“ลิลิธ……ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้?”
“พระพันปีเรียกมาน่ะสิ มีธุระเรื่องอื่นอยู่แล้วก็เลยถือโอกาสมาน่ะ”
“หืม……”
ดูท่าว่าก่อนหน้านี้ที่เฮเลนาได้บอกลูเครเซียว่า “คนที่สามารถต่อสู้กับเธอได้อย่างสูสีคือลิลิธผู้เป็นน้องสาว” ลูเครเซียก็เลยลงทุนเชิญมาสินะ ทั้งที่แต่งเข้าเป็นสมาชิกในราชวงศ์ของราชอาณาจักรการ์แลนด์ไปแล้วแท้ ๆ ความคล่องตัวไปไหนมาไหนตามใจนี่มันอะไรกัน
ทว่าเมื่อเห็นท่าทีของเฮเลนา ลิลิธก็ส่ายหน้า
“ข้าแค่ถือโอกาสมาเป็นของแถมจริง ๆ นะ”
“หมายความว่าไงน่ะ?”
“พูดตามตรงก็คือ สามีของข้าคือทูตพิเศษจากการ์แลนด์น่ะ ตอนนี้กำลังยื่นเรื่องขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทจักรพรรดิฟาร์มาสอยู่ ส่วนข้าก็แค่ติดตามมาด้วยเฉย ๆ”
“ไม่เคยได้ยินเรื่องที่สามีมาเป็นทูตพิเศษแล้วภรรยาถือโอกาสติดมาด้วยมาก่อนเลยนะ”
“ช่วยไม่ได้นี่นาพี่สาว ในพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีของจักรพรรดิองค์ก่อนพี่โดนเปิดตัวในฐานะพระชายาเอกใช่ไหมล่ะ? เพราะงั้นก็เลยมีการพูดกันประมาณว่า ‘ถ้าเป็นญาติสนิทของพระชายาเอกก็คงไม่ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไยกระมัง’ น่ะสิ”
“……อย่างนี้นี่เอง”
ถึงจะมีความคาดหวังอยู่หลาย ๆ เรื่อง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ถูกเรียกมาเพราะความเอาแต่ใจของลูเครเซีย
แม้การที่เธอมาที่นี่พร้อมกับลูเครเซียจะแสดงว่าลูเครเซียน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องไม่น้อยแน่ แต่หากลงทุนเรียกมาเพื่อจะให้มาสู้กับเฮเลนาเพียงอย่างเดียวมันก็ชวนให้รู้สึกผิดเกินไป
ทว่า—ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกตื่นเต้นเลือดพล่านขึ้นมาด้วย
ความชำนาญเฉพาะด้านของลิลิธก็คือการต่อสู้มือเปล่า
ตั้งแต่ตอนอายุได้เจ็ดปี เรย์ลาผู้เป็นมารดาก็ได้ยืนยันพรสวรรค์นั้นของเธอจนมั่นใจ ถึงขนาดที่นำไปฝากให้กับแม่ทัพที่เก่งวิชาการต่อสู้มือเปล่าที่สุดในหมู่แปดยอดขุนศึกในเวลานั้นเลยทีเดียว ดังนั้นแม้จะเธอเป็นมือสมัครเล่นโดยสมบูรณ์ในวิชาการต่อสู้ด้วยอาวุธ แต่ในทางกลับกันเธอกลายก็เป็นยอดฝีมืออย่างสุดโต่งในการต่อสู้มือเปล่าไปแล้ว
ถึงขั้นที่ว่า ตอนที่แม่ทัพผู้เป็นอาจารย์บอกให้เธอเข้ากองทัพ เธอกลับปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า “ในกองทัพมันสู้ด้วยมือเปล่าไม่ได้นี่นา” ซะงั้น
ดังนั้นแม้จะไม่มีประสบการณ์ในสมรภูมิเลย แต่ในอีกทางหนึ่งหากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวแล้วล่ะก็ ต่อให้คู่ต่อสู้เป็นผู้ชายเธอก็แทบจะไม่แพ้ใคร
เปรียบเทียบกันแล้ว ฝีมือของเฮเลนานั้นผ่านการขัดเกลาในสมรภูมิมาตั้งแต่อายุสิบห้า
การใช้อาวุธถือเป็นเรื่องธรรมดา และก็ต้องมีเทคนิคที่ใช้ต่อสู้ด้วยมือเปล่าได้ในกรณีที่เสียอาวุธไป และสำคัญที่สุดคือประสบการณ์ซึ่งสั่งสมมาจากการต่อสู้จริงในสนามรบซึ่งกลายเป็นความแข็งแกร่งยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดของเฮเลนา สัมผัสที่หกกับสัมผัสทั้งห้าผ่านการขัดเกลามาจนถึงขนาดที่หลอมรวมกัน วิวัฒนาการสร้างขึ้นเป็น “อาณาเขต” ขึ้นมา
เพราะอย่างนั้น
เฮเลนากับลิลิธจึงสูสีทัดเทียมกัน—
“ซี่โครงไม่เป็นไรนะ?”
“หายแล้วล่ะ”
“งั้นรึ แปลว่าหักได้สวยทีเดียวสินะ”
“อื้อ พี่สาวเองก็เถอะ สภาพร่างกายเต็มร้อยรึเปล่า?”
“ข้าเต็มร้อยเสมออยู่แล้ว”
ลิลิธฉีกยิ้มอย่างห้าวหาญไม่หวั่นเกรง
ส่วนเฮเลนาก็ยิ้มตอบอย่างอาจหาญ
เมื่อเผชิญหน้ากับลิลิธที่กำลังตั้งท่าต่อสู้ เฮเลนาเองก็ตั้งท่าเช่นกัน
ตรงข้ามกับลิลิธซึ่งกำลังแสดงท่าร่างที่ลื่นไหลงดงามและมีพื้นฐานมาจากสายวิชาที่ร่ำเรียนมา เฮเลนานั้นใช้ท่าร่างราวกับสัตว์ร้ายซึ่งผ่านการขัดเกลามาในสมรภูมิ
เพราะมีรูปแบบเทคนิคที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเช่นนี้ การต่อสู้กับลิลิธมันถึงได้ชวนให้ใจตื่นเต้นเหลือเกิน
“ฮ่ะ—!”
ผู้ที่เคลื่อนตัวก่อนคือลิลิธ
เธอร่นระยะเข้ามาราวกับพุ่งทะยาน แล้วก็ปล่อยการโจมตีออกมาหนึ่งดอกอย่างลื่นไหล
การจู่โจมที่เล็งเข้าใส่ใบหน้าอย่างไม่ต้องสงสัยนั้น เฮเลนาก็เพียงแค่เอี้ยวคอหลบหลีกมันไป
ทว่าการโจมตีนั้นก็เป็นเพียงตัวหลอกล่อ
แม้มันจะจั่วลม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ท่าร่างของลิลิธเสียสมดุลไป—
“ฮ่าห์!”
“คึ…!”
การจู่โจมที่แท้จริงตามมาหลังจากนั้น
จากการโจมตีหลอกล่อ นำไปสู่การบิดตัวเพื่อสะสมพลังเหมือนสปริง และกลายเป็นกระบวนท่าจู่โจมอันรวดเร็วจากด้านขวา
สำหรับลิลิธซึ่งมีความเร็วเหนือกว่าเฮเลนานั้น หากไม่ใช่การโจมตีซึ่งใส่น้ำหนักทั้งตัวลงไปเธอย่อมไม่สามารถทำให้เฮเลนาสะทกสะท้านได้
ดังนั้น หมัดนี้จึงเป็นหมัดที่ลิลิธใช้แรงเต็มที่
ฝ่ายเฮเลนาเมื่อเจอกับการโจมตีนั้น เธอก็ได้ฝืนใช้กำลังบังคับปัดมันให้ตกลงไป
สัมผัสทั้งห้าอันเหนือล้ำกับสัมผัสที่หกซึ่งขัดเกลามาอย่างดีช่วยบอกอย่างแม่นยำว่าการโจมตีจะเข้ามาจากทางไหน และที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมดเฮเลนากับลิลิธนั้น สมัยก่อนเคยแลกหมัดกันมานับครั้งไม่ถ้วน และในปัจจุบันนี้ก็ยังแลกเปลี่ยนฝีมือกันอยู่ปีละครั้ง
ดังนั้นไม่ว่าจะนิสัยหรือกระแสในการโจมตีของเธอ เฮเลนาก็ย่อมสามารถคาดการณ์ได้
จากนั้น เมื่อลิลิธถูกปัดการโจมตีจนเสียกระบวนท่าไป คราวนี้เฮเลนาก็เป็นฝ่ายจู่โจมบ้าง
กำปั้นซ้ายของเฮเลนาซึ่งอยู่นอกกระแสสำนึกของลิลิธ ได้ถูกซัดเข้าไปทั้งแบบนั้น
ทว่า
ลิลิธก็แลบลิ้นเล็กน้อย แล้วหลบกำปั้นของเฮเลนาไปได้แบบฉิวเฉียด
เพราะการโจมตีซึ่งเล็งเข้าใส่ขมับได้พลาดเป้าไป คราวนี้จึงถึงคราวเฮเลนาเสียกระบวนท่าบ้าง
“ฮ่า—!”
และแล้ว—การโจมตีฝ่ายเดียวโดยลิลิธก็ได้เริ่มขึ้น
มันคือการโจมตีคอมโบต่อเนื่องด้วยการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล ซึ่งเกิดมาจากการฝึกฝนจนเข้าถึงแก่นว่าขยับร่างกายเช่นไรจึงจะได้ผลดีที่สุด การโจมตีแต่ละดอกราวกับเข็มทิ่มแทงที่มาเป็นพายุ ซัดเข้าใส่เฮเลนา
สำหรับระยะห่างนั้น ตอนนี้อยู่ในระยะโจมตีของลิลิธ
ซึ่งใกล้เข้ามาอีกครึ่งก้าว เมื่อเทียบกับระยะซึ่งเฮเลนาจะใช้พละกำลังของตนเองได้อย่างเต็มร้อย
เฮเลนาหลีกเลี่ยงการโจมตีเป็นชุดอย่างสุดความสามารถ ส่วนที่หลบไม่พ้นก็ปัดป้อง ส่วนที่โจมตีใส่แรงโดยตรง ก็หลบ
การโมตีของลิลิธนั้น แม้จะมีความเร็วแต่ในทางกลับกันก็เบา
ทว่าต่อให้เป็นการโจมตีที่เบาเช่นนั้น หากรับเข้าไปโดยไร้การป้องกันก็จะเกิดความเสียหายไม่น้อยทีเดียว
“อะฮะ ๆๆๆๆๆๆ!”
ลิลิธหัวเราะพลางจู่โจมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเฮเลนาก็ตั้งหน้าตั้งหน้าอดทนรับ
เธอพยายามเบี่ยงสมาธิออกจากความเจ็บปวดที่เริ่มจะสั่งสมขึ้นในแขนของตน และลอบสังเกตหาโอกาส
สัตว์ร้ายนั้น—จะไม่ปล่อยให้โอกาสชั่วพริบตาหลุดมือไปเด็ดขาด
“ฮ่า!”
“ขึ่ก!?”
การโจมตีหนึ่งครั้งของเฮเลนาที่เล็งใส่ช่องโหว่ในการโจมตีต่อเนื่อง ได้แฉลบเส้นผมของลิลิธ
แม้มันจะแค่แฉลบโดนเส้นผมไปกระจุกหนึ่ง แต่ก็มากพอที่จะเบี่ยงเบนความสนใจแล้ว
ในช่องว่างชั่วขณะนั้น เฮเลนาก็ได้เดินถอยหลังครึ่งก้าว พร้อมกับบิดเอว ซัดการจู่โจมเข้าไป—
หมัดขวาของเฮเลนา กระแทกเข้ากับไหล่ของลิลิธ
แม้อันที่จริงเธอจะเล็งใบหน้าไว้ แต่ลิลิธก็ได้คาดการณ์เรื่องนั้นและใช้หัวไหล่ปัดป้องแทน
กล้ามเนื้อไหล่ที่แม้จะเพรียวบางแต่ก็ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีของลิลิธได้ป้องกันการโจมตีที่ชี้เป็นชี้ตายเอาไว้ได้ ทว่าต่อจากนี้จะเป็นทีของเฮเลนาบ้างแล้ว
“โอ้ววววว!”
“อะฮะ ๆ!”
เฮเลนาปลดปล่อยการโจมตีต่อเนื่องอันลื่นไหล ราวกับสัตว์ป่าดุร้าย
มันไม่ใช่การโจมตีเป็นชุดที่มาจากการคิดคำนึงถึงการขยับร่างกายอย่างดีที่สุดเหมือนลิลิธ แต่เป็นการโจมตีต่อเนื่องที่มาจากสัญชาติญาณดิบล้วน ๆ
ทว่า—เพราะสไตล์การโจมตีนั้นเป็นอนัตตา มันจึงไม่สามารถถูกอ่านทางได้
ลิลิธหัวเราะพลางรับมือการโจมตีเป็นชุดนั้นด้วยการหลบหลีก ปัดป้อง และในบางครั้งก็ป้องกัน
และก็ยังเพ่งเล็งช่องโหว่ ปล่อยการโจมตีสกัดกั้นใส่เฮเลนาเป็นครั้งคราว
สองพี่น้องเข้าปะทะกัน ราวกับว่าได้นัดหมายกันมาก่อนแล้ว
การต่อสู้นั้น—เป็นศึกตะลุมบอนราวกับพายุซัดที่หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงโดนอัดจนหมอบราบในไม่กี่ชั่วอึดใจ
“ส สุดยอด……!”
“อ เอ๋—……”
“ท ท่านพี่หญิง วิเศษไปเลยค่ะ……!”
ได้ยินเสียงฟรองซัวส์ คลาริสซา มาริเอลพากันอุทานชื่นชม
ทว่าสายตาของเฮเลนานั้นยังคงจดจ่อไปที่ลิลิธไม่หนีไปไหน เพราะหากเผลอประมาทแม้พริบตาเดียว สภาพการณ์มันอาจเปลี่ยนไปในพริบตาเลยก็ได้
การที่จะเอาชัยจากลิลิธ ซึ่งสามารถหลบหลีกการโจมตีของเฮเลนาได้อย่างลื่นไหลนั้น
สิ่งที่จำเป็นก็คือการโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่มีขาดตอน ไม่มีแม้กระทั่งเวลาให้หลบหลีกนั่นเอง
“คึ—!”
“โอ้ววววว!”
หนึ่งการโจมตี ซึ่งเป็นหมัดที่โจมตีเพื่อสกัดกั้น ได้เฉี่ยวเข้าแก้มของลิลิธ
ซึ่งนั่นก็มากพอที่จะเกิดเป็นช่องว่าง และในชั่วอึดใจนั้นเฮเลนาก็ได้บิดเอว ซัดการโจมตีแบบเต็มแรงออกไป
ลิลิธที่เผยให้เห็นช่องโหว่แล้ว ย่อมไม่สามารถทั้งป้องกันหรือหลบเลี่ยง มีแต่ต้องรับหมัดนี้เข้าไปเท่านั้น
และแล้ว—จุดที่หมัดนั้นได้แทงเข้าไป ก็คือลิ้นปี่ของลิลิธ
“อั่ ก—!”
ลิลิธลมหายใจขาดห้วงและถูกซัดกระเด็นไป
แม้เธอจะสามารถตั้งตัวเพื่อไม่ให้ศีรษะกระแทกได้ แต่ก็ยังล้มลงนอนแผ่หลาอยู่ดี
“ฮ่า……”
“คึ……สมกับเป็นพี่สาวเลยนะ”
“หึ……ข้าไม่แพ้ง่าย ๆ แบบนั้นหรอกนะ”
“ชิ……อุตส่าห์นึกว่าอยู่วังหลังจะฝีมือตกไปนิดหน่อยซะอีก”
เฮเลนายื่นมือขวาให้ และลิลิธเองก็ใช้มือขวาคว้ามันไว้เช่นกัน
ดูเหมือนว่าโดนซัดเข้าไปที่ลิ้นปี่เต็ม ๆ แบบนั้นลิลิธเองก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
ลิลิธผ่อนลมหายใจ ‘เฮ้อ’ จากนั้นก็ค่อยลุกขึ้น
“ปัญหาของลิลิธก็คือความอึดล่ะนะ ช่วงครึ่งหลังการเคลื่อนไหวมันทื่อลงไปนะ”
“ความอึดของพี่สาวมันไร้ก้นบึ้งเกินไปต่างหากล่ะ”
“พูดตามตรงซี่โครงเจ้าก็ยังไม่หายดีใช่ไหมล่ะ ทำท่าบังซะขนาดนั้นจะเกิดช่องโหว่ก็ไม่แปลกหรอก”
“อุ๊ยแหม……ความแตกซะแล้วเหรอ?”
“ชัดเลยล่ะ เคลื่อนไหวได้แค่แปดส่วนของปกติเองไม่ใช่รึไงกัน”
“อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะสู้โดยที่ไม่สนใจแล้วแท้ ๆ นะ”
ลิลิธยักไหล่และลูบอกเล็กน้อย
ซี่โครงของเธอที่บาดเจ็บไปเมื่อคราวก่อนยังไม่หายดี เอาจริง ๆ แล้วมันก็ยังผ่านไปไม่ถึงสิบวันเลยด้วยซ้ำ เป็นธรรมดาที่จะยังไม่หายดีนั่นแหละ
ทว่า เมื่อได้ฟังบทสนทนาเช่นนั้นของสองพี่น้อง
“……ยิ่งกว่าที่คิดอีกนะจ๊ะเนี่ย”
“ท่านลูเครเซียคะ อย่าเอาท่านเฮเลนาไปเทียบกับมาตรฐานปกติเลยค่ะ”
“ทำไมผู้มีความสามารถแบบนั้นถึงได้ไปแต่งเข้าประเทศอื่นได้น่ะ……”
เฮเลนากับลิลิธ
ลูเครเซียที่ตัวสั่นอยู่กับทิฟฟานี พลางมองดูการต่อสู้ของทั้งสอง
“……จะไปบอกให้ฟาร์มาสญาติดีกับราชอาณาจักรการ์แลนด์เข้าไว้ก็แล้วกันนะ”
“นั่นน่าจะเป็นความคิดที่ดีค่ะ”
และสุดท้าย
“……เฮ้อ”
ก็คืออเลกเซีย ที่แน่นอนว่ากำลังยืนมองสถานการณ์เช่นนั้นในสวนระหว่างอาคารด้วยสายตาที่ไร้ชีวิตชีวาเหมือนคนตายอยู่นั่นเอง