ตอนที่ 158 มากขึ้นอีก
[ไว้ก่อนนะ ตอนนี้ยังยุ่งอยู่] หลูจื้อตอบกลับเขามา
ในที่สุดชุยหังก็โล่งอกไปได้สักที ขอเพียงแต่ส่งมาก็โอเคแล้ว แบบนี้ตัวเองจะได้ไม่ต้องมีภาระในใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว
แต่ว่าการรอคอยนี้ เขารอมาทั้งบ่ายเต็มๆ
จนกระทั่งถึงช่วงพลบค่ำ หลูจื้อก็ยังไม่ตอบกลับเขาสักที
ชุยหังชักจะจนไม่ไหวแล้ว อากาศร้อน บวกกับอารมณ์ที่ร้อนรุ่มกลุ้มใจ ดังนั้นจึงส่งข้อความลองหยั่งเชิงไป
[ยังไม่เสร็จธุระอีกเหรอ] เขารู้สึกว่าตัวเองทำแบบนี้จะเป็นการไม่เห็นใจหลูจื้อมากเกินไปหรือเปล่า
เวลาพักผ่อนของทหารคงจะไม่ค่อยเหมือนกับพวกเขาเท่าไหร่นัก
ผ่านไปสักพักหลูจื้อถึงเพิ่งจะตอบกลับมา [เกือบจะลืมไปแล้ว ฉันหาก่อนนะ เดี๋ยวส่งให้นาย]
ครั้งนี้ผ่านไปไม่นานจริงๆ หลูจื้อก็ส่งรูปถ่ายสิบแปดรูปเข้ามา
หลังจากนั้นมือถือก็ไม่มีหยุด
หาๆๆ แล้วก็ส่งมาอีกมากมาย
ชุยหางมองดูจนตาลาย ที่แท้หลูจื้อไม่เพียงแต่เอารูปถ่ายที่ก่อนหน้านี้ถูกชุยหัง ‘ลบไปด้วยความเข้าใจผิด’ ส่งมาด้วย อีกทั้งยังส่งรูปถ่ายการใช้ชีวิตของเขามาจำนวนไม่น้อย พร้อมรูปถ่ายเดี่ยวๆ อีกจำนวนหนึ่ง
ดูแต่ละรูปกลับไปกลับมา อารมณ์ร้อนรุ่มกลุ้มใจที่ตีกันวุ่นเมื่อครู่นี้ของชุยหังดีขึ้นมากทีเดียว
หลูจื้อส่งข้อความกลับมาอีก [เป็นไรไป คิดถึงฉันแล้วใช่ไหม]
[นายว่าไงล่ะ] ชุยหังถามกลับ
หลูจื้อตอบกลับมาว่า [ฉันถามนายนะ รีบตอบสิ]
[คิดถึงแล้ว] ชุยหังไม่ได้ทำตัวอิดออดอะไร
[เหมือนที่ฉันคิดถึงนายหรือเปล่า] หลูจื้อถามอีกประโยค
ชุยหังคิดดูแล้วก็พิมพ์ลงไป [ต้องมากกว่านายแน่นอน]
หลูจื้อตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว [เดี๋ยวจะต้องไปประชุมแล้ว เดี๋ยวค่ำๆ จะมาคุยกับนายนะ]
ชุยหังเพิ่งจะอยากตอบกลับว่า ‘รับทราบ’ ทางนั้นก็ส่งอีกข้อความมาทันที [ไม่ต้องตอบกลับมาแล้ว]
หลังจากนั้นชุยหังก็ลบคำที่พิมพ์ไว้นั้นทิ้งไป
เพียงแต่ว่าหลังจากวางมือถือลงแล้ว ชุยหังก็ทำให้ตัวเองไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านอีก
ไม่มีความรักในความสัมพันธ์ไหนไม่ต้องการความเชื่อใจ
พื้นฐานของความรักสามประการหลักๆ คือสื่อสาร เชื่อใจ และพื้นที่ส่วนตัว
เขาสามารถให้ความเชื่อใจกับหลูจื้อได้เพียงพอ แล้วสามารถสงวนพื้นที่ส่วนตัวให้เขาได้
เขาเองก็ไม่ได้บอกเรื่องของหลิวเฮ่อกับหลูจื้อ ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาเป็นแบบนี้ก็ดีกันมากแล้ว อีกอย่างเขาก็ไม่ได้คิดจะให้ความสนใจหลิวเฮ่ออีก เขาอยากจะทำยังไงก็ทำไป ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเองอยู่แล้ว
เขาเองก็ไม่หวังจะให้หลูจื้อเอ่ยเรื่องแฟนสาวคนก่อนกับเขาเช่นเดียวกัน ฟังแล้วจะรู้สึกหงุดหงิดใจได้
โดยเฉพาะแบบที่ไม่ได้รักกัน ต้องคบกันแบบถูกจับคลุมถุงชนเพื่อจะให้ทายาทสืบสกุลครอบครัว
เดิมทีระหว่างพวกเขาเวลาที่จะอยู่ด้วยกันได้ก็มีน้อยมากอยู่แล้ว ถ้าต้องมาพูดเรื่องหลิวเฮ่อ ช่างสิ้นเปลืองเวลาเกินไปจริงๆ
มีเวลาแบบนั้น เอาเวลาไปชอบอีกฝ่ายให้ดีดีกว่า
หลูจื้อเพิ่งจะส่งรูปถ่ายมาให้เขามากมายขนาดนั้น มันก็เพียงพอให้เขาดูได้ไปสักระยะหนึ่งแล้ว
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้คำพูดที่ซ่งไข่พูดกับเขาจะสร้างผลกระทบให้เขาบ้างอยู่จริงๆ แต่ว่าเขาก็มักจะจัดการตัวเองได้เสมอ
เรื่องบางเรื่อง ในเมื่อเป็นความจริงก็ต้องยอมรับและปรับตัว
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร กว่าเขากับหลูจื้อจะมาคบกันได้ที่จริงไม่ใช่ง่ายๆ
อีกอย่างเขาเองก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่บอกหลูจื้อไปแล้วว่าตัวเองเป็นคนแบบนี้ก็เท่านั้นเอง
ในความรักครั้งนี้ ที่จริงหลูจื้อทุ่มเทเสียสละมากกว่าเขา
ตัวเองมาเข้าเรียนที่นี่ ตอนนี้ยังไม่แน่นอน ต่อไปเรียนจบแล้ว จะไปที่ไหนก็ได้
แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าหลังจากไปมาหาสู่กันไม่กี่วันมานี้ หลูจื้อจะย้ายงานเพื่อตัวเอง
เขาแสดงความจริงใจแบบนี้แล้ว ถ้าตัวเองยังคิดเพ้อเจ้อก็ต้องขอโทษความทุ่มเทของหลูจื้อแล้วจริงๆ
อีกอย่างไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ที่สำคัญก็คือตอนนี้เขามีความสุข
ตอนที่ 159 ทำให้นายตกใจ
เมื่อซย่าอวี้ชิวอยากจะนัดชุยหังออกไปอีก ชุยหังก็ปฏิเสธแล้ว
หลายวันมานี้เขาเหนื่อยจริงๆ
ทุกวันต้องฝึกซ้อมเต้น เรียนหนังสือ แล้วยังต้องไปห้องคอมพิวเตอร์ คนทั้งคนกลับคืนสู่สภาพเช่นนั้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ข่าวคราวของหลูจื้อกลับกลายเป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตที่จืดชืดของเขา
ทุกวันตอนกลางคืน หลูจื้อสามารถเจียดเวลามาคุยเล่นกับเขาได้ หลังจากนั้นก็รังแกเขาสักหน่อย
ชีวิตแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ถือว่าทำตัวสบายๆ เกินไป แต่ก็ยังถือว่าทำให้คนมีความสุขได้
ขอเพียงแต่ในใจมีคนคนหนึ่ง แล้วคนคนนั้นก็มีคุณอยู่ในใจพอดี ความรู้สึกแบบนี้เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก
[ช่วงนี้นายเทใจไปมีความรักแล้วใช่ไหม ทำไมฉันเรียกหานายตั้งหลายครั้ง นายไม่ออกมาเลย] ซย่าอวี้ชิวบ่นอุบอิบอยู่ในวีแชท
ชุยหังรีบตอบกลับไปทันที [ไม่ใช่ เหนื่อยเกินไปจริงๆ]
[นายทำอะไรของนาย ยังไงกัน โดนเอาตัวไปแล้ว?] ซย่าอวี้ชิวถามมา
ชุยหังมึนงงแล้ว คำถามนี้เขาก็กล้าถามแล้วเหรอ
เห็นทีว่าบางมุมชายแท้ยังกล้าพูดมากกว่าพวกเขาเสียอีก
[เปล่า ยังไม่ได้ถึงขั้นนั้น] ชุยหังคิด ในเมื่อเขากล้าพูดกับตัวเองอย่างนี้ ตัวเองก็ตอบเขาไปตรงๆ แรงๆ สักหน่อยแล้วกัน ดูสิว่าที่สุดแล้วเขาจะยังรับได้หรือเปล่า
เป็นอย่างที่คิดผ่านไปสักพักซย่าอวี้ชิวถึงได้ตอบกลับเขามา [นายมีแฟนแล้วจริงๆ เหรอ]
เวลานี้เองชุยหังถึงเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ เหมือนว่าเรื่องของตัวเองกับหลูจื้อจะยังไม่ได้บอกกับซย่าอวี้ชิว
‘แต่ว่าการจะยอมรับว่าตัวเองมีแฟนแล้วคงจะไม่เป็นปัญหาหรอกใช่ไหม’
[ใช่ แต่ว่ายังไม่ได้อะไรกันหรอก] ชุยหังตอบกลับไป
[ไม่ใช่ครูฝึกซ่งจริงๆ ใช่ไหม] ซย่าอวี้ชิวถาม
ชุยหังรีบตอบกลับมาทันที [คราวก่อนบอกนายไปแล้วไม่ใช่หรือไง พวกเราเป็นไปไม่ได้]
[งั้นเป็นใครกัน ใครกันที่สามารถใช้เวลาได้สั้นขนาดนี้ครองใจนายได้] ซย่าอวี้ชิวสงสัย
ในสมองของเขา เหมือนว่าชุยหังจะไม่มีเวลาไปคบหาสมาคมกับผู้ชายเยอะขนาดนั้น
[นายไม่ต้องถามหรอก นายไม่รู้จัก] ชุยหังตอบกลับเขา
[อ่อ ก็ได้ พวกนายเป็นยังไงบ้าง] ซย่าอวี้ชิวถาม
[ก็พอโอเค เขาต้องทำงาน ไม่ค่อยมีเวลามาเจอกันมากเท่าไหร่] ชุยหังไม่ได้บอกว่าฝึกอบรม กลัวว่าซย่าอวี้ชิวจะนึกถึงกองทัพ แล้วจะทายไปถึงสถานะของหลูจื้อ
ดีที่ซย่าอวี้ชิวกลับนึกไปถึงอย่างอื่นแทน เขาถาม [ไม่ใช่นักศึกษามหา’ ลัยเราหรอกเหรอ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนที่ทำงานแล้ว แก่กว่านายกี่ปี ที่แท้นายก็ชอบคุณลุงงั้นสิ?]
คำถามต่อกันมาเป็นพรวน ทำให้สายตาชุยหังที่จับจ้องอยู่ที่หน้าจอมือถือก็เพ่งขึ้นมา
[ในหัวนายมีแต่อะไรนี่ นายยังเป็นซย่าอวี้ชิวคนนั้นที่ฉันรู้จักอยู่ไหม ทำไมนายต้องเปลี่ยนไปขนาดนี้นะ ทำไมต้องมาคิดคำถามที่ไม่เกี่ยวกับนายด้วย] ชุยหังถาม
ซย่าอวี้ชิวส่งอิโมติคอนใบหน้ายิ้มให้เขา หลังจากนั้นก็อัดเสียงส่งตามมา
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่าตกลงแล้วใครกันที่มาล้มฉันได้”
เสียงนี้ทำเอาคนอื่นๆ ในห้องพักในหอเด้งตัวขึ้นมาทันที
“เหลาอู่ ใครเหรอ ล้มอะไรกัน” ถังเฉิงเอ่ยถาม
ชุยหังรีบเอ่ยทันควัน “ไม่มีอะไร ซย่าอวี้ชิวคนบ้านเดียวกันกับฉันคนนั้น วันนี้เขาเล่นเกมแล้วถูกคนตีป้อมแพ้มา เขาเลยอยากสืบหาคนคนนั้น”
“แล้วนี่จะไปสืบหาที่ไหน สืบมาได้แล้วจะมีประโยชน์อะไร” ถังเฉิงบ่นพึมพำ
ชุยหังผ่อนลมหายใจยาวๆ หลังจากนั้นก็หยิบเอาหูฟังออกมา หลังจากเสียบหูฟังเรียบร้อย เขาก็ตอบกลับซย่าอวี้ชิวไป [ฉันอยู่ในหอนะ นายส่งเสียงพูดมา เกือบจะเล่นฉันตายแล้ว]
[นายโง่หรือไง เห็นเป็นเสียงพูดมา ยังจะเปิดลำโพงอีก รู้แต่แรกฉันพูดอะไรเสี่ยวๆ ไปซะก็ดี ทำให้นายตกใจตายไม่ได้ ถือว่าฉันแพ้] อารมณ์ของซย่าอวี้ชิวกลับเหมือนจะใช้ได้ทีเดียว