ตอนที่ 170 เวลาชนกัน
ดูเหมือนว่าชุยหังจะไม่เป็นเหมือนกับคนอื่นตอนที่ได้ยินเสียงคู่เต้นร้องขึ้น เขาไม่ได้แสดงอาการลุกลี้ลุกลน แต่เขากลับเหยียบเท้าของดาวคณะอย่างหนัก
ครั้งนี้ดาวคณะน่าจะไม่ได้เตรียมการณ์ไว้ น่าจะเป็นเรื่องจริง
ชุยหังไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพียงมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า แล้วพูดกับเธอเบาๆ “ถ้าเธอเล่นแบบนี้อีก ฉันจะเหยียบอีก”
ในใจของดาวคณะคงเกลียดชุยหังเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้แสดงออกได้ชัดเจนมาก
ดูเหมือนว่าแผนที่จะใช้กับชุยหังนั้นไม่ได้ผล และคงจะใช้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว
เธอเต้นไปด้วยความประหม่าจนจบเพลง ดูเหมือนเธอตัวหดลงไปเยอะมาก ไม่มีท่าทีมั่นใจอย่างตอนแรก
จากการเคลื่อนไหวของเธอนั้น ดูไม่ออกเลยว่าเธอผ่านการเรียนเต้นรำมาหลายปีแล้ว
ชุยหังไม่ได้รู้สึกทุกข์ใจหรือเสียใจอะไร
สำหรับแผนการณ์นี้ ตัวเองกลับไม่รู้สึกพอใจอะไร
แต่กับชุยหังยิ่งเต้นยิ่งรู้สึกมั่นใจในตัวเอง ทุกจังหวะการเต้นเขาช่วยให้ดาวคณะตามเขาได้
ในที่สุดการเต้นจบลง ชุยหังและดาวคณะแค่มองหน้ากัน ชุยหังเดินกลับไปนั่งตรงที่นั่งตัวเองโดยไม่ได้พูดอะไรกับดาวคณะสักคำ
แต่เธอกลับเจ็บเท้าเพราะทำตัวเอง
จากนั้นไม่นาน หัวหน้าฝ่ายหญิงโลจิสติกส์คนนั้นก็เดินเข้ามา
“เมื่อกี้นายเหยียบเท้าเธอ นายไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” หัวหน้าฝ่ายเอ่ยถาม
ชุยหังเอ่ยตอบ “เป็นผมเหยียบเท้าเธอ หรือว่าเธอจงใจให้ผมเหยียบ พวกคุณดูไม่ออกเหรอ”
“ที่จริงนายไม่ใช่ผู้ชาย?” หัวหน้าฝ่ายเอ่ยถาม
ชุยหังเอ่ยตอบ “ผมไม่ใช่ผู้ชายแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ ผมไม่ชินกับความสัมพันธ์แบบชายหญิง คุณไม่ต้องมาถามผมอีกแล้วนะ”
คนข้างๆ ชุยหังที่อยู่ในห้องนี้ต่างก็ยิ้มกันออกมา
หัวฝ่ายโกรธจนหน้าแดง ประโยคนั้นทำให้เธอขายหน้าจึงเดินหนีไปทันที
แต่กลับชุยหังนั้นไม่ได้รู้สึกละอายใจอะไร
คนแบบนี้ไม่ควรต้องไปละอายใจด้วย
หลังจากผ่านข้อผิดพลาดนั้นไปแล้ว พวกเขาไม่มีทางได้ที่หนึ่งแน่นอน อย่างไรก็ตามไม่คิดว่าการเต้นของคณะอื่นจะมีข้อผิดพลาดเหมือนกัน บ้างก็ลืมท่าเต้น บ้างก็ลืมว่าต้องขยับตัวไปทางทิศไหนดี
สุดท้ายทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขันของคณะขนส่งและคณะโลจิสติกส์ก็ได้รับรางวัลที่สามกันหมด และยังได้คะแนนอีกด้วย
ความรู้สึกของชุยหังยังคงหนักแน่น เขาไม่ได้อยากได้คะแนนนี้อยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้คะแนนี้ด้วย
หลังจากจบการแข่งขัน ชุยหังก็ไม่ได้ติดต่อกับคนทางคณะโลจิสติกส์อีก และก็ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองคณะด้วย
ถ้าหากตัวเขาไป คาดว่าดาวคณะคนนั้นคงจะแต่งตัวจนสวยอีกเหมือนเดิม แต่จิตใจนั้นกลับไม่สวยเลย
ไม่กี่วันมานี้ ได้ข่าวว่าทีมบาสเกตบอลคณะการขนส่งก็มีกิจกรรมใหญ่ เป็นครั้งแรกที่ได้เขารอบชิงชนะเลิศ คู่แข่งเป็นมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศที่ได้แชมป์มาแล้วหลายถ้วย
ความจริงแล้วชุยหังอยากเป็นเชียร์ลีดเดอร์ แต่วันที่แข่งขันนั้นชนกับวันหยุดสุดสัปดาห์ ชุยหังต้องไปเจอกับหลูจื้อ ในระหว่างสองเรื่องนี้ แน่นอนว่าสิ่งที่ชุยหังต้องเลือกต้องเป็นหลูจื้อ
คณะขนส่งสิ่งที่ไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือผู้ชาย โอกาสที่คนไปดูคงเยอะมาก
แต่สำหรับชุยหังกลับไม่ได้มีโอกาสพบเขาได้ตลอด
วันศุกร์ที่ผ่านมาหลูจื้อได้ส่งวีแชทมาหาเขา ให้เขาไปรอที่ประตูสามตอนเช้า จากนั้นเขาจะขับรถมารับตนเอง
ชุยหังรับปากเต็มคำ เขาได้บอกกับโจวเฉวียนแล้วว่า จะไม่ไปดูการแข่งขันที่โรงเรียน
ตอนนั้นโจวเฉวียนประหลาดใจมากที่โอกาสดีแบบนี้ คณะก็ส่งรถมารับ อาหารก็มีให้ แต่เขากลับไม่ไป?
ชุยหังไม่ได้บอกเหตุผลอะไร เพียงแค่บอกไปว่าตนเองมีธุระ
ตอนนี้สำหรับเขาแล้ว วันที่ได้พบกับหลูจื้อเป็นเรื่องยากที่จะได้เจอ แค่ข้าวกล่องเดียวมีอะไรสำคัญ
ตอนที่ 171 เกสต์เฮาส์
วันสุดสัปดาห์มาถึงแล้ว ชุยหังทิ้งการนอนขี้เกียจ แล้วตื่นแต่เช้ามาเตรียมตัว
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยทาอะไรบนใบหน้าเลย แต่กลับเสียเวลาล้างหน้าไปหลายรอบ
ความรู้สึกแบบนี้ ชุงยังก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงตื่นเต้นแบบนี้
โจวเฉวียนโทรหาชุยหังอีกครั้งก่อนที่จะออกเดินทาง ชุยหังยังคงปฏิเสธเหมือนเดิม
คนที่ไม่ไปมีกลุ่ม 426 พวกเขาต่างมีธุระของตัวเอง บางคนก็ไปห้องสมุด บางคนก็นอน
ทั้งหมดพูดกันว่า ในกลุ่ม 426 มีเพียงชุยหังที่ไม่สนใจอะไรแบบนี้
ในที่สุดหลูจื้อก็โทรมา
“นายตื่นหรือยัง” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังเอ่ยตอบ “ตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว หน้าก็ล้างไปหลายรอบแล้วด้วย”
“หน้าทำไมหลายรอบ ตื่นเต้นที่เจอฉันเหรอ” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังตอบไป “อากาศร้อนน่ะ ก็เลยไปหลายรอบ”
“โกหกต่อ ก็ต้องพยายามโกหกอีก” หลูจื้อพูดขึ้น
เห็นได้ว่าเขาไม่เชื่อข้อแก้ตัวนี้เลย
ชุยหังได้แต่หัวเราะ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
“ฉันอยู่ที่ประตูสามแล้ว นายมาได้แล้ว” หลูจื้อพูดขึ้น
“อืม นายรอก่อน ฉันกำลังจะถึงแล้ว” ชุยหังเอ่ยตอบ
เขารีบใส่เสื้อผ้าทันที จากนั้นก็ส่องกระจกแล้วส่องกระจกอีก แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นธรรมดาเกินไป
เหมือนว่าถ้ามีเวลา เขาต้องใส่ใจตัวเองสักหน่อยแล้ว
ตัวเองแบบนี้ไปยืนข้างหลูจื้อ ดูไม่ค่อยคู่ควรกับเขาเลย
เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ จากนั้นก็หยิบมือถือและกระเป๋าสตางค์เดินลงไปข้างล่าง
ประตูสามอยู่ไม่ไกล รถของหลูจื้อจอดอยู่ตรงนั้นแล้ว
หลังจากที่ชุยหังขึ้นรถไป หลูจื้อยังอยู่ในชุดทหาร เขาบ่างดูเปล่งประกายเหลือเกิน
“พวเราจะไปที่ไหนเหรอ” ชุยหังถามขึ้น
หลูจื้อเอ่ยตอบ “ถึงแล้วนายจะรู้เอง ไปกันเถอะ”
พูดจบ เขาก็ออกรถไป
ขับรถไปเรื่อยๆ บนถนนโล่งๆ เพราะว่าไม่อยากให้หลูจื้อได้รับผลกระทบอะไรไม่ดี ชุยหังจึงไม่เลื่อนกระจกลง แต่ไม่นานเหงื่อก็ไหลออกมา
“เป็นอะไร ร้อนไปเหรอ” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังเอ่ยตอบ “ไม่เป็นไร โอเคอยู่”
“ไม่โอเคก็เลื่อนกระจกลงระบายอากาศเถอะ” หลูจื้อบอก
ความจริงแล้วชุยหังทนไม่ไหวแล้ว จึงเลื่อนกระจกลงมาเล็กน้อย พอให้ลมพัดเข้ามา
แบบนี้สบายขึ้นเยอะเลย
ดูเหมือนว่าชุยหังนับวันก็ยิ่งคุ้นเคยกับบรรยากาศด้านนอกแล้ว ที่นี่เหมือนว่าจะเป็นที่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรก
‘กองทัพของหลูจื้อไกลขนาดนี้เลยเหรอ’
‘ถ้าอย่างนี้ทุกครั้งที่เขามาหาตัวเอง จะไม่ไกลไปเหรอ แค่ขับก็หมดเวลาไปเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว’
‘ไปไปมามา ใช้เวลาอยู่บนรถประมาณสองชั่วโมงแล้ว ที่จริงวันหยุดของเขา ควรต้องสบายไม่ใช่เหรอ’
ก่อนหน้านี้รู้สึกไม่พอใจ ทำไมหลูจื้อถึงไม่มาหาเขา คิดแบบนี้แล้วรู้สึกผิดกับหลูจื้อขึ้นมา
เขาไม่เห็นตำแหน่งของหลูจื้อบนแผนที่ เพราะว่าตำแหน่งของกองทัพเป็นความลับ จึงไม่สามารถอยู่บนแผนที่ทั่วไปได้
“ไม่ใช่ว่านายพาฉันไปกองทัพของนายจริงๆ นะ?” ชุยหังถามขึ้น
หลูจื้อหันมามองเขาครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น “ข้างกองทัพของพวกเรามีเกสต์เฮาส์ พานายไปที่นั่นได้”
“ไปเกสต์เฮาส์ทำไม” ชุยหังถามขึ้น
หลูจื้อเอ่ยบอก “เดี๋ยวฉันมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย พานายไปที่นั่นก่อนเดี๋ยวฉันค่อยกลับมา”
ชุยหังไม่คิดว่าที่เขาพาตัวเองมา ยังต้องมีเรื่องยุ่งอีก
ถึงอย่างไรก็มาแล้ว ก็ไม่อยากให้หลูจื้อต้องไปส่งเขากลับ
แต่ว่าเขาคิดจะทำอะไร ถึงให้ตัวเองนั้นรอเขาอยู่ที่เกสต์เฮาส์