ตอนที่ 162 โมโห
“ปากนายนี่จัดไม่เบาเลยนะ” ซย่าอวี้ชิวเอ่ยขึ้น
ชุยหังพูดไป “เป็นคนแบบไหนก็ได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น ในสายตาคนอื่น เธอเป็นดาวคณะ ในสายตาฉัน เธอก็เป็นแค่กากเต้าหู้ มีอะไรให้น่าชื่นชม”
“พอแล้ว นายอย่าพูดให้คนเขาร้องไห้เลย” ซย่าอวี้ชิวค่อนข้างเป็นห่วงชะตากรรมของดาวคณะคนนั้นแล้ว
ชุยหังกลับพูดต่อ “ไม่ได้ ฉันไม่พูดต่อหน้าหรอก ยังไว้หน้าเธออยู่บ้าง”
“ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว ถึงยังไงฉันก็พูดไม่ชนะนายอยู่แล้ว นายมีเหตุผลตลอด” ซย่าอวี้ชิวเอ่ยขึ้น
“รีบกินเกี๊ยวเถอะ รีบใช้เกี๊ยวอุดปากนายเร็ว” ชุยหังพูดใส่
กินอาหารกันเสร็จกลับมา ชุยหังก็เอาเรื่องที่ดาวคณะคนนั้นพูดไม่ดีลับหลังตัวเองพูดออกมา
คนในห้องพักในหอเดียวกันต่างก็รู้สึกว่าดาวคณะคนนั้นแปลกประหลาดเกินไปแล้วจริงๆ
‘เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าชุยหังไม่ได้ทำผิดอะไรกับเธอเลย คนที่นินทาคนอื่นลับหลังแบบนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง’
แต่ว่าพวกเขายิ่งรู้สึกว่าเพื่อนร่วมห้องของดาวคณะคนนี้เองก็มีปัญหาด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแพร่งพรายออกมา ซย่าอวี้ชิวก็จะไม่ไปรู้เรื่องนี้เข้า แล้วเรื่องก็จะไม่มาถึงหูชุยหังตรงนี้ได้
“เธอคิดว่าตัวเองสวยแล้วจะเหนือกว่าคนอื่นไปทุกเรื่องใช่ไหม” ถังเฉิงพูดขึ้น
ชุยหังพูดขึ้น “ความคิดธรรมดามาก มักจะมีผู้ชายกากๆ ที่หาทิศหาทางไม่เจอเพราะเจอคนสวย”
“เหลาอู่นายอย่าพูดขนาดนี้เลย นายชอบสวยๆ ไม่ใช่เหรอ” วังเฉียงเอ่ยบ้าง
ชุยหังคิดในใจ ‘ฉันต้องไม่ชอบสวยๆ อยู่แล้ว ฉันชอบผู้ชาย’
กับปัญหานี้ เขาไม่อยากจะพูดถึงมากเท่าไหร่
“พอเถอะ ไม่จำเป็นต้องถกเรื่องเธอ เสียเวลา พวกเราไม่ใช่ยายเมี้ยนขาเม้าท์ ถึงเวลาเหน็บเธอสักหน่อยให้เธอหุบปากได้ก็โอเคแล้ว คนที่เต้นรำได้สวยด้วยในโลกนี้ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวสักหน่อย”
“ว่าแต่เหลาอู่นายเปลี่ยนคู่เต้นรำไม่ได้เหรอ” ถังเฉิงพูดขึ้น
ชุยหังเอ่ยต่อ “เปลี่ยนอะไรล่ะ เธออยากได้เกรดดีนักไม่ใช่หรือไง ฉันก็จะทำให้เธอแพ้”
“เหลาอู่ นายนี่มันช่างร้ายกาจ…” วังเจิ้นเฉียงเอ่ยอย่างปลงใจ
ชุยหังเอ่ยต่อ “โทษที อะไรเรียกว่ารักหยกถนอมบุปผา [1] ฉันไม่เคยรู้จักมานอนก่อน”
“นี่ไม่ใช่ให้นายรักหยกถนอมบุปผา ที่สำคัญคือนายแรงแค้นของนายแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ”
ชุยหังรับคำพลางเอ่ยต่อ “ใช่แล้ว แรงแค้นฉันแรงมาก ยอมผิดใจกับสุภาพชนดีกว่า อย่ามาผิดใจกับคนถ่อย ยอมผิดใจกับคนถ่อยดีกว่า อย่ามาผิดใจกับฉัน ลูกผู้ชายแก้แค้นสิบปีไม่สาย ฉันแก้แค้นก็ไม่แน่ว่าจะหลายปีหรอก”
“ถ้าหากว่านายยังไม่ทันได้แก้แค้น คนเขาก็ตายไปก่อนล่ะ” จ้าวหลินเอ่ยถาม
ชุยหังพูดขึ้น “เรื่องนี้ยังไม่ง่าย ฉันจะเหยียบบนเนินหลุมศพของเธอหนักๆ แรงๆ รับรองว่าหญ้าบนเนินหลุมศพเธอ หญ้าไม่ขึ้นแน่นอน”
“โหดร้ายจริงๆ …” วังเฉียงเอ่ยอย่างปลงใจ
ชุยหังบอกไป “ที่จริงก็แค่พูดว่าฉันไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น มาจำเรื่องวุ่นวายพวกนี้กระทบอารมณ์ตัวเองหรอก”
“ไม่รู้แล้วว่าประโยคไหนนายพูดจริง…” ถังเฉิงเอ่ยบ้าง
ชุยหางครุ่นคิดพลางเอ่ยขึ้น “ฉันเองก็ไม่รู้เลย ถึงยังไงฉันก็ตรงไปตรงมา ถ้ารู้สึกว่าฉันมีปัญหา ก็พูดตรงๆ กับฉันสิ มาทำอะไรจุกจิกแบบนี้ไม่เห็นจะสนุกตรงไหน ถ้าไม่อยากเต้นรำกับฉัน ก็พูดกับหัวหน้าฝ่ายหญิงสิ เปลี่ยนตัวฉันไปก็โอเคแล้วไม่ใช่เหรอ ถึงยังไงก็มีผู้ชายอยากโอบเอวเธอ ลูบเอวเธอมากมายขนาดนั้น แล้วก็ยังมีคนอยากได้วีแชทของเธออีก จะได้ให้โอกาสเธอเย็นชาสักหน่อย”
“เหลาอู่ เบาๆ หน่อยเถอะ โมโหเธอไม่คุ้มค่าหรอก” จังเผิงพูดโน้มน้าว
ชุยหังเอ่ย “เหล่าซาน ฉันพบว่านายนี่พ่อพระจริงๆ”
“ที่สำคัญคือโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ นายเป็นผู้ชายโตๆ กันแล้ว มาโกรธผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเขาจะพูดเอาได้ว่านายไม่เป็นลูกผู้ชาย นายเป็นคนมีเหตุผลแท้ๆ กลับกลายเป็นคนผิดไปได้” จังเผิงเอ่ย
“ถ้ามีคิดแบบนั้น ก็อธิบายได้เพียงว่าสมองของคนพวกนี้กลวง แล้วยังลึกมากอีก เติมยังไงก็ไม่เต็ม อยู่บ้านแม่งก็ไม่ได้รักษาภาพพจน์อะไรตลอดอยู่แล้ว มานี่ทำเป็นฮีโร่ช่วยสาวสวย ฉันไม่ทำหรอก”
ตอนที่ 163 การสื่อสารที่อบอุ่น
ชุยหังพูดมายืดยาวอยู่ตั้งนาน คนรอบข้างต่างฟังกันจนตะลึงค้างไปหมดแล้ว
“เหลาอู่ เห็นท่าทางนายแบบนี้ ต้องการเผาเธอเลยเหรอ” วังเฉียงเอ่ยถาม
ชุยหังเอ่ย “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ว่าไม่อยากจะให้เธอเคยตัว ในเมื่อเธอชอบมาสายขนาดนั้น แน่จริงก็ไม่ต้องมาสิ”
“คนเขาเต้นออกจะดี นายมีวิธีอะไร” ถังเฉิงเอ่ยขึ้น
ชุยหังเอ่ย “ไม่เป็นไร เธอเต้นดี ฉันเต้นไม่ดีไง ในเมื่อคนเขาก็พูดลับหลังฉันขนาดนี้แล้ว ถ้าฉันยังให้ความร่วมมือกับเธอดีๆ อยู่ ฉันต้องขอโทษคนเขามากทีเดียว ไม่ให้เธอขายหน้าหรอก ฉันรู้สึกเกรงใจ”
“อย่าพูดจาน่าตกใจขนาดนั้น คนเขาพูดจาไม่ดีใส่นายไม่กี่ประโยคเองนะ” ถังเฉิงเอ่ยต่อ
“มีความสามารถก็อย่าให้ฉันได้ยินก็โอเคแล้ว ต่อหน้าแสดงความเห็น ลับหลังนินทา นายแบ่งเป็นสองความคิด อีกอย่างทำไมฉันไม่เต้นให้มันดีล่ะ ถ้าฉันเต้นไม่ดีจริงๆ ฉันเองก็ไม่พูดแล้ว ที่สำคัญคือพวกผู้ชายพวกนั้น ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นคนไหนเต้นดี แต่ละคนแข็งทื่อ ขาเหมือนไปยืมมาใช้ อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยเหยียบเท้าเธอเลย” ชุยหังบอกไป
“จบแล้ว เหลาอู่นี่คึกใหญ่แล้ว รีบหยุดสักหน่อยเถอะ ไม่คุ้มค่าหรอก” วังเฉียงพูดขึ้น
“เอาเถอะ ในเมื่อเสี่ยวลิ่วคนดีน่ารักของพวกเราพูดมาแล้ว ฉันก็จะไม่พูดแล้ว จะได้ไม่ต้องยิ่งพูดตัวเองยิ่งโกรธ” ชุยหังพูดขึ้น
ในคืนเดียวกันนั้น ตอนที่หลูจื้อพูดคุยกับชุยหัง เขาก็ถามไถ่ถึงเรื่องว่าช่วงนี้ชุยหังซ้อมเต้นเป็นอย่างไรบ้าง
แต่ว่าชุยหังคิดดูแล้ว เขาไม่ได้บ่นเรื่องนี้เหมือนกับที่บ่นกับคนอื่น ที่บ่นดาวคณะคนนั้นไปตรงๆ
วิถีชีวิตของพวกเขา ตอนนี้ไม่ค่อยเหมือนกัน เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันก็ไม่ค่อยจะเยอะ ไม่จำเป็นต้องให้คนแบบนั้นมายึดเวลาด้วย
พูดเรื่องที่ทำให้พวกเขามีความสุขกันต่างหาก ถึงจะส่งเสริมความรักความสัมพันธ์
[ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง อาจจะไม่มีเวลาพานายไปฮู่ปู้เซี่ยงแล้ว นายอยากกินอะไร ถ้าฉันผ่านครั้งหน้า เดี๋ยวจะดูว่าจะซื้อกลับมาให้นายได้หรือเปล่า] ข่าวคราวของหลูจื้อทำให้ชุยหังผิดหวังเล็กน้อย ในขณะเดียวกันก็พอใจขึ้นมาสักหน่อย
ที่ผิดหวังก็คือเรื่องของฮู่ปู้เซี่ยงดูท่าว่าจะทำให้เป็นจริงได้ไม่ง่ายแล้ว
แต่ว่าขอเพียงแต่เขายังคิดถึงตัวเอง ที่จริงก็ดีมากแล้ว
เทียบกับพวกนั้น พูดว่าตัวเองยุ่งเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไร คนที่ตัวนายเองต้องการต้องหนักแน่นบ้าง
ชุยหังตอบกลับ “ไม่มีอะไรอยากกินเป็นพิเศษ ก็แค่ได้ยินว่าที่นั่นมีของอร่อยเยอะ อยากจะไปเดินดูสักหน่อย”
[อืม รอฉันเสร็จธุระช่วงนี้ คงจะได้ลาพัก] หลูจื้อตอบกลับมา
“ได้ ทราบแล้ว” ชุยหังยังเพิ่มอิโมติคอนยิ้มเข้าไปด้วย
แต่ว่าอิโมติคอนของเขาที่จริงแล้วไม่ค่อยจะช่วยอะไรได้เท่าไหร่นัก
สายของหลูจื้อโทรเข้ามาทันที ดูเหมือนว่าตอนนี้จะยังถือว่าทางสะดวกขึ้นมาหน่อย
“โกรธเหรอ” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ “เปล่า”
หลังจากนั้นรีบวิ่งลงมา สวมรองเท้า แล้วเดินออกประตูใหญ่ มุ่งหน้าเดินไปตรงทางขึ้นลงบันได
“ทำไมได้ยินเสียงเหมือนโกรธเลย” หลูจื้อเอ่ยถาม
“ไม่ใช่ เมื่อกี้อยู่ในห้องพัก” ชุยหังเอ่ย
“ตอนนี้ล่ะ ทางขึ้นลงบันได” หลูจื้อคาดเดา
ชุยหังเอ่ยถาม “นายรู้ได้ยังไง”
“มีเสียงสะท้อนกลับมาไง เจ้าทึ่ม”
“อืม ฉันทึ่ม นายฉลาด” ชุยหังเอ่ยตอบ
“ฉันยังคิดว่านายโกรธแล้ว ช่วงนี้ฉันยุ่งเกินไปจริงๆ วันนั้นไปหานายก็ดันมีเรื่องด่วนมา ไม่รู้ว่าวันไหนจะว่างได้อีก อีกไม่กี่วันอาจจะต้องออกไปดูงานต่างเมือง”
“พวกนายก็ต้องไปดูงานต่างเมืองด้วยเหรอ ไปคุยงานอะไรกัน” ชุยหังเอ่ยถาม
“ทำไมพวกเราจะไปดูงานต่างเมืองไม่ได้ล่ะ พวกเราเป็นทหาร ต้องประจำการอยู่ที่ที่เดียว ไม่ย้ายที่กบดานเหรอ” หลูจื้อพูดไป
——
[1] รักหยกถนอมบุปผา เป็นสำนวนจีน หมายถึง การอ่อนโยนต่อผู้หญิง