนี้
ตอนที่เขาเรียกสติของตัวเองกลับมาได้ ทั้งเหลียงจื้อและคนที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็จับจ้องมองมาที่เขา
ชุยหังพบว่าท่าทางของตัวเองมันแตกต่างจากคนอื่นๆ
ตอนที่ตัวเองพึ่งจะเหม่อลอยไปเมื่อครู่ หลูจื้อได้เปลี่ยนคำสั่งใหม่แล้ว
แต่ว่าครั้งนี้หลูจื้อกลับไม่ได้เดินเข้ามาปรับให้เขา แม้กระทั่งจะหันมองเขาสักนิดก็ไม่มี
เขาไม่มีทางมองไม่เห็นแน่ ก็แค่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นก็เท่านั้น
ชุยหังที่เข้าใจอะไรมากขึ้น เดิมคิดว่าอยากให้ตัวเองยอมรับมัน ให้ตัวเองชินกับมัน แต่ตอนที่พบว่าตัวเองถูกหลูจื้อมองเป็นอากาศแบบนี้ ความรู้สึกนี้มันทำให้ปวดใจมาก
แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความรู้สึกใจสลายเหมือนอย่างวันที่เขาโทรหาหลิวเฮ่อแล้วได้ยินเสียงผู้ชายคนอื่นรับสายแทนตอนนั้นก็ตาม แต่น้ำน้อยๆ ค่อยๆ ไหลแบบนี้ มันกลับตอกย้ำลึกเข้าไปในหัวใจ ความรู้สึกเหมือนมียุงตัวหนึ่งคอยกัดกินหัวใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันยุ่งเหยิงเกินจะบรรยาย
เขาเตือนสติตัวเองตลอดว่าไม่สามารถชอบหลูจื้อได้ หลงไปชอบชายแท้เข้าจะมีแต่ความเจ็บปวด
อีกอย่างตนพึ่งจะอกหักมา ตอนนี้ตนอยู่ในช่วงระหว่างจุดจบของความรักครั้งเก่ากับจุดเชื่อมต่อของความรักครั้งใหม่ จะตกหลุมรักคนที่ทำดีกับตนเป็นพิเศษเอาได้ง่ายๆ ดังนั้นนี่มันเป็นแค่จินตนาการของตัวเขาเองเท่านั้น ไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริง
เขาจัดการแก้ไขท่าทางของตัวเองอย่างอายๆ จากนั้นหลูจื้อก็ตะโกนเปลี่ยนคำสั่งใหม่อีกครั้ง
เขาพลางเก็บซ่อนความคิดฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อของตัวเอง พลางรับมือกับการฝึกทหารไปด้วย มันเหมือนมีจิตวิญญาณสองดวงรวมอยู่ในร่างเดียวกัน
ในที่สุด หลูจื้อก็ค่อยๆ เดินเข้ามาช้าๆ ยิ่งใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกันกับที่หลูจื้อกำลังเดินตรงมาทางนี้ ร่างกายของชุยหังก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับปฏิกิริยาลูกโซ่และเขาไม่มีทางเหม่อลอยอีกแล้ว จุดสนใจรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวในทันที
ภายในใจของชุยหังมีแค่ความคิดเดียวเท่านั้นคือ เดินไกลออกไปอีกหน่อย ไปไกลอีกหน่อย…
จากนั้นหลูจื้อก็หยุดลงข้างตัวของเหลียงจื้อ จากนั้นช่วยเหลียงจื้อปรับท่าทางการยืนให้เขาใหม่ มือควรจะวางตรงไหนและขาควรจะเตะถึงระดับไหน
ตอนนี้คงจะกลับออกไปแล้วใช่ไหม ชุยหังคิดอยู่ในใจ เขาคงไม่อยากจะมาสนิทสนมอะไรกับตนอีกแล้วสินะ
แต่ทว่า หลังจากหลูจื้อช่วยเหลียงจื้อปรับท่าทางเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินตรงเข้ามา ก่อนจะเอื้อมมือออกมาแตะไว้ตรงขาของชุยหังพลางออกแรงเบาๆ แล้วพูด: “ขานี้เหยียดตรง”
ชุยหังได้ยินเสียงก้องกังวานของเขาอย่างชัดเจน ภาพจินตนาการที่ตัวเองสร้างขึ้นและทำเป็นมองไม่เห็นหลูจื้อเมื่อครู่นี้ค่อยๆ แตกสลายไป
“ทั้งตัวยังคงรักษาไว้ให้ตรงเหมือนเดิม อย่าขยับ มือซ้ายวางไว้ห่างจากอกหนึ่งกำมือ มือขวาเหวี่ยงจากตรงตะเข็บกางเกงแกว่งไปด้านหลังประมาณสี่สิบห้าองศา”
หลูจื้อมองชุยหังที่ดูเหมือนจะไม่อยากมองเขา หลบเลี่ยงสายตาอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าใบหน้าของชุยหังจะตรงไปข้างหน้าแต่สายตากลับเหลือบมองไปทางที่ไม่มีเขาอยู่อย่างเห็นได้ชัด
ไม่รู้เพราะอะไร ตอนที่หลูจื้อจะขยับตัวออกจากชุยหังถึงได้ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ข้างหูของเขา: “คออ่อนจริงๆ”