ตอนที่ 136 พบหน้า
ประตูสาม ยังคงเป็นทะเลสาบประดิษฐ์นั่น
แต่ว่าวันนี้มาที่นี่แตกต่างจากสองครั้งที่แล้วที่มา
ครั้งแรกที่มาที่นี่ ภายใต้สายฝน ตอนนั้นพวกเขาเป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่างครูฝึกและนักเรียน
ครั้งที่สองที่มาที่นี่ก็คือเมื่อสองวันก่อน หลูจื้อเพิ่งกลับมาก็แวะมาหาเขา พอดีกับที่เขาดื่มเหล้ามาจำนวนไม่น้อยจากงานเลี้ยงคนบ้านเดียวกัน จากนั้นก็เลิกรากันไปอย่างไม่สบอารมณ์
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว ทั้งสภาพอากาศและท้องฟ้านับว่าเป็นครั้งที่เหมาะสมที่สุด
แต่ไม่รู้ว่าการพบกันระหว่างพวกเขาในครั้งนี้จะมีผลลัพธ์เป็นยังไง
ข้างกายยังคงมีคู่รักเฉียดไปกลายมาไม่น้อยเช่นเดิม ผ่านมาแล้วผ่านไป
แต่ว่าชุยหังกลับไม่มีความรู้สึกอิจฉาพวกเขาเหมือนเมื่อครั้งก่อนแล้ว
ตอนนี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยความประหม่ากระวนกระวาย ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวหลูจื้อจะพูดอะไรกับตนกันแน่
ในความเป็นจริงเขาค่อนข้างกังวลเล็กน้อย ถ้าหลังจากหลูจื้อมาพบตนแล้วบอกว่าต่อไปในอนาคตยังไงก็จะแต่งงาน แต่ก็ยินดีที่จะคบหากับเขาไปด้วย
ถ้าเป็นแบบนั้นยังไงเขาก็ยังคงจะปฏิเสธ
เขาชอบกินคนเดียวและไม่สามารถแบ่งปันให้คนอื่นได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาไม่สามารถแบ่งปันผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงได้
แบบนี้มันคือการดูหมิ่นตัวเองแล้วก็ทำร้ายผู้หญิงคนนั้นด้วย
มองดูกลุ่มคนผ่านไปผ่านมา ผ่านข้างกายของเขาไปไม่ขาดสาย ส่วนเขาก็เหมือนคนโง่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงเต็มๆ
เพียงเพื่อประโยคเดียวของหลูจื้อ เขาก็วิ่งมาอาบแดดที่นี่ในวันที่อากาศร้อนขนาดนี้ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่ตนบล็อกหลูจื้อจนทำให้หลูจื้อโกรธแล้วก็ช่างมันเถอะ แค่ตนแสดงความจริงใจออกมา เขาจะสามารถทำอะไรได้อีก
สี่สิบกว่านาทีผ่านไปในที่สุดก็มีรถทหารคันหนึ่งขับมาจากที่ห่างไกลออกไป
ชุยหังลุกขึ้นยืน เนื่องจากอากาศร้อน บวกกับการนั่งยองๆ เป็นเวลานานเกินไป จนเขารู้สึกเหมือนแทบจะขาดออกซิเจนแล้ว
จากนั้นภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำทั้งหมด ในดวงตาเต็มไปด้วยดวงดาว
เขายืนนิ่งอยู่เป็นเวลานานถึงปรับสภาพดีขึ้น ก่อนจะเดินไปทางรถทหารคันนั้น
นี่คงจะเป็นหลูจื้อแหละมั้ง คนอื่นคงจะขับรถแบบนี้ออกมาไม่ได้ โดยเฉพาะขับมาที่มหาวิทยาลัยพวกเขา
ปรากฏว่ารถทหารคันนั้นขับเข้ามาเหลือระยะห่างจากประตูมหาวิทยาลัยอยู่ช่วงหนึ่งก็หยุดลงเสียแล้ว
ชุยหังผงะไป ตนมองผิดไปหรอ?
ในขณะที่เขากำลังสงสัย โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เป็นหลูจื้อที่โทรเข้ามา เขารีบกดรับสายโทรศัพท์
“นายอยู่ที่หน้าประตูหรือเปล่า” หลูจื้อถาม
ชุยหังรีบพูดอย่างรวดเร็ว: “อยู่สิ ผมมองเห็นรถทหารคันหนึ่งขับเข้ามา แต่ว่าจอดไว้ห่างประตูมหาวิทยาลัยไกลมากพอสมควรเลย ใช่คุณหรือเปล่า”
“ไม่ผิด นายมานี่เลย” หลูจื้อพูดจบก็ตัดสายโทรศัพท์ไป
ชุยหังมีความรู้สึกว่าเขาดูเหมือนจะถึงวาระแล้ว
แต่ว่ามาจนถึงขนาดนี้แล้ว ถึงตนอยากจะหนีแล้วมันจะยังไง?
สู้เดินเข้าไปตรงๆ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็พูดต่อหน้าให้มันชัดเจนไปเลยจะดีกว่า
ดังนั้นเขาจึงฝืนใจเดินเข้าไป พลางสูดหายใจเข้าลึกๆ ไปด้วย
เมื่อเข้าใกล้รถทหารคันนั้น ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก จากนั้นหลูจื้อก็โผล่หัวออกมาแล้วพูดว่า: “รีบเดินหน่อยสิ ขึ้นรถ”
ชุยหังไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฟังและทำตามคำพูดของหลูจื้อ จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปทางฝั่งประตูที่เปิดอยู่
ในความเป็นจริงรถทหารไม่ได้แตกต่างจากยานพาหนะอื่น ๆ มากนัก ยกเว้นเมื่อตอนปิดหน้าต่างแล้ว ด้านนอกจะไม่สามารถมองเห็นฉากภายในได้เลย
ในรถมีแค่หลูจื้อคนเดียว หลูจื้อสวมชุดทหารแต่ไม่ได้สวมหมวก
หลังจากที่ชุยหังขึ้นมาเขาก็ยืดตัวขึ้นก่อนจะพุ่งมาทางชุยหังทันที
ชุยหังตกใจมากจนต้องหลบถอยหลังตามสัญชาตญาณ สุดท้ายพบว่าหลูจื้อไม่ได้จะจับตน แล้วก็ไม่มีข้าวของใดๆ ตกลงมาใส่ตัวเขา เพียงแต่ว่าตรงหน้าเหมือนจะถูกอะไรบางอย่างขวางอยู่
เขาลืมตาขึ้นถึงพบว่าที่แท้หลูจื้อแค่เอื้อมผ่านตนไปปิดประตูรถเท่านั้น
ตอนที่ 137 ถ้าฉันจะไม่แต่งงานล่ะ
ชุยหังรู้สึกว่าตนช่างน่าละอายมากจริงๆ ในเวลาแบบนี้ยังกล้าคิดอะไรเพ้อเจ้อเพ้อฝันอีก
แต่ว่ากลิ่นเหงื่อจาง ๆ บนร่างกายของหลูจื้อ แล้วยังมีกลิ่นจาง ๆ ของชุดเครื่องแบบของเขามันลอยเข้าไปในรูจมูกของเขาโดยตรงเลย
ชุยหังอยากจะหลบแต่ก็ไม่สามารถหลบได้แล้ว
พื้นที่ภายในรถเดิมทีก็ไม่กว้างนัก เขาไม่มีที่ทางตรงไหนให้หลบได้เลย
หลังจากปิดประตูรถแล้ว หลูจื้อก็กลับไปนั่งที่เดิมแล้วมองมาที่ชุยหัง
“หันมา” หลูจื้อว่า
ชุยหังหันไปอย่างประหม่า จากนั้นก็ก้มหน้างุดลงไม่กล้ามองหลูจื้อ
เขารู้สึกว่าตัวเองถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ เมื่อก่อนตอนเจอหลูจื้อไม่ได้เป็นแบบนี้เลย ทำไมมาวันนี้ถึงดูเหมือนพวกสาวใหญ่แบบนี้ล่ะ?
“นายเป็นอะไรจู่ๆ ก็ทำตัวอย่างกับพวกผู้หญิง?” หลูจื้อก็ดูออกแล้วเหมือนกัน
ชุยหังโดนคำพูดของหลูจื้อกระตุ้นเข้าจนต้องเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า: “ใครบอกว่าฉันเป็นผู้หญิง…”
แต่ว่าเมื่อเขาพึ่งจะเงยหน้าขึ้นยังไม่ทันได้มองท่าทีของหลูจื้อที่อยู่ตรงข้ามก็รู้สึกได้ว่ามีมือใหญ่มือหนึ่งคว้าหมับเข้าที่ท้ายทอยของเขา แล้วฉุดไปทางฝั่งของหลูจื้อ
จากนั้นริมฝีปากของเขาก็ถูกปิดสนิท
เขาตกใจจนไม่กล้าลืมตาเพราะกลัวว่าหลูจื้อจะกำลังมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน
แต่เห็นได้ชัดว่าหลูจื้อคงจะยังเด็กมากในเรื่องนี้ เพราะเขาประทับริมฝีปากลงมาแล้วกลับไม่รู้ว่าขั้นต่อไปต้องทำอะไร
ชุยหังกลั้นหายใจไว้ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
ในที่สุดหลูจื้อก็ยอมปล่อยเขา ก่อนจะมองเขาแล้วพูดว่า: “นี่เป็นที่นายติดหนี้ฉันเมื่อครั้งก่อน ฉันคืนให้นาย”
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าแม้กระทั่งเรื่องแบบนี้ก็ยินดีหวนกลับคืน ก่อนหน้านี้ชุยหังคงจะไม่จุ๊บเขาแค่เบาๆ ง่ายๆ แค่นั้นหรอก ควรจะทิ้งรอยจูบอะไรสักอย่างให้เขาด้วย
ชุยหังไม่พูดอะไร ดวงตาของเขาเคลื่อนไปรอบๆ อีกครั้ง
“มองฉัน” หลูจื้อพูดออกมาตรงๆ
อันที่จริงชุยหังยังไม่กล้ามองจริงๆ เพราะกลัวจะถูกข้าศึกยึดครองดินแดนเอาได้
หลูจื้อดูดีมาก หรือจะเปลี่ยนคำที่เหมาะสมมากกว่าก็คือ หล่อสุด
การฝึกฝนในค่ายทหารทำให้ทั่วทั้งตัวของเขาแผ่กระจายความองอาจผึ่งผาย
โดยเฉพาะดวงตาที่เปล่งประกายสุดๆ
“ฉันบอกให้นายมองฉัน นายไม่ได้ยินหรือไง” หลูจื้อมองชุยหังที่กำลังต่อต้านตนอยู่ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง
ชุยหังประหม่าแทบตายแต่ก็ไม่กล้าต่อต้านอีกแล้ว ต้องแสร้งทำเป็นสงบแล้วมองหลูจื้อ
เมื่อเขามองไปในดวงตาลุ่มลึกคู่นั้น ในใจของเขาก็ร้องตะโกนว่า: “แย่ละ ช่วยไม่ทันแล้ว”
หลังจากนั้นหลูจื้อก็ถามขึ้นว่า: “คิดถึงฉันหรือยัง”
ชุยหังตกตะลึง คำถามแบบนี้คือหลูจื้อเป็นคนถาม?
เขาอยากจะถามจริงๆ ว่า หลูจื้อคนนี้ถูกใครมาเปลี่ยนแทนหรือเปล่า?
มีเพียงแค่หน้าตาที่เหมือนกันแต่ปรากฏว่าความคิดไม่เหมือนกันเลย
แต่เมื่อมองดูสายตาของเขา และยังมีวิธีการพูดที่ใช้กับตนเมื่อครู่แล้วก็คือหลูจื้อนี่นา
“ถามนายอยู่นะ นายเป็นใบ้หรอ” หลูจื้อถาม
ชุยหังรีบพูดขึ้นว่า: “ไม่มี”
“อะไรนะ ไม่มี? งั้นก็ไม่คิดถึงสิ?” หลูจื้อถาม
ชุยหังส่ายหน้าไปมา ก่อนจะถอนหายใจพลางพูดว่า: “คิดถึงแล้วยังไง ก็บังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงไง”
“ทำไมนายถึงเอาใจยากขนาดนี้ ช่วงระยะเวลาที่ฉันออกไปเรียนนี้ อันที่จริงคิดมานานมากเลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันคงจะทำตามที่ครอบครัวฉันจัดการวางแผนเอาไว้ คงจะเดินแบบนั้นต่อไปแล้ว” หลูจื้อว่า
เมื่อชุยหังได้ฟังภายในใจรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สบายใจ พูดแบบนี้หมายความว่าการปรากฏตัวของตนมันทำให้ชีวิตของเขายุ่งเหยิงวุ่นวายด้วย?
“เรื่องบางเรื่องถามนายในโทรศัพท์เพราะรีบร้อน ฉันจะถามนายตรงๆ เลยนะ ถ้าฉันไม่พูดถึงเรื่องแต่งงานแล้วนายยินดีที่จะคบกับฉันไหม”
ชุยหังตกตะลึง นี่คือหลูจื้อเป็นคนถามจริงๆ หรอ? ผู้ชายแท้ตรงไปตรงมาคนนั้น หลูจื้อคนที่โน้มน้าวตนบอกให้ไปชอบผู้หญิงคนนั้นหรอ?
เขาบอกว่าไม่แต่งงานแล้ว ต้องการจะคบกับตน?