ในใจของชุยหังรู้สึกหดหู่นิดหน่อย ตอนแรกเตรียมคำพูดเอาไว้ตั้งมากมาย แต่มาตอนนี้กลับติดอยู่ในลำคอพูดออกมาไม่ได้เลย
ที่จริงตั้งใจว่าจะส่งข้อความให้เขาอีกข้อความว่า “โอเค อย่าดื่มมากนะ” แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ลบมันทิ้งไปทีละตัวๆ
ทุกๆ ครั้งที่แตะเบาๆ บนหน้าจอก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกของเขาหนักอึ้งมากขึ้นไปเรื่อยๆ
“เป็นอะไร อารมณ์ไม่ดีหรอ” จู่ๆ ชย่าอวี่ชิวก็ยื่นหน้าออกมาถาม
ชุยหังตอบกลับ: “เปล่าหรอก น่าจะเป็นเพราะเหนื่อยมากไปหน่อย วันนี้มันหนักหน่วงมากจริงๆ”
“นายเองก็เก่งมากแล้วที่ยังหนีออกมาได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงทำได้แค่ยอมให้เงินเขาไปดีๆ” ด้านชย่าอวี่ชิวเหมือนจะไม่ได้สงสัยอะไร
ส่วนอีกสองคนก็กำลังพูดคุยยิ้มร่าอยู่อีกฝั่ง
ตกดึกชุยหังก็เอาแต่เลื่อนโมเมนต์กลุ่มเพื่อนไปมาไม่หยุด อยากจะดูว่าวันนี้หลิวเฮ่ออารมณ์ดีหรือเปล่า ออกไปเที่ยวจนดึกดื่นเกินไปไหม แล้วตอนนี้กลับถึงบ้านแล้วหรือยัง
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับรู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง
เขาไม่กล้าคิดเลยว่าหลิวเฮ่อกำลังโกหกเขาอยู่หรือเปล่า เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนจำเป็นต้องมีความเชื่อใจ
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขากับหลิวเฮ่อก็ก้าวเข้าสู่ชีวิตรักทางไกลแล้ว
ถ้าหากความเชื่อใจในกันและกันมีไม่มากพอ สุดท้ายคงมีจุดจบไม่สวยแน่นอน
แต่ว่าเขาก็ไม่กล้าจะพลิกตัวไปมาแรงๆ เพราะไม้กระดานเตียงนอนอาจจะส่งเสียงดังกุกๆ กักๆ จนรบกวนคนอื่นๆ เข้า
ดวงดาวบนท้องฟ้า หนึ่งดวงสองดวงส่องแสงสว่างริบหรี่
ความรู้สึกของชุยหังเหมือนกับว่าวที่เชือกขาดสั่นไหวไปมาอยู่ไม่เป็นสุข
ตอนนี้คนอื่นๆ เริ่มส่งเสียงกรนออกมาเบาๆ แต่ชุยหังกลับไม่มีท่าทีว่าจะหลับลงเลย
“นายมีเรื่องไม่สบายใจหรอ” จู่ๆ ชย่าอวี่ชิวก็กระซิบถามเบาๆ ใกล้หูเขา
ชุยหังตกใจแต่สุดท้ายก็ตอบกลับเขาไป: “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจากบ้านมาไกลขนาดนี้ก็เลยคิดถึงบ้านหน่อยๆ”
เขายังไม่ได้พูดความจริงออกไป ก็ในเมื่อการเป็นเกย์ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็จะสามารถยอมรับได้
เซี่ยยวี่ชิวพูดขึ้น: “ฉันจะไปห้องน้ำ นายไปไหม”
ชุยหังพยักหน้า ในเมื่อทำยังไงก็นอนไม่หลับก็คิดเสียว่าออกไปสูดอากาศตากลมสักหน่อย
พวกเขาสองคนค่อยๆ ขยับลงจากเตียงเบาๆ จากนั้นก็ค่อยๆ เดินออกจากประตูห้องพักไป
แสงไฟแถวระเบียงทางเดินไม่ได้สว่างมากแต่ก็พอจะมองเห็นทางเดินเท้าได้อย่างชัดเจน
ในห้องน้ำมีน้ำหยดลงมาเป็นครั้งคราวส่งเสียงดัง ติ้ง…ติ้ง ประตูห้องน้ำปิดอยู่มีเพียงแสงไฟที่ทะลุออกมาข้างนอก
“ที่นี่อากาศร้อนมากเลย” ชย่าอวี่ชิวพูดขึ้น
ชุยหังก็พยักหน้าตาม: “ขึ้นชื่อเป็นเตาไฟแอ่งความร้อน ก็ย่อมไม่มีทางเย็นสบายอยู่แล้ว”
“หวังว่าตอนช่วงฝึกทหารพวกเราคงพอรับไหวนะ” ชย่าอวี่ชิวพูด
ชุยหังตกใจถาม: “ฝึกทหาร?”
“นายอย่าบอกนะว่านายไม่รู้ ก่อนที่พวกเราจะเปิดเทอมต้องเข้าอบรมฝึกทหารตั้งครึ่งเดือน” ชย่าอวี่ชิวพูดเตือน
ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ชุยหังก็นึกถึงพี่ชายทหารที่ตนเองเจอเมื่อตอนกลางวัน ปากที่มีแต่ฟันขาวๆ นั่นเอาแต่พูดจาเยาะเย้ยตนอย่างเอาจริงเอาจัง
“รู้สิแต่แค่ไม่ได้สนใจ” ชุยหังตอบ
เล่นเอาชย่าอวี่ชิวตกตะลึงไปเลย: “นายนี่ไม่เคยตายจริงๆ ใช่ไหม นายไม่รู้หรือยังไงว่าทุกๆ ปีมีแต่คนเป็นลมแดดน่ะ”
“เป็นลมแดด? ไม่ขนาดนั้นมั้ง” ชุยหังพูด
ชย่าอวี่ชิวพูดต่อ: “อุณหภูมิของที่นี่นายรู้สึกไม่ถึงมันหรอ ยิ่งตอนฝึกทหารนะอุณหภูมิจะสูงถึงสามสิบกว่าองศา อุณหภูมิพื้นผิวบางทีอาจจะสูงถึงสี่สิบกว่าองศาเลยนะ นายลองเดาสิว่าจะสามารถเป็นลมแดดได้ไหม”
“สี่สิบองศา? ถ้าแบบนี้นั่งอยู่บนพื้นก้นจะไม่สุกกันพอดีหรอ” ชุยหังพูดอย่างเหลือเชื่อ
“ไม่เป็นไรแค่ทำให้ชินก็โอเคแล้ว” ชย่าอวี่ชิวยิ้มออกมาอย่างซื่อตรง
ชุยหังไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแต่คิดว่า ถ้าตนเป็นลมแดดไปจริงๆ หลิวเฮ่อจะเป็นห่วงตัวเองบ้างไหมนะ
จากนั้นเขาก็ส่ายหัวไปมา ช่างมันละบางทีอาจจะกังวลมากเกินไปแล้ว