ตอนที่ 152 น้ำเย็น
ในใจชุยหังกำลังครุ่นคิด หรือว่าซ่งไข่นึกถึงอะไรขึ้นมาได้ รู้สึกว่าตัวเองกับหลูจื้อไม่เหมาะสมกัน เลยอยากจะมาพูดโน้มน้าวใจตัวเอง?
ซ่งไข่พูดไป “สถานการณ์ของครอบครัวเขา นายรู้หมดใช่ไหม”
“ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ เมื่อก่อนไม่เคยได้ถามเขาเจาะจง แต่ว่าคงจะสุดยอดมากเลยล่ะสิ คุณบอกว่าครั้งก่อนที่เขาโยกตำแหน่งไปก็เป็นคนที่ครอบครัวช่วยหามาจัดการไม่ใช่เหรอ” ชุยหังพูดขึ้น
ซ่งไข่เอ่ยต่อ “อืม ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้ ที่ฉันพูดหมายถึงสมาชิกครอบครัว”
“เหมือนว่าจะมีพ่อแม่ แล้วก็ย่ามั้ง” ที่ชุยหังเข้าใจก็คือแบบนี้
“อืม ครั้งนี้ที่เขาย้ายกลับมา พวกเราสองคนต่างก็รู้ว่าเป็นเพราะนาย แต่ว่าเขาบอกกับที่บ้านว่าเป็นเพราะย่า ถึงยังไงย่าของเขาก็อายุมากแล้วจริงๆ สุขภาพก็ไม่ดี ถึงยังไงอายุอานามขนาดนั้นแล้ว มันก็เป็นเรื่องธรรมดามาก ดังนั้นคนในครอบครัวจึงต่างก็เข้าใจ แต่ว่าย่าเขาก็ยังหวังว่าจะได้เห็นเขาแต่งงานอยู่” ซ่งไข่เอ่ยบอก
หัวใจชุยหังกระตุกวูบ ที่จริงตอนนี้เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ถกปัญหาเรื่องนี้กับหลูจื้อแล้ว
ขอเพียงแต่นึกถึงขึ้นมา เขาก็จะทำให้ตัวเองนึกถึงเรื่องที่มีความสุขขึ้นมาทันที
ไม่อย่างนั้น จะต้องร่วงหล่นสู่ความตายวนเวียนไม่รู้จบ
เมื่อก่อนเพราะว่าหลูจื้อต้องแต่งงานยังค้านหัวชนฝา แต่ว่าเพิ่งจะได้อยู่ด้วยกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็ค่อยๆ ปลอบใจตัวเองให้คลายกังวลแล้ว ที่จริงเรื่องบางเรื่อง ไม่จำเป็นต้องคิดเกินไปไกลถึงวันข้างหน้า เพราะใครก็ไม่มีทางจะล่วงรู้อนาคตล่วงหน้าได้
ขอเพียงแต่ตอนนี้พวกเขามีความสุข เบิกบานใจ ถึงแม้ว่าวันข้างหน้าจะสูญเสียมันไป การที่พวกเขาคบกันได้แล้วแท้ๆ ไม่มีทางน่าเสียใจเท่ากับการที่พวกเขาไม่ได้คบกันอย่างเด็ดขาด
“เรื่องนี้ผมเข้าใจได้ ถึงอย่างไรคนแก่ก็เป็นกันอย่างนี้กันหมด” ชุยหังพูดไป
“ส่วนตัวพ่อแม่เขาก็เป็นคนมีทิฐิมาก ย่าเขาก็แก่เกินไป คงจะไม่มีทางที่จะยอมรับเรื่องแบบนี้ได้หรอก ดังนั้นพวกนายต้องทำใจไว้บ้างจะดีที่สุด ฉันคิดว่าหลูจื้อยังต้องแต่งงาน อีกอย่างควรจะไม่ช้าไปกว่านี้” ซ่งไข่เอ่ยต่อ
ชุยหังเงียบงันไม่พูดจา ปัญหานี้คือสิ่งที่เขาหลบหนีมาโดยตลอด ไม่อยากแตะต้องมัน
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้หลูจื้อจะพูดกับเขาแล้ว เขายอมที่จะลองดูว่าไม่แต่งงานแล้วจะเป็นอย่างไรบ้างเพื่อเขา
แต่ว่าตัวเองจะให้เขาทำเพื่อตัวเองได้อย่างไร แม้แต่ครอบครัวก็ไม่คำนึงถึง พ่อแม่ยังพอจะรับได้เข้าใจได้ แต่ย่าเขาอายุมากเกินไป เกรงว่ายังไม่ทันได้หันกลับมาก็ยอมรับไม่ได้แล้ว
เดิมพันนี้ เขาไม่กล้าแทงพนัน
“ผมพอจะเข้าใจในสิ่งที่คุณอยากจะพูดกับผมแล้ว ผมจะคิดให้ดีๆ” ชุยหังเอ่ยตอบ
ในน้ำเสียงของเขา มีความรู้สึกอ้างว้างที่ยากจะปกปิดได้แบบนั้นอยู่
“คนอย่างพวกเราไม่ค่อยเหมือนกับผู้ชายแท้ๆ แบบนี้ที่เบี่ยงเบนมาอย่างหลูจื้อเท่าไหร่หรอก พวกเราพูดได้ว่าได้ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่แล้ว ไม่ว่ายังไงก็เดินจากเส้นทางนี้ไปจนถึงความมืดได้เสมอ แต่เขาถูกสกัดไปครึ่งทางแล้ว วันข้างหน้าจะเป็นยังไง ใครก็พูดแน่ชัดไม่ได้ เขาวางอนาคตของตัวเองไม่ได้แน่นอนเหมือนพวกเราขนาดนั้น สำหรับความคิดของครอบครัวที่มีลูกชายไว้สืบสกุลก็ไม่ได้มีใจที่จะปฏิเสธเด็ดขาดขนาดนั้น ดังนั้นทำไมการเปลี่ยนใจชายแท้ถึงประสบผลสำเร็จอยู่ไม่น้อย แต่บาดเจ็บยิ่งมากขึ้น” ซ่งไข่เอ่ยบอก
ที่จริงเรื่องพวกนี้ ชุยหังเข้าใจทั้งหมด เพียงแต่ว่าไม่อยากจะเผชิญหน้ากับมันเร็วขนาดนี้ก็เท่านั้นเอง
เขาเพิ่งจะได้คบกับหลูจื้อก็ต้องพิจารณาถึงปัญหาที่อาจจะต้องแยกจากกันในอนาคต ที่จริงวิธีแบบนี้ค่อนข้างจะโหดร้ายทีเดียว
“ที่สำคัญก็คือฝั่งคนแก่ทางนี้ ย่าของหลูจื้อ ความหวังสูงสุดในการมีชีวิตก็คืออยากเห็นหลูจื้อแต่งงาน ถึงตอนนั้นถ้าคนแก่ในบ้านเกิดเหตุสุดวิสัยอะไรขึ้นมา ระหว่างพวกนายสองคนคงจะผ่านไปไม่ค่อยดีเท่าไหร่เหมือนกัน”
ตอนที่ 153 ตัดสินใจเพื่อตัวเอง
ชุยหังรู้สึกว่าตัวเองเหมือนโดนน้ำเย็นรดใส่ไม่มีผิดจริงๆ
ได้ฟังความหมายของซ่งไข่แล้ว ดูเหมือนว่าระหว่างเขากับหลูจื้อที่จริงแล้วมันคือความผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น
เพราะว่าพวกเขาดึงดันจะคบกันแบบนี้ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ทำร้ายใคร แต่มันทำร้ายไปถึงขั้นที่ทำให้หลูจื้อน่าเป็นห่วงที่สุด แล้วก็เป็นคนที่เป็นห่วงหลูจื้อมากที่สุดเช่นเดียวกัน
ถ้าเหมือนกับที่ซ่งไข่ว่ามาจริงๆ ถ้าย่าของหลูจื้อเกิดเป็นอะไรขึ้นมาเพราะเรื่องนี้ แล้วต่อไปพวกเขาก็จะมีเงามืดดำติดอยู่ในใจตลอดไป ทั้งชีวิตนี้ก็หนีไปไม่พ้น
พวกเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ไม่ได้มีตัวตนอยู่แค่เพียงลำพัง
ดังนั้นมีปัญหามากมายที่ต้องล้วนใคร่ครวญทั้งสิ้น
“งั้นผมควรจะทำยังไงดี” ชุยหังชักจะอับจนหนทางแล้ว
เขาในตอนนี้ค่อนข้างสับสนมึนงงจริงๆ ทำอะไรไม่ได้เลย
ซ่งไข่พูดขึ้น “ที่จริงไม่ใช่ว่าฉันรับไม่ได้ที่พวกนายคบกัน ฉันรู้ว่าในวงการนี้ อยากจะอยู่ด้วยกันกับคนที่ชอบไม่ใช่ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่บ้านของเขา ฉันก็จะยินดีกับพวกนายอย่างสุดหัวใจได้ แต่ว่าพวกนายต้องคิดคำนึงถึงปัญหามากมายทั้งหมด อีกอย่างงานของเขา การเรียนของนาย ที่จริงไม่ควรจะได้รับผลการกระทบถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ”
ชุยหังไม่ได้พูดอะไรอยู่พักใหญ่ เพราะเขายังติดอยู่ในวังวนหาทางออกไม่เจอ
“เป็นไรไป กลุ้มใจแล้วใช่หรือเปล่า” ซ่งไข่เอ่ยถาม
ชุยหังเอ่ยตอบ “อืม นิดหน่อย”
“ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเผชิญหน้า ถ้ารอจนถึงวันหลังความจริงระเบิดออกมา ค่อยได้ยุ่งกันมือระวิง สู้ตอนนี้ทำใจเตรียมไว้บ้างจะดีกว่า ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะสาดน้ำเย็นให้นายหมดไฟ แค่ไม่กี่วันมานี้พ่อแม่เขาเข้ามาอีกแล้ว ต้องการจะมาแนะนำคู่ให้เขา” ซ่งไข่เอ่ยบอก
ข่าวนี้ทำให้ชุยหังกลัดกลุ้มอัดแน่นอยู่เต็มอก
มักจะมีพ่อแม่แบบนี้ที่เห็นลูกชายโสดก็ไม่สบายใจ
แต่ว่าเขาก็ไม่มีจุดยืนอะไรไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น
ในมุมมองของพวกเขาแล้ว พวกเขาเป็นห่วงหลูจื้อด้วยใจจริง
“หลูจื้อเพิ่งจะกลับไป บอกว่าที่กองทัพของพวกคุณมีเรื่อง” ชุยหังพูดขึ้น
จู่ๆ เขาก็ชักจะสงสัยขึ้นมา หลูจื้อไปเพราะเรื่องของกองทัพจริงๆ หรือเพราะว่าเรื่องที่บ้านกันแน่
เพราะว่าที่บ้านแนะนำคู่มาให้เขาอยู่ตลอด แต่หลูจื้อก็ไม่เคยเอ่ยกับตัวเองเลยสักนิด
‘เขากลัวตัวเองจะเป็นกังวล หรือว่าเพราะสาเหตุอื่นกัน’
“นั่นอาจจะมีธุระจริงๆ มั้ง ฉันเองก็ไม่รู้รายละเอียด เขาเพิ่งจะเลื่อนตำแหน่งได้ไม่นาน มีบางเรื่อง ยังจำเป็นต้องทำให้เข้าที่เข้าทางอยู่” คำตอบของซ่งไข่ไม่ได้ให้เบาะแสอะไรชุยหังเลย
ชุยหังอดไม่ได้ที่จะคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะเอ่ยต่อ “ย่าของหลูจื้อหวังจะให้เขาแต่งงานเมื่อไหร่เหรอ”
“ก็ต้องยิ่งเร็วยิ่งดีอยู่แล้ว ก่อนที่ท่านจะไป ให้ท่านได้เห็นหน้าหลานจะดีที่สุด” ซ่งไข่พูดไป
ชุยหังรู้สึกว่าเหมือนมีก้อนหินก้อนหนึ่งกดทับอยู่บนอก หายใจไม่ค่อยออก
“ผมรู้สึกไปต่อไม่ถูก” ชุยหังเอ่ยขึ้น
ซ่งไข่พูดต่อ “ไม่ต้องไปต่อไม่ถูก ฉันบอกเรื่องพวกนี้กับนาย ไม่ใช่เพื่อที่จะทำให้นายไปต่อไม่ถูก แต่อยากให้นายคิดเผื่อเอาไว้บ้าง อย่าเอาแรงใจทั้งหมดไปทุ่มให้กับความรัก ตอนนี้นายยังอายุน้อย ยังไม่เข้าใจการคิดไตร่ตรองเพื่อตัวเองในวันข้างหน้า ฉันเคยผ่านประสบการณ์ในตอนนั้นแบบนายมาก็ถือว่ายังพอมีประสบการณ์มาประมาณหนึ่ง พูดได้แค่ว่าทุกเรื่องยังต้องคิดทบทวนเพื่อตัวเองสักนิดบ้าง”
ชุยหังเอ่ยขึ้น “จะมาคิดเพื่อตัวเองได้ยังไง เรื่องแบบนี้ดีไม่ดียังไง คนสองคนต่างก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน”
“ถึงแม้ว่าจะพูดขนาดนี้ แต่ว่าขอเพียงแต่นายต้องเหลือทางข้างหลังให้ตัวเองด้วย ตอนนี้นายจะต้องเอาการเรียนเป็นสำคัญ ไม่ว่าเมื่อไหร่ นายมีความสามารถในการเลี้ยงดูตัวเอง ไม่อยากไปกังวลอะไร ถ้าแม้แต่ตัวนายยังเลี้ยงตัวเองไม่ได้ พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ความรักกินแทนข้าวได้ไหมล่ะ ไม่ได้เห็นๆ” ประโยคแต่ละประโยคของซ่งไข่กำลังพูดความจริงอยู่ทั้งนั้น
แต่ชุยหังกลับรู้สึกว่าฟังไม่ค่อยเข้าหูเท่าไหร่แล้ว
‘นี่ไม่เหมือนกับที่ตัวเองคิดภาพไว้เลย ที่จริงไม่เหมือนไปหมดแล้ว’
จู่ๆ เขาก็นึกถึงเพลงเพลงหนึ่งที่เคยฟังเมื่อก่อน บอกฉันทีว่าไกลอีกแค่ไหนกันแน่ คงจะไม่มีเพียงแค่นิดเดียวหรอกใช่ไหม