ตอนที่ 86 คนสองคน
หลังพูดประโยคนี้จบไม่ใช่แค่หลูจื้อเท่านั้นที่มึนจนนิ่งไป ด้านชุยหังก็มึนจนนิ่งไปแล้วเช่นเดียวกัน
เมื่อครู่นี้เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าไปปลุกความกล้าขึ้นมาอีท่าไหนถึงกล้าพูดประโยคนี้ออกไป
เขามองดูสีหน้าที่แสดงออกมาของหลูจื้อ ในตอนนี้เขาก็อ้าปากขึ้น แต่กลับพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางประตูทันที
ที่จริงเขาก็แอบกังวล เผื่อว่าหลูจื้อยังไม่ให้เขาไปจะทำยังไง แต่ทว่าดูเหมือนหลูจื้อจะยังคงจมดิ่งอยู่ในคำพูดของชุยหังเมื่อครู่นี้ ทำให้ในตอนนี้ยังดึงสติกลับมาไม่ได้เลย
ตอนที่มือของชุยหังแตะกับประตูนั้นก็อกสั่นขวัญแขวนไปหมด เหลือเพียงแค่ก้าวสุดท้ายเท่านั้น เดี๋ยวตัวเขาก็จะได้ออกไปจากตรงนี้แล้ว
โชคดีที่จนถึงที่สุดแล้วแต่หลูจื้อก็ไม่ได้พูดอะไร ชุยหังจึงเปิดประตูออกแล้ววิ่งออกไปทันที
แต่ทว่าพอวิ่งออกมาถึงประตูทางเข้า เขาก็นึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้ ร่มของเขาดูเหมือนว่าจะหล่นอยู่ข้างในห้องนั้นซะแล้ว
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ค่อยๆ เดินกลับไปช้าๆ แล้วเคาะประตูห้องอีกครั้ง
“เข้ามา” หลูจื้อพูดออกมาจากด้านใน
จากน้ำเสียงก็พอจะฟังออกว่าเขากำลังกลัดกลุ้มใจอยู่นิดหน่อย
คำพูดของชุยหังเมื่อครู่ คงจะทำให้เขาตกใจมากอย่างแน่นอน
ชุยหังเปิดประตูออก ไม่กล้าแม้แต่จะมองสีหน้าของหลูจื้อเลย ได้แต่ยืนพูดอยู่ตรงประตูหน้าห้องว่า: “ครูฝึก ผมทำร่มหล่นเอาไว้ที่นี่”
“อือ” ด้านหลูจื้อก็ไม่ได้มีคำพูดใดๆ เพิ่มเติมเช่นเดียวกัน
ชุยหังเคลื่อนตัวเข้าไปหยิบร่ม จากนั้นก็หายลับออกไปอย่างรวดเร็ว
ชุยหังเดินอยู่ท่ามกลางสายฝนโดยที่ไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด แต่กลับรู้สึกว่ารูขุมขนทั่วทั้งร่างกายต่างกำลังเปิดกว้างเพื่อรับความรู้สึกยังไงอย่างนั้น
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแต่ก็ไม่กล้าเปิดเครื่อง ครุ่นคิดอยู่ว่าไม่รู้ว่าชย่าอวี่ชิวจะพูดอะไรกับเขาอีก ไม่ค่อยกล้าเปิดดูเท่าไหร่
เขาเก็บโทรศัพท์มือถือกลับเข้าไปอย่างเงียบๆ และเดินต่อไปท่ามกลางสายฝน
บนถนนเหมือนจะไม่มีใครเลยสักคน ใครมันจะเลือกออกมากางร่มเดินเล่นในบรรยากาศแบบนี้กัน?
นอกเสียจากว่าคนนั้นจะสมองมีปัญหาหรือไม่ก็สติไม่ค่อยสมประกอบเท่าไหร่
ระยะทางที่เดิมทีก็สั้นนิดเดียว แต่ชุยหังกลับใช้เวลานานมากกว่าจะเดินกลับถึงหอพัก
“กลับมาแล้วหรอ เหลาอู่ออกไปกินข้าวไหม” เมื่อเห็นเขากลับเข้าห้อง ถังเฉิงก็เอ่ยถามขึ้น
ชุยหังพูดตอบ: “ไม่อยากกิน ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”
“ปกตินายเป็นคนที่หิวง่ายที่สุด ทุกครั้งที่จะออกไปกินข้าวนายก็เป็นคนต้อนรับขับสู้ตลอด ทำไมครั้งนี้ถึงบอกว่าไม่กินล่ะ” ถังเฉิงถาม
ชุยหังพูดตอบ: “ฉันก็ไม่รู้ เหมือนจะรู้สึกไม่สบายท้องนิดหน่อย”
ที่จริงไม่ใช่ไม่สบายท้องหรอก แต่ไม่สบายใจต่างหาก
เพียงแต่เขาไม่อยากให้คนอื่นๆ ดูออกว่าอารมณ์ของเขาไม่ค่อยดีก็เท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นขากลับมาเดี๋ยวพวกเราซื้อยากลับมาให้นายด้วยดีไหม” วังเฉียงพูด
ชุยหังรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า: “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันนอนพักสักหน่อยคงจะดีขึ้น พวกนายไปเถอะ ไม่ต้องสนใจฉันหรอก”
ทุกคนเห็นว่าเขาเหมือนจะไม่อยากขยับไปไหนจริงๆ ก็ไม่ได้บีบบังคับต่อ ก่อนจะเดินออกไป
ชุยหังนอนฟุบอยู่บนเตียงคนเดียว คิดถึงคำพูดที่ตัวเองพูดกับหลูจื้อเมื่อครู่นี้ก็อดหงุดหงิดใจขึ้นมาอีกไม่ได้
ทำไมตัวเองต้องพูดออกไปแบบนั้นด้วย เผื่อหลูจื้อเชื่อขึ้นมาจริงๆ แล้วจะทำยังไง
แล้วยังมีชย่าอวี่ชิวอีก ตัวเองไม่สามารถจะหลบหนีเขาไปตลอดแบบนี้ได้แน่
ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
หลังจากนั้นเมื่อคืนวานนี้ชย่าอวี่ชิวก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก แต่ว่าตอนเช้าวันนี้กลับส่งข้อความมาอีกสองสามประโยคแล้ว
[เจ้าหนอนขี้เกียจ นายตื่นหรือยัง]
[วันนี้ฝนตกน่าจะไม่ได้ฝึกทหารแล้ว ออกไปหาของกินหน่อยไหม]
[ยังไม่ตื่นอีกหรอ]
ชุยหังถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าตัวเองจะไม่มีทางหลบหนีได้เลยจริงๆ
คิดอยู่สักพักเขาก็พิมพ์ข้อความตอบกลับชย่าอวี่ชิวไป: [พึ่งตื่น พวกเขาออกไปกินข้าวกันหมดแล้ว ฉันไม่อยากขยับไปไหน]
[ไม่หิวหรอ อยากกินอะไรเดี๋ยวฉันจะซื้อไปให้] ชย่าอวี่ชิวตอบกลับภายในเสี้ยววินาที
ชุยหังรู้สึกไม่ดีแล้วตอบกลับข้อความเขาไปว่า: [ฉันให้พวกเขาซื้อกลับมาให้แล้วล่ะ อีกเดี๋ยวพวกเขาก็กลับมาแล้ว]
อันที่จริงก็แค่ไม่อยากจะรบกวนชย่าอวี่ชิวถึงได้พูดโกหกออกไป
ถึงแม้ชย่าอวี่ชิวจะไม่ได้เร่งเร้าอะไรเขา และไม่ได้ถามอะไร แต่ชุยหังรู้ว่าเขายังคงต้องการคำตอบอยู่
ตอนที่ 87 ห้องพักแสนอบอุ่น
คำตอบนี้ ตัวเขายังไม่มีวิธีที่จะให้คำตอบเขาในตอนนี้
อันที่จริงเขาลังเลมาก ที่ลังเลมากกว่าไม่ใช่เรื่องที่ว่าตัวเองควรจะตอบรับรักเขาดีไหม แต่เป็นถ้าหากจะปฏิเสธควรจะทำยังไงถึงจะไม่ไปทำร้ายความภาคภูมิใจความมั่นใจในตัวเองของชย่าอวี่ชิว แล้วก็ยังคงรักษามิตรภาพระหว่างพวกเขาทั้งสองคนเอาไว้เหมือนเดิม
ชย่าอวี่ชิวส่งข้อความมาให้เขาอีกหนึ่งข้อความ: [วันนี้คิดอยากจะไปทำไรไหม]
[ฝนตก อะไรก็ไม่อยากทำทั้งนั้นแหละ นอนเล่นอยู่ในห้องก็ดีเหมือนกัน] ชุยหังตอบกลับข้อความเขาไป
เดาไม่ผิดหรอก เวลาชย่าอวี่ชิวส่งข้อความมาทีไร ชุยหังก็จะเริ่มมีอาการตื่นเต้นประหม่าขึ้นมา
เขากังวลมากจริงๆ ว่าชย่าอวี่ชิวจะถามถึงเรื่องนั้นขึ้นมาว่า เขาคิดเรื่องนั้นไปถึงไหนแล้ว
ยังดีที่ชย่าอวี่ชิวคงจะเข้าใจความรู้สึกของเขาก็เลยไม่ได้ถามคำถามนั้นออกมาตรงๆ
แต่ทว่าที่เขาเอาแต่พูดเรื่องนั้นทีเรื่องนี้ทีอยู่ตลอดแบบนี้ ชุยหังก็รู้ว่าอันที่จริงเขาอยากจะรักษาระยะความถี่เพื่อรอให้เปิดเผยคำตอบ แล้วคอยเตือนเขาว่าต้องจำเรื่องนั้นด้วยนะ
เดิมทีคิดว่าอยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียวในห้องพักสักพัก แต่ว่าในหัวกลับมีแต่เรื่องของหลูจื้อกับชย่าอวี่ชิวเต็มไปหมด ไม่มีวิธีการที่จะสงบจิตสงบใจลงได้เลย
รอจนกระทั่งตอนที่พวกจ้าวหลินกลับเข้ามา ชุยหังก็ยังคงคุยกับชย่าอวี่ชิวอยู่ในห้องเหมือนเดิม
“เหลาอู่ มา พวกเราเอาน้ำเต้าหู้กับซาลาเปามาให้นายด้วย รีบมากินเถอะ”
คิดไม่ถึงว่าคำพูดที่ตัวเองเอาไปใช้หลอกชย่าอวี่ชิวเมื่อครู่นี้จ้าวหลินจะทำมันจริงๆ
ชุยหังรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ พูดขึ้นว่า: “เหล่าต้า นายนี่มันเข้าท่าจริงๆ เลย”
“พวกเราจะทนดูนายปล่อยให้ท้องหิวแบบนี้ได้ยังไง เร็วเลิกพูดเถอะ รีบลงมากินตอนที่มันยังร้อนอยู่เถอะ” จ้าวหลินพูด
ชุยหังพลิกตัวลุกขึ้น แล้วตอบกลับข้อความชย่าอวี่ชิวไป: [รูมเมทของฉันกลับมาแล้ว ฉันกินข้าวก่อนนะ]
หลังจากนั้นเขาก็ลงมาข้างล่าง
นั่งลงบนเตียงของถังเฉิง เขาพลางกินซาลาเปาพลางดื่มน้ำเต้าหู้ไปด้วย ก่อนจะพูดขึ้นว่า: “อากาศแบบนี้ กินซาลาเปาดื่มน้ำเต้าหู้แบบนี้ ช่างเป็นอะไรที่สบายมากจริงๆ เลย”
“อีกเดี๋ยวก็คงจะหยุดแล้ว” จู่ๆ จังเผิงก็พูดขึ้นมา
ชุยหังถามเขา: “พี่สาม นายรู้ได้ยังไงอะ”
“พยากรณ์อากาศในโทรศัพท์ฉันถือว่าค่อนข้างแม่นมาก แล้วมันก็เขียนไว้แบบนั้นน่ะ” จังเผิงพูด
“แย่แล้ว ถ้าเกิดอีกเดี๋ยวฝนก็หยุด ถ้าอย่างนั้นถึงแม้ว่าช่วงเช้าจะไม่ต้องฝึกทหารแต่ช่วงบ่ายก็หนีไม่รอดน่ะสิ” ชุยหังถอนหายใจ
“นายกลัวการฝึกทหารขนาดนั้นเลย?” จ้าวหลินเอ่ยถาม
ชุยหังพูดตอบ: “ใครจะไปอยากยืนอาบแดดใต้ดวงอาทิตย์โดยไม่มีเหตุผลกันเล่า แต่ละคนอย่างกะตะบองไม้พลองเรียงกันอยู่ตรงนั้นเป็นแถวๆ”
“พวกเราแค่ครึ่งเดือน นี่พึ่งผ่านไปแค่ไม่กี่วันเอง คนที่เป็นทหารพวกนั้นยังจำเป็นต้องฝึกแบบนี้ตลอดทั้งปีเลยนะ ยังไม่เห็นคนพวกนั้นบ่นลำบากบ่นเหนื่อยเลย” ถังเฉิงพูดขึ้น
ชุยหังพูดตอบ: “ดังนั้นฉันก็เลยให้ความเคารพพวกเขามากเลยไม่ใช่หรือไง”
“นายเคารพพวกเขายังไง” ถังเฉิงถาม
ชุยหังตอบว่า: “เวลาฉันเห็นทหารก็เรียกว่าพี่ทหารตลอด เวลาเห็นตำรวจต่างก็เรียกคุณลุงตำรวจ แบบนี้ไม่ได้แสดงว่าพวกเขายังหนุ่มแน่นหรอกหรอ”
“แบบนี้นายก็เรียกเคารพหรอ มันก็เป็นเรื่องความอาวุโสเถอะ” วังเฉียงกล่าว
ชุยหังพูดตอบ: “นายไม่เข้าใจ ใครไม่อยากหนุ่มบ้างล่ะ ตอนแรกฉันยังแอบคิดด้วยซ้ำว่าฉันเป็นคนที่เด็กสุดในห้องพักของพวกเรา ถ้าฉันได้เป็นเหล่าลิ่วคงจะดีมาก ทุกวันจะได้คิดวิธีออดอ้อนพี่ชายทั้งห้าคนไง”
“คลื่นไส้จะตายแล้ว นายเป็นผู้ชายอกสามศอก ชายชาตรีแดนตะวันออกเหนือยังจะแอ๊บแบ๊วออดอ้อน?” ถังเฉิงว่า
ชุยหังว่าตอบ: “ฉันก็แค่ยกตัวอย่างเฉยๆ มา น้องหก แบ๊วให้ฉันดูหน่อยเร็ว”
วังเฉียงว่าตอบ: “เหลาอู่ นายบ้าไปแล้วใช่ไหม”
ชุยหังว่าตอบ: “เอาเรื่องจริงมาพูดไร้สาระอะไรเล่า ถ้าฉันบ้าก็ต้องพาพวกนายเป็นไปด้วยแน่นอน”
เวลาที่อยู่กับคนเยอะๆ แบบนี้ชุยหังยังพอที่จะหักห้ามตัวเองได้หน่อย พอจะไม่ให้ตัวเองไปคิดถึงเรื่องพวกนั้นอีก
เพราะไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองจะเป็นยังไง