ตอนที่ 124 ลองดู
ไฟบนถนนค่อยๆ สว่างขึ้น เงาของต้นไม้ที่ทะเลสาบประดิษฐ์ที่กำลังร่ายรำเฉิบฉาบก็ยิ่งใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
ชุยหังรู้สึกว่าตนเดินลำบากมาก ทั้งๆ ที่หัวหนักเดินไม่ตรงทางแล้ว แต่ยังคงยืนกรานที่จะให้ตัวเองเดินให้ตรงเหมือนเดินอยู่บนทางเท้า ล่องๆ ลอยๆ เดินไปทางประตูสาม
ด้านนอกประตูมหาวิทยาลัยมีรถทหารจอดอยู่ไม่ไกลนัก ข้างในนั้นเหมือนจะมีแสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือสว่างขึ้นมา
เมื่อชุยหังเห็นรถทหารคันนั้นก็ยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตัวเองมากยิ่งขึ้น
เป็นไปอย่างที่คิดเขาคงจะกลับมาทำเรื่องโยกย้ายแล้วจากนั้นก็ไปสินะ
ในเมื่อเป็นแบบนี้เขาจะยังมาเจอตนเพื่ออะไร แล้วยังจะมาวางอำนาจอะไรกับตนอีก?
ชั่วครู่หนึ่งที่เขาคิดอยากจะหมุนตัวเดินกลับไป
หลูจื้อโทรเข้ามาอีกแล้ว ชุยหังลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดรับสาย
“ฉันมองเห็นนายแล้ว รีบเดินกว่านั้นหน่อยจะได้ไหม”
ชุยหังไม่มีทางเลือก ในเมื่อถูกเห็นเข้าแล้วก็ฝืนใจไปอีกสักครั้งเถอะ
ยังไงเสียมันก็ไม่มีผลลัพธ์อะไรอยู่แล้ว สู้ปล่อยให้เขาทำร้ายจิตใจตนอีกครั้งดีกว่า จากนั้นก็ให้ไสหัวไปไกลๆ ไม่ต้องกลับมาอีกตลอดไป
ไม่แน่ว่าวันนี้เขาอาจจะมาเพื่อพูดกับตนให้ชัดๆ ว่าเรื่องระหว่างพวกเขามันเป็นไปไม่ได้
ถ้าเป็นแบบนั้นชุยหังก็คงจะไม่มีความรู้สึกเสียดายเสียใจใดๆ อีกแล้ว
เพราะหลูจื้อจะกลายเป็นแค่คนที่เคยสัญจรไปมาในชีวิตของเขา คนที่เข้ามาอย่างเร่งรีบ แล้วก็จากไปอย่างรีบร้อน
ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงประตูมหาวิทยาลัย หลูจื้อเดินลงมาจากรถทั้งตัวยังคงเป็นเครื่องแบบทหารที่รีดจนเรียบตึง พร้อมกับหมวกหม้อตาล
เขาเดินก้าวยาวเข้ามาอยู่ตรงหน้าของชุยหัง
ชุยหังรู้สึกว่าลืมตาไม่ค่อยขึ้นแล้ว นี่มันคงจะไม่ใช่ความฝันใช่ไหม
ไม่ว่ายังไงเขาก็คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ขาดการติดต่อกันมานานขนาดนี้ แล้วพวกเขาจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งแบบนี้
“ดื่มเหล้าหรอ” ประโยคแรกของหลูจื้อเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
ชุยหังพยักหน้าและพูดว่า: “งานเลี้ยงคนบ้านเดียวกัน ไม่ดื่มไม่ได้”
“ดื่มมากเกินไปหรอ” หลูจื้อถามขึ้นมาอีกครั้ง
“อืม ดื่มเหล้าขาวไปสามแก้วแล้วก็หลับไปเลย พองานเลี้ยงจบผมก็ตื่น…”
ชุยหังอธิบายสั้น ๆ และกระชับว่าวันนี้ในงานเลี้ยงคนบ้านเดียวกันตนเลี่ยงปัญหาและออกหน้าออกตาน้อยมาก
“ใช้ได้นะ ถึงขนาดดื่มเหล้าขาวแล้ว วันนี้คงไม่ได้ถือโอกาสจากที่ดื่มมากแล้วไปจูบคนที่ไม่ควรจูบเข้าหรอกนะ” หลูจื้อทดสอบหยั่งเชิงอย่างจงใจ
ชุยหังมึนงงเล็กน้อย คำถามนี้มันทำให้เขาสับสนนิดหน่อย
เขาพูดขึ้น: “ไม่มี ผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะ”
“นายแน่ใจว่าไม่ใช่?” หลูจื้อถาม
ชุยหังพูดด้วยความมั่นใจ: “ไม่ใช่แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ใช่จูบคุณไปแค่ครั้งเดียวเองหรอ พูดไม่รู้จักจบจักสิ้น”
“ฉันยินยอมให้นายจูบฉันแล้วหรอ” หลูจื้อถามขึ้นอย่างกะทันหัน
ชุยหังพูดว่า: “ยอมไม่ยอมก็จูบไปแล้ว คุณจะทำอะไรได้? ถ้ามีความสามารถก็จูบกลับมาสิ”
หลูจื้อถูกคำพูดของชุยหังทำเอาพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
หรือว่าถ้าจูบกลับไปก็เท่ากับหายกันแล้ว?
“เอาล่ะ นายติดหนี้ไปก่อนแล้วกัน ยังไงก็ยังค่อยๆ คิดบัญชีทีหลังก็ได้” หลูจื้อกล่าว
ชุยหังอยากนอนมากแล้วจริงๆ ท่าทีหลังดื่มเหล้าของเขาดีมาก ไม่มีทางเมาอาละวาดและนอนหลับไปแต่โดยดี
ดังนั้นเขาจึงพูดว่า: “ครูฝึก สรุปคุณมาหาผมทำไมกันแน่”
หลูจื้อมองเขาและมีลังเลอีกครั้ง
“กลับมาโยกย้ายงานแล้วก็เลยแวะมาหาผมใช่หรือเปล่า” ชุยหังช่วยพูดแทนเขา
เขากำลังพูดอยู่ในใจว่ารีบๆ ยอมรับมาเถอะ ไม่มีอะไรที่จะพูดไม่ได้ ในเมื่อตนได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว
คิดไม่ถึงว่าหลูจื้อจะก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว จากนั้นใช้สองมือกดลงบนไหล่ของชุยหัง พลางจ้องมองตรงไปที่ชุยหัง
“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เคยคบกับผู้ชายมาก่อน แต่ฉันสามารถลองดูกับนายได้”
สีหน้าของเขาดูจริงจังมาก จริงจังจนทำให้ชุยหังรู้สึกกลัวเล็กน้อย
ชุยหังอยากจะดิ้นให้หลุด แต่มือของหลูจื้อก็เริ่มออกแรงเพิ่ม
หลังจากคิดไปสักพัก ชุยหังก็ถามขึ้น: “แล้วแฟนของคุณจะทำยังไง”
ตอนที่ 125 ยังไงฉันก็ต้องแต่งงาน
ถ้าหากเขาอยากจะลองคบกับตนจริง ยังไงก็ต้องมีคำอธิบายให้แฟนหน่อยไหม
ตนไม่อยากเป็นมือที่สาม รสชาติแบบนั้นมันทรมานมาก
เขาไม่สามารถทำร้ายผู้หญิงบริสุทธิ์เพียงเพราะความรู้สึกของตัวเองได้
ถึงแม้ว่าหลูจื้อจะไม่ได้มีความรู้สึกกับผู้หญิงคนนั้น แต่เพราะคนในครอบครัวเป็นคนแนะนำให้ และเขาต้องการจะให้คำอธิบายกับคนในครอบครัวก็ตาม ตนก็ไม่สามารถทำแบบนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นหลูจื้อทำแบบนี้ อันที่จริงมันดูไม่มีความรับผิดชอบ
เป็นอย่างที่คาดไว้ หลูจื้อเงียบขรึมไป
“ฉันจะหาทางบอกกับเขาเอง ว่าให้เราห่างกันสักพัก” หลูจื้อกล่าว
“ห่างกันสักพัก? แล้วยังไง” ชุยหังถาม
หลูจื้อพูดขึ้น: “อย่างไรก็ตาม ฉันไม่เคยคบกับผู้ชายมาก่อนและฉันก็รู้สึกว่าฉันปล่อยนายไปไม่ได้ ดังนั้นฉันเต็มใจที่จะลองคบกับนาย แต่ว่าในอนาคตยังไงฉันก็ต้องแต่งงาน”
ความเมาของชุยหัง สร่างขึ้นมาเกือบจะทั้งหมดเพราะประโยคนี้ของเขา
ในอนาคตยังอยากจะแต่งงาน ตอนนี้แค่ลองๆ กับตนดูเท่านั้น
ในเมื่อรู้แบบนี้แล้ว ทำไมตนยังต้องคบกับเขาด้วย?
สิ่งที่เขาจะพูดกับผู้หญิงคนนั้นคือห่างกันไปสักพัก รอให้เขาได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบชายชาย แล้วจะกลับมาสู่เส้นทางปกติคือแต่งงานกับเธอ?
ถือสิทธิ์อะไรทำไมเธอต้องรอเขา แล้วถือสิทธิ์อะไรทำไมตนถึงต้องมาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดนี้ด้วย?
“นี่คือสิ่งที่คุณบอกให้ผมรออย่างซื่อสัตย์จนกว่าจะกลับมา คำพูดที่อยากจะพูดกับผม?” ชุยหังถาม
หลูจื้อพูดขึ้น: “ทีแรกไม่ใช่ พึ่งจะเปลี่ยนทีหลัง”
“ทีแรกอยากจะพูดอะไร” ชุยหังอยากฟังเวอร์ชันต้นฉบับ
เขาสงสารตนหรือว่าแค่อยากจะลองสัมผัสชีวิตที่แตกต่างออกไป?
“ทีแรกคิดว่าจะไม่แต่งงานแล้ว และคอยดูว่าฉันกับนายจะไปได้ถึงระดับไหน แต่ว่าดูเหมือนจะไม่ได้” หลูจื้อตอบด้วยความจริงใจ
ชุยหังหัวเราะและรู้สึกว่าเขาคิดถูกแล้วที่ลบหลูจื้อออกไปตั้งแต่ทีแรก
ทำไมตนต้องรอเขา รอเขาขี้ขลาด รอให้เขามอบความรู้สึกที่มีเวลาจำกัดแบบนี้ให้กับตน?
เขาสามารถเข้าใจถึงความลังเลใจของชายแท้เมื่อพวกเขาได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้และเขายังสามารถเข้าใจถึงความน่ากลัวแบบนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับครอบครัว
แต่เขาไม่สามารถยอมรับความสัมพันธ์ที่รู้ตั้งแต่ต้นว่าจะต้องมีวันแยกจาก
ไม่ว่าใครคบกับใครต่างก็ไม่ใช่เพื่อต้องเลิกกัน
“ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ผมเป็นแบบนี้ดีอยู่แล้ว คุณรีบๆ แต่งงานไปเถอะ ไม่แน่ว่าภายในหนึ่งปีครึ่งอาจจะมีลูกออกมาให้พ่อแม่ของคุณได้อุ้มหลานก็ได้” ชุยหังกล่าว
หลูจื้อถามขึ้น: “นายโกรธหรอ”
“เปล่าซะหน่อย เกี่ยวอะไรกับผม ทำไมผมต้องโกรธด้วย”
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านายกำลังโกรธล่ะ” หลูจื้อถาม
ในความเป็นจริงเขาสับสนมากจริงๆ ก่อนที่จะมาเจอกับชุยหัง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตนจะยินดียอมคบกับผู้ชาย
ยิ่งไปกว่านั้นยังยอมเอาครอบครัววางไว้อีกทางเพื่อเขา
มิฉะนั้นเขาอาจจะเป็นเหมือนคนตายเดินได้ที่ยอมทำตามที่ครอบครัววางแผนจัดเตรียมเอาไว้ แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่มีความรู้สึกอะไรด้วย มีลูก จากนั้นก็ใช้ชีวิตซ้ำตามรอยของคนรุ่นก่อน
คำพูดที่ชุยหังพูดกับเขาเมื่อครั้งก่อนเขาเอามาคิดอยู่นานมาก
ทั้งคู่ต่างก็ได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่เหมือนกัน แล้วทำไมตนจะต้องไปทำให้ลูกสาวคนอื่นที่พ่อแม่ของเขาก็เลี้ยงดูเหมือนของล้ำค่าเช่นกันให้ไม่ได้รับความเป็นธรรมเพียงเพื่อพ่อแม่ของตนด้วย?
ถ้าเป็นคนที่ตนชอบก็แล้วไป แต่ถึงขนาดแค่ความรู้สึกให้กันยังไม่มี อาศัยแค่ความรับผิดชอบที่จะต้องอยู่ด้วยกัน แบบนั้นทั้งสองคนจะมีความสุขได้ยังไง
“ไม่มีอะไร ผมก็แค่ง่วงนอนแล้ว ครูฝึก คุณจะต้องกลับไปไม่ใช่หรอ ผมไม่ส่งคุณแล้วนะ ผมดื่มมากเกินไป ง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว ต้องกลับไปนอนก่อน ตอนคุณแต่งงานก็ไม่ต้องบอกผมนะ ผมก็แค่นักเรียนยากจนไม่มีเงินซื้อของขวัญหรอก”
พูดจบชุยหังก็หมุนตัวเดินกลับไปเลย
ในทุกๆ ย่างก้าวเขารู้สึกราวกับว่ามีมีดกำลังกรีดอยู่ในใจของเขา