เธอปลุกฟาร์มาสเพื่อมาดื่มน้ำชาในตอนเช้าเหมือนทุกครั้ง
เมื่อคืนแม้ฟาร์มาสจะพูดจาซุกซนใส่เธอ แต่สรุปแล้วก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ฟาร์มาสเริ่มดื่มสุราแล้วก็ได้ล่วงหน้าหลับไปก่อน ส่วนเฮเลนาแม้จะโดนเชิญชวนให้ดื่มแต่เธอก็ปฏิเสธไป สุดท้ายแล้วหลังจากเธอได้ฝึกฝนร่างกายสักเล็กน้อยโดยมีฟาร์มาสนอนหลับอยู่บนเตียงข้าง ๆ เธอก็เข้านอนไปเช่นกัน
จากนั้นเหมือนเดิม เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็ฝึกร่างกายโดยพยายามไม่ให้ฟาร์มาสตื่น แล้วเมื่อถึงเวลาเธอก็ปลุกเขาและเสิร์ฟชา เป็นยามเช้าที่เหมือนกับทุกที
“ฟู่ว……ให้ตายสิ ห้องนี้นี่อยู่แล้วรู้สึกสงบดีนะ”
“เช่นนั้นหรือคะ?”
“ใช่ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนในราชสำนักก็มีสายตาของพวกกังฉิน ไม่สามารถทำอะไรส่งเดชได้น่ะ……เทียบกันแล้วที่นี่อยู่ได้โดยไม่ต้องระวังสายตาใครเลย”
“ค่ะ……”
เขาคงกำลังเหนื่อยยากลำบากในหลายเรื่อง แต่มันก็เกินกว่าที่เฮเลนาจะคาดเดาได้
ถึงกระนั้น ไม่ว่าจะในพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีหรือในงานราตรี สายตาที่มองมายังฟาร์มาสก็ไม่ได้มีแต่สายตาที่หวังดีเพียงอย่างเดียว มีคนไม่น้อยเลยด้วยซ้ำที่มองมาอย่างเหยียดหยามเยาะเย้ยโดยไม่คิดปิดบัง
ฟาร์มาสที่ต่อสู้เพียงลำพังมาตลอดท่ามกลางสถานการณ์เช่นนั้น ต้องมีหัวใจที่เข้มแข็งถึงขนาดไหนกัน
“จริงสิ เฮเลนา”
“คะ?”
“คราวหน้าอยากไปเที่ยวกันสักหน่อยไหม? เจ้าเองอยู่แต่ในวังหลังก็คงจะเบื่อ ถ้าไปพร้อมกับเราล่ะก็จะท่องเที่ยวทางไกลนิดหน่อยก็ได้”
“แหม!”
พูดตามตรงแล้วนั่นก็เป็นเรื่องที่น่าขอบคุณมาก
จะว่าไปแล้ว ก่อนหน้านี้อเลกเซียเองก็เคยบอกเหมือนกันนี่นา ว่าลองขอฝ่าบาทไปท่องเที่ยวทางไกลดูหน่อยเป็นไร
แม้เธอจะลืมไปซะสนิท แต่เฮเลนาเองก็ไม่ได้อยากอยู่แต่ในสถานที่ปิดที่ชื่อว่าวังหลังหรอก
บางครั้งออกไปสูดอากาศโลกภายนอกบ้างก็คงไม่เลวร้ายนัก
“ข้าจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ แต่ท่านฟาร์มาสไม่ได้ยุ่งอยู่หรือคะ?”
“ที่ผ่านมามีเรื่องพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีก็เลยงานยุ่งหลาย ๆ อย่าง แต่ตอนนี้ก็เบาลงเยอะแล้วล่ะ จะหาเวลามาอยู่กับเจ้าสักหนึ่งวันก็แล้วกัน”
“ขอบพระคุณค่ะ”
“เจ้าเคยอยู่ในกองทัพ……ดังนั้นน่าจะขี่ม้าได้สินะ?”
เธอพยักหน้ารับคำของฟาร์มาส
ในกองอัศวินพยัคฆ์แดงมีม้าคู่ใจของเฮเลนาอยู่ แต่จะให้บอกว่าไปเอาม้าตัวนั้นมาที่นครหลวงให้ทีก็คงจะไม่ได้กระมัง ทว่าต่อให้ไม่มีม้าคู่ใจเธอก็ยังมั่นใจในฝีมือการขี่ม้าของตนพอสมควร
ขอแค่ไม่ใช่ม้าที่พยศอย่างมาก ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะขี่มันได้
“เช่นนั้นไปขี่ม้าท่องเที่ยวทางไกลกับเราเป็นอย่างไร ถึงกระนั้นก็คงต้องพาเกรเดียไปด้วยล่ะนะ จะอย่างไรก็คงไม่สามารถออกนอกราชสำนักโดยมีเพียงเราผู้เป็นจักรพรรดิกับเจ้าที่ใกล้เคียงกับการเป็นชายาเอกที่สุดแค่สองคนได้จริง ๆ นั่นแหละ”
“รับทราบค่ะ”
“มีที่ใดที่อยากไปหรือไม่?”
แม้จะรู้สึกสะดุดใจนิดหน่อยที่เกรเดียจะมาด้วย แต่จักรพรรดิคงไม่สามารถไปข้างนอกได้โดยไม่มีผู้คุ้มกันกระมัง แม้จะให้เฮเลนาควบตำแหน่งผู้คุ้มกันด้วยก็ได้ แต่เอาเข้าจริงแล้วก็คงไม่สามารถปฏิบัติเช่นนั้นกับเฮเลนาผู้เป็นเสมือนชายาเอกได้อยู่ดี
‘อย่างน้อยที่สุดก็ต้องไม่ให้อเลกเซียเป็นคนเลือกชุดเด็ดขาด’ เธอถอนใจ
ทว่าปัญหาในตอนนี้ก็คือคำถามของฟาร์มาส
แม้จะโดนถามสถานที่ที่อยากไป แต่เธอก็ไม่มีที่ไหนเป็นพิเศษ
สถานที่ต่าง ๆ ที่เฮเลนาเคยขี่ม้าไป ปกติแล้วก็มีแต่สมรภูมิหรือไม่ก็มุ่งไปปราบโจรเพื่อรักษาความสงบเท่านั้น ไม่เคยขี่ไปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวมาก่อนเลย
“นั่นสินะคะ……”
“ช่วงฤดูนี้ทิวทัศน์ของภูเขาเทโอร็อกก็น่าชมนะ ได้ยินมาว่าหากผ่านทะลุป่าพาทาจตรงตีนเขา และขึ้นไปถึงชั้นที่ห้าเพื่อมองลงมายังนครหลวง มันจะเป็นทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียว”
“แหม เช่นนั้นหรือคะ”
ภูเขาเทโอร็อกคือภูเขาสูงใหญ่ที่อยู่ใกล้กับนครหลวงที่สุด ยอดเขานั้นสูงถึงขนาดมีหิมะตก และมีคนไม่น้อยไปเยือนเพื่อปีนเขากันทุก ๆ ปี
ได้ยินมาว่าจุดที่ขี่ม้าขึ้นไปได้ก็คือประมาณแค่ชั้นที่ห้าซึ่งมีการทำถนนเอาไว้เท่านั้น หลังจากนั้นจะมีแต่เส้นทางสัตว์ป่า อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมมันโหดร้ายเช่นนั้น ถึงได้มีข่าวลือว่ามีโจรกลุ่มหนึ่งใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้นแทนและสร้างรังกบดานกันอยู่บนยอดเขาด้วย
เธอเองก็ได้เคยไปสำรวจหารังโจรอะไรนั่นใกล้ ๆ ยอดเขาอยู่ครั้งหนึ่งเหมือนกัน บริเวณใกล้ยอดเขานั้นหนาวถึงขนาดที่ว่าแม้จะเป็นกลางฤดูร้อนแต่หากไม่แต่งกายเหมือนอยู่กลางฤดูหนาวก็คงทนไม่ไหวเลยทีเดียว
“หากเป็นภูเขาเทโอร็อกก็คงไปเช้าเย็นกลับได้ แบบนั้นไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ค่ะ ข้าไม่มีปัญหา”
“เช่นนั้นก็จะจัดกำหนดการไปตามนั้นแล้วกัน รอหน่อยสักสาม-สี่วันนะ เราจะสะสางงานเอาไว้ก่อน”
“สำหรับข้าจะเมื่อไรก็ได้ค่ะ ท่านให้ความสำคัญกับงานก่อนเถิด”
“แน่นอน เราเองก็เข้าใจเรื่องนั้นน่า”
ฟาร์มาสยักไหล่ให้กับคำพูดของเฮเลนา
ถึงกระนั้น แม้เธอจะไม่รู้เนื้อหางานของฟาร์มาสโดยละเอียด แต่คนเป็นจักรพรรดิย่อมไม่มีเวลาว่างอยู่แล้ว อันที่จริงการที่เขาเอางานมาทำในวังหลังด้วยก็ทำให้เห็นว่ามีความเป็นคนบ้างานอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
เช่นนั้นแล้ว การไปขี่ม้าท่องเที่ยวทางไกลกับเฮเลนาก็น่าจะเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศสำหรับฟาร์มาสด้วยเหมือนกัน
“จะว่าไปแล้ว……ก่อนหน้านี้เจ้าเคยเล่าว่ากำลังจัดการฝึกฝนให้ ‘สนมฟ้าดารา’ อยู่ด้วยสินะ”
“ค่ะ”
“ตอนนี้ก็ยังทำอยู่งั้นรึ?”
“ค่ะ วันนี้ช่วงเช้าก็มีกำหนดการช่วยฝึกสอนให้มาริเอล ฟรองซัวส์ และคลาริสซาค่ะ”
แม้จะไม่ได้สัญญาอะไรกันไว้เป็นพิเศษ แต่พวกเธอก็ตั้งใจมากันอยู่ทุกวัน ดังนั้นวันนี้ก็คงจะมาเหมือนเคยกระมัง
รู้สึกว่ามาริเอลมีการเคลื่อนไหวที่เฉียบคมขึ้นมากแล้ว แม้จะเพิ่งมีโอกาสฝึกอบรมการใช้อาวุธ—ฝึกใช้กระบองไปไม่มากนัก แต่ก็สัมผัสได้ว่าเธอน่าจะมีพรสวรรค์มากที่สุด หากฝึกฝนต่อไปอีกหน่อยอาจมีฝีมือพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับอัศวินทั่วไปในกองอัศวินหมาป่าเงินเลยก็เป็นได้
คลาริสซา แม้จะมีความตั้งใจพอสมควร แต่ก็มีเป้าหมายชัดเจนว่ามาฝึกเพื่อแก้ปัญหาการออกกำลังกายไม่เพียงพอ ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยฝืนทำอะไรเกินตัว อาจเป็นเพราะแบบนั้นถึงได้มีพัฒนาการที่ช้ากว่ามาริเอลอยู่เล็กน้อย
ส่วนฟรองซัวส์ ก็อยู่ในสภาวะชวนฉงนที่มีความตั้งใจแต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงไม่คืบหน้าเท่าไร เป้าหมายของเธอสูงส่งและชัดเจน แล้วก็ตั้งใจฝึกมากด้วย ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่กลับไม่ค่อยพัฒนาเลย บางครั้งเฮเลนาก็คิดว่าสำหรับฟรองซัวส์ควรให้เริ่มจากการสร้างแรงกายให้มากกว่านี้อาจจะดีกว่าหรือเปล่านะ
พักหลังมานี้เฮเลนาเองก็เริ่มสนุกกับการฝึกทั้งสามคนนั้นขึ้นมาแล้ว
นอกจากนั้น—ยังมีชาร์ลอตเตที่มาร่ำเรียนวิชาแบบครูพักลักจำอยู่ตรงโถงทางเดินตัดผ่านเมื่อวานตอนบ่าย วันนี้เธออาจจะมาอีกก็เป็นได้ แม้เธอจะไม่ได้เข้ามาถามอะไรเฮเลนา แต่ตอนนั้นชาร์ลอตเตก็กำลังมองดู แล้วก็ทำตามเธออยู่อย่างแน่นอน
เมื่อวานมาออกแรงอย่างกะทันหันแบบนั้น วันนี้อาจจะยกแขนไม่ขึ้นไปแล้วก็ได้ ทว่าหากบ่ายวันนี้เธอยังมาอีกก็คงแปลว่าความตั้งใจนั้นเป็นของจริง
“ฮืม……ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เรานึกว่า ‘สนมฟ้าดารา’ จะมองเจ้าเป็นศัตรูอยู่ซะอีกนะ……”
“ข้าเองก็เคยคิดแบบนั้นค่ะ แต่ตอนนี้ดูแล้วก็ไม่รู้สึกว่ามีพิษภัยอะไรนะคะ”
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ หากเจ้าว่าแบบนั้น ‘สนมฟ้าดารา’ ก็คงจะตั้งใจฝึกอยู่จริง ๆ นั่นแหละนะ”
“ค่ะ เท่าที่ดูตอนนี้ก็ไม่รู้สึกว่าเธอมีเบื้องหลังอะไรค่ะ”
ความตั้งใจในการฝึกฝนวิชาของมาริเอลนั้น จะบอกว่าเอาจริงเอาจังที่สุดในบรรดาสามคนเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญก็ดูจะมีพรสวรรค์ที่สุดในสามคนด้วย
แม้พรสวรรค์อาจไม่เหนือไปกว่าพรแสวง แต่หากผู้ที่มีพรสวรรค์ใช้ความเพียรพยายามด้วยแล้ว ฝีมือย่อมพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับผู้ไร้พรสวรรค์
แม้จะรู้สึกสงสารฟรองซัวส์ที่ไม่รู้ว่าทำไมมีตำแหน่ง ‘ผู้มีความสามารถ’ แต่กลับไม่มีพรสวรรค์เอาเสียเลยก็ตามที
“เสด็จแม่น่ะนะ”
“คะ?”
“บอกว่าได้ลองให้เจ้าช่วยฝึกให้น่ะ”
“ช ใช่ค่ะ……”
คงจะพูดถึงช่วงเช้าของเมื่อวานสินะ
เพราะทิฟฟานีดันเริ่มวาดภาพด้วยเหตุผลบางประการเฮเลนาจึงช่วยชี้แนะการฝึกให้แทน แต่นั่นมันก็แค่การทำหน้าที่แทนทิฟฟานีชั่วคราวเท่านั้นเอง
ทว่าฟาร์มาสก็ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
“เสด็จแม่กล่าวชื่นชมน่ะ ว่าการฝึกสอนของเฮเลนานั้นทั้งเข้าใจง่ายและเรียบง่าย ไม่มีความสูญเปล่าเลย อย่างกับเป็นการฝึกของกองทัพเลยล่ะ”
“ก็……นั่นสินะคะ”
โดยพื้นฐานแล้วเธอก็จัดการฝึกอบรมให้โดยมีต้นแบบมาจากการฝึกทหารใหม่
ถึงกระนั้น เธอก็ไม่ได้ทำอะไรไร้เหตุผลอย่างตะโกนด่าทอ เหยียบย่ำศักดิ์ศรี หรือทุบตีผู้กระด้างกระเดื่องเหมือนที่ทำกันในการฝึกทหารใหม่ แม้ตอนที่ฝึกทหารใหม่ในกองทัพเธอจะเคยทำแบบนั้น แต่เธอก็คิดว่ามันไม่ใช่อะไรที่ควรเอามาทำกับคุณหนูบุตรีขุนนางหรอก
แต่เพราะอย่างนั้นก็เลยรู้สึกว่าขาดอะไรไปเล็กน้อยอยู่เหมือนกัน
“ดังนั้นนะ……เสด็จแม่ก็เลยอาจจะขอเรื่องที่เกินไปสักหน่อยน่ะ”
“เกินไป หรือคะ?”
“ใช่ แน่นอนว่าเจ้ามีสิทธิ์ปฏิเสธ ถ้าไม่อยากทำก็บอกปัดไปก็ได้ เสด็จแม่เองก็ไม่น่าฝืนบังคับขนาดนั้นหรอก”
“……จะให้ทำอะไรหรือคะ?”
รู้สึกเหมือนกำลังโดนบอกเรื่องที่น่าหวั่นใจ
เธอกำลังจะโดนสั่งอะไรบางอย่างที่ยากจะทำและยากจะปฏิเสธหรือไงนะ
“อ่า……เสด็จแม่กำลังกังวลน่ะ ว่าหากปล่อยไว้แบบนี้มันจะกลายเป็นความอับอายของผู้สืบเชื้อสายราชวงศ์จักรวรรดิกันเกรฟรึเปล่า……”
“……?”
“ดังนั้น ก็เลย……”
ฟาร์มาสถอนใจเฮือกใหญ่เหมือนกับพูดยาก
จากนั้นก็กล่าวมันออกมา
“บอกว่าอยากให้แองเจลิกา ได้เข้าร่วมการฝึกนั่นด้วย น่ะนะ……”
นั่นก็คือ
บุตรสาวแห่งราชวงศ์ ที่เคยฟาดฝ่ามือใส่เฮเลนาในงานราตรีเมื่อวันก่อน
เมื่อได้รู้ว่าจะมีทหารใหม่ที่ดูมีคุณค่าคู่ควรให้ฝึก เฮเลนาเผลอผุดยิ้มออกมาโดยไม่ตั้งใจ