ตอนที่ 130 ปลิวไปตามสายลม
เขานึกยังไงก็นึกไม่ออก ถ้าอย่างนั้นก็ทิ้งไว้อีกทางให้รู้แล้วรู้รอด ไม่ต้องไปคิดอะไรอีกแล้ว
เมื่อดูท่าทีของชุยหังแล้ว วังเฉียงจึงพูดขึ้นว่า: “เมื่อคืนวานมีคนโทรมาหานาย แล้วนายก็บอกให้ฉันรับสาย ฉันถามว่าเขาเป็นใคร เขาก็กดวางสายโทรศัพท์ไปเลย”
ตอนนี้ชุยหังถึงได้เข้าใจว่าที่แท้หลังจากตนมาถึงหอพักแล้วหลูจื้อถึงโทรมาหาตนอีกครั้ง
แต่ว่าก็พูดทุกอย่างชัดเจนแล้ว เขายังจะมากวนใจตนไปเพื่ออะไรอีก
อันที่จริงถ้าตัดการติดต่อไปตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งสองคนก็จะผ่อนคลายกันทั้งคู่
เขายังไม่ได้ให้คำอธิบายกับทุกคน ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเขา ยังไงซะทุกอย่างมันก็ไม่สำคัญแล้ว
“เหลาอู่ เมื่อคืนวานนายร้องไห้ด้วย ไม่ได้อกหักจริงๆ ใช่ไหม” วังเฉียงยังคงถามอย่างไม่ลดละ
ชุยหังเลี่ยงไม่ได้จึงพูดขึ้นว่า: “เปล่า ดูเหมือนตอนที่ดื่มเหล้าเสร็จเดินไปเล่นที่สนามกีฬาแล้วก็เกิดคิดถึงบ้าน ก็เลยโทรหาแม่ หลังจากนั้นก็ร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัวน่ะ”
“ฉันนึกว่านายเป็นอะไรไปเสียอีก ฉันตกใจหมดเลย” วังเฉียงกล่าว
ชุยหังถูๆ ไถๆ ตบตาผ่านคำถามการทดสอบมาได้ จึงไม่มีการพูดคุยในหัวข้อนี้ต่ออีก
“ตอนเที่ยงกินอะไรดี? พวกเราไปกินหงหนิวกัว [1] ที่ถนนตั้วลั่วกัน?” ชุยหังว่า
วังเฉียงพูดขึ้น: “ฉันอะไรก็ได้ตามใจพวกนาย”
ถังเฉิงก็พูดขึ้น: “ดูเหล่าเอ้อร์กับเหล่าซานสองคนนั้นก่อนเถอะ พวกเขาน่าจะกลับมาเร็วๆ นี้แหละ”
“ส่งข้อความให้พวกเขาเถอะ ให้พวกเขากลับมาเร็วหน่อย” ชุยหังกล่าว
“ทำไมต้องไปกินตอนเที่ยงนี้เลยด้วย อากาศแบบนี้อาจจะร้อนตายได้เลยนะ ตอนเย็นค่อยไปเถอะ” จ้าวหลินพูดขึ้น
ชุยหังครุ่นคิดก่อนจะพูดว่า: “ก็ได้ งั้นตอนเย็นพวกเราไปกินหงหนิวกัวที่ถนนตั้วลั่วก่อนแล้วค่อยไปร้องเพลงที่ถนนเฟิงหลิว”
“เหลาอู่ นี่นายเป็นอะไรไป?” จ้าวหลินเอ่ยถาม
ชุยหังพูดขึ้นว่า: “นี่มันวันหยุดไม่ใช่หรอ พวกเราหกคนยังไม่เคยออกไปร้องเพลงด้วยกันมาก่อนเลยนะ ก็ได้จัดออกไปเที่ยวด้วยกันพอดีก็ดีไม่ใช่หรอ”
“อืม ก็ได้ รอพวกเขากลับแล้วปรึกษากับพวกเขาสักหน่อยแล้วกัน” จ้าวหลินว่า
จนถึงตอนเที่ยงวังเจิ้นเฉียงและจังเผิงก็ยังไม่กลับมา พวกเขาทั้งสี่คนจึงออกไปหาอะไรกินง่ายๆ ที่โรงอาหารห้าก่อนอย่างไม่มีทางเลือก
แต่พูดตามตรงชุยหังรู้สึกไม่ค่อยชินกับบะหมี่แห้งร้อนของที่นี่เลย กินไม่ค่อยชินปาก
เมื่อเห็นท่าทางพวกจ้าวหลินต่างก็กินอย่างเอร็ดอร่อย ชุยหังอดสงสัยไม่ได้ว่า หรือที่เขากินอยู่มันเป็นของปลอม?
เมื่อกลับถึงห้องพักทุกคนก็ใช้เวลาผ่านช่วงบ่ายที่แสนน่าเบื่อและร้อนอบอ้าวอยู่บนเตียง
ตอนแรกอยากจะออกไปเดินเล่นแถวริมแม่น้ำ แต่เพราะอากาศร้อนเกินไป พวกเขาไม่อยากจะขยับไปไหน
เนื่องจากได้รับข้อความบอกก่อนล่วงหน้า ดังนั้นก่อนเวลาอาหารเย็นทั้งจังเผิงและวังเจิ้นเฉียงต่างก็กลับมาก่อนเวลา
ไปกินหงหนิวกัวที่ถนนตั้วลั่ว หลายคนบนโต๊ะกำลังพูดคุยหัวเราะด้วยกัน ข้างถนนมีแต่ร้านขายคอเป็ด มีหลายชิ้นวางเรียงอยู่บนเขียงไม้ดูแล้วน่าอร่อยมาก
พวกเขาซื้อไปห้าหกชิ้น จากนั้นก็เดินไปทางถนนเฟิงหลิว
ชุยหังบอกไว้ก่อนเรียบร้อยแล้วว่าวันนี้เขาจะเลี้ยง
ที่จริงทุกคนต่างก็สงสัยว่าเขาจะต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ แต่ว่าต่างก็ไม่ได้พูดไป เพียงแต่ให้ความร่วมมือตามเขาไปเท่านั้น
ห้องคาราโอเกะบนถนนเฟิงหลิวแต่ละร้านติดกันเรียงราย แต่ว่าส่วนใหญ่ต่างก็ดัดแปลงมาจากอาคารที่พักอาศัย
พวกเขาเลือกห้องที่อยู่ใกล้หน้าต่าง แบบนี้อากาศก็จะเย็นสดชื่นหน่อย
“พวกนายร้องเพลงอะไร” ชุยหังถามขึ้น
“มีนายที่อยู่สมาคมศิลปะอยู่ด้วย พวกเราใครจะกล้าร้องก่อน นายทำเป็นตัวอย่างก่อนสิ” ถังเฉิงกล่าว
ทุกคนต่างก็เห็นด้วย เพราะพวกเขาร้องเพลงไม่ค่อยเป็นกันสักเท่าไหร่
ชุยหังเดินไปที่ตู้เพลงก่อนจะครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วกดเลือกเพลงหนึ่ง ‘ปลิวไปตามสายลม’
“สายลมหยุดแล้วเมฆก็รู้ ความรักไปแล้วใจย่อมก็รู้ ตอนเขามาหลบไม่ได้ เขาจากไปอย่างเงียบหาย”
“เธอไม่อยู่ในความคาดหมายของฉัน รบกวนความสงบของฉัน กลัวว่ารักแล้วจะเป็นทุกข์ใจ กลัวจะไม่รักจนนอนไม่หลับ”
“ฉันปลิวไปปลิวมาเธอสั่นไปสั่นมา วัชพืชที่ไร้ราก…หากไม่คิดเล็กคิดน้อย คงเผาไหม้อย่างมีสุขในคราเดียว”
ตอนที่ 131 ยอมรับว่าอกหัก
ชุยหังรู้สึกว่าในความรู้สึกของเขาเป็นเหมือนวัชพืชที่ไม่มีราก คือไม่มีทางที่จะปักหลักมั่นคงได้เลย
คนที่ปรากฏตัวขึ้นมาก็ไม่ชอบ คนที่ชอบก็มักจะมีเรื่องที่จำใจจนปัญญามากเกินไป
บางทีเขาอาจจะเหมาะที่จะอ่านหนังสือ เล่าเรียน ไม่ควรคิดถึงเรื่องอื่นๆ เหล่านั้น
หลังจากทุกคนฟังเพลงที่เขาร้องแล้ว ที่จริงต่างก็รู้สึกเครียดกันขึ้นมานิดหน่อย
การคาดเดาของวังเฉียงเมื่อวานคงจะไม่ผิดแน่ ชุยหังดูเหมือนจะอกหักจริงๆ และมันน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับคนที่โทรหาเขาสองครั้งเมื่อวานนี้ด้วย
เพียงแต่ให้ตายชุยหังก็กัดฟันไม่ยอมรับ พวกเขาก็ไม่มีวิธีที่จะบีบให้ชุยหังพูดออกมาเอง
ตอนที่วนมาถึงคราวพวกเขาร้องเพลง มีบางคนร้อง ‘น้ำลืมรัก’ บางคนร้อง ‘ดอกไม้งามค่ายทหาร’ แต่ว่าแต่ละคนต่างก็คีย์ตกคีย์เพี้ยนอย่างไม่มีข้อยกเว้น
แรกเริ่มชุยหังยังสามารถหัวเราะได้ แต่ต่อมาเมื่อเขารู้ว่าทุกคนตั้งใจทำให้เขาดีใจมีความสุข เขาก็เหมือนจะหัวเราะไม่ออกแล้ว
ตอนที่ออกมาจากห้องคาราโอเกะก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
ดวงดาวประดับเต็มท้องฟ้า พวกเขาทุกคนมีความสุขมาก นานแล้วที่ไม่ได้ออกมาเที่ยวเล่นมีความสุขแบบนี้
ระหว่างทางกลับชุยหังยังคงไม่ยอมบอกความลับของตัวเองออกมา แต่ว่าอารมณ์ของเขานับว่าดีขึ้นมากแล้วจริงๆ
กลับมาถึงห้องพักพวกเขาก็เล่นสนุกบ้าบอกันอีกพักใหญ่ ปรึกษากันว่าถ้าพรุ่งนี้อากาศไม่ร้อนพวกเขาจะไปที่ชายหาดริมแม่น้ำด้วยกัน
ตอนกลางคืน วังเฉียงเป็นฝ่ายเริ่มถามขึ้นมาก่อนหนึ่งประโยค: “เหลาอู่ นายมีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า”
“อืม มี” ชุยหังยอมรับอย่างเสแสร้ง
“นายพูดมาเถอะ หลังจากพูดจบถึงแม้ว่าพวกเราจะช่วยนายแก้ไม่ได้แต่นายก็จะสบายใจขึ้นนะ” วังเฉียงกล่าว
ชุยหังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า: “ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก คือว่าช่วงนี้เจอแต่เรื่องแปลกๆ สิ่งที่อยากได้กลับเอามาไม่ได้ ของที่คนอื่นอยากให้ฉัน ฉันก็ไม่อยากได้อีก”
“ที่นายพูดถึงคือความรู้สึกใช่ไหม” วังเฉียงถาม
ชุยหังพยักหน้าและพูดว่า: “คงใช่มั้ง”
เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกระหว่างพวกชอบเพศเดียวกัน สำหรับห้าคนนี้แล้วจะนับว่าเป็นความรู้สึกหรือว่าวิปริต
“งั้นตอนนี้มันผ่านไปหรือยัง” วังเฉียงยังคงถามต่อ
ชุยหังพูดว่า: “อืม เมื่อวานพูดไปชัดเจนแล้ว ไม่งั้นวันนี้ฉันคงไม่รู้สึกผ่อนคลายขนาดนี้หรอก ที่จริงก่อนหน้านี้รู้สึกเหนื่อยมาก ยังนึกว่าจะต้องทนไปอีกนานกว่านี้ คิดไม่ถึงว่าจะใช้ฤทธิ์แอลกอฮอล์พูดออกไปจนหมดเลย แล้ววันนี้ก็ได้ออกไปร้องเพลงกับพวกนายอีก เลยรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”
“ถ้านายยังรู้สึกไม่มีความสุข พรุ่งนี้พอกลับจากริมแม่น้ำก็ไปร้องอีกสักรอบก็ได้” ถังเฉิงว่า
ชุยหังมองเขาแล้วยิ้มและพูดขึ้นว่า: “นายลืมไปซะเถอะ เสียงนั่นของนายฉันรู้สึกว่ามันไม่เหมาะที่จะร้องเพลง ขนาดฉันปิดหูยังแอบรู้สึกเสมอว่ามีผู้หญิงปะปนเข้ามาในห้องพักของเราด้วย”
“เสี่ยวอู่จึ นี่นายคงหายแล้วจริงๆ ถึงรู้จักล้อเล่นกับพี่สี่แล้ว” ถังเฉิงว่า
ชุยหังพูดขึ้น: “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้ฉันฟื้นคืนชีพแล้ว อยากจะpk [2] สักหน่อยไหม”
“ลืมมันไปซะเถอะ ฉันไม่อยากจะpkกับนายหรอกนะ น้ำลายดาวกระจายของนายอาจจะทำให้ฉันจมตายก็ได้” ถังเฉิงว่า
ชุยหังมองเขาแล้วพูดว่า: “ถึงขนาดนั้นเชียว เถียงสู้ไม่ได้ก็รังเกียจฉันอยู่นั่น ฉันใช้น้ำลายดาวกระจายโจมตีนายตั้งแต่เมื่อไหร่”
“นายดูสิ ตอนนี้นายไม่ได้กำลังโจมตีฉันอยู่หรือไง” ถังเฉิงว่า
“ก็ได้ งั้นฉันจะปล่อยนายไป เห็นแก่ที่เมื่อคืนวานนายให้เตียงฉันนอน” ชุยหังว่า
ถังเฉิงพยักหน้าและพูดว่า: “นี่สิถึงจะถูก ยังนับว่านายยังมีจิตสำนึก”
เดิมชุยหังคิดว่าความสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างเขากับหลูจื้อจะสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ เหมือนกับตนที่ผ่านช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่มที่ผ่านมาอย่างเร่งรีบโดยบังเอิญนั่นแหละ ต่อไปมันก็จะเป็นเพียงความทรงจำที่ลืมไม่ลงในชีวิตของตนก็เท่านั้น
ใครจะรู้ว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายแบบนั้นเลย
——
[1] หงหนิวกัว 红牛锅 เป็นชื่ออาหารจีนชนิดหนึ่ง
[2] pk เป็นคำศัพท์เฉพาะของคนเล่นเกม ความหมายของคำๆ นี้มาจากคำว่า Player Kill หมายถึงการฆ่าตัวละครในเกม ซึ่งโดยทั่วไปในภาษาจีน pk จะมีความหมายว่าโจมตีให้พ่ายแพ้ สู้ชี้ขาดชัยชนะ กำจัด ปะลอง เป็นต้น