“……ฮืม”
กลางคืน
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เฮเลนาจะได้เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟาร์มาสที่มาเยือนห้องของเธอฟัง
อนึ่ง เกรเดียที่มาพร้อมกับฟาร์มาสได้ทำท่าทางผิดหวังเล็ก ๆ ที่เห็นเฮเลนาแต่งกายเหมือนปกติแล้ว
เจ้าตัวอาจคิดว่าเก็บอาการไว้ได้อยู่ แต่ลองเห็นเฮเลนาปุ๊บก็ถอนหายใจออกมาปั๊บแบบนั้น จะให้ไม่รู้ก็คงเป็นไปไม่ได้อ่ะ
และแล้ว เมื่อเธออยู่กันสองต่อสองกับฟาร์มาส เฮเลนาก็ได้รายงานเรื่องเมื่อกลางวัน—เรื่องเกี่ยวกับชาร์ลอตเตไปอย่างคร่าว ๆ
ฟาร์มาสเองก็รู้เรื่องที่เธอตั้งใจจะจัดบู้ทแคมป์ให้แองเจลิกาอยู่แล้ว ดังนั้นเฮเลนาก็แค่รายงานไปว่าจะให้ชาร์ลอตเตมาเข้าร่วมการฝึกนั้นด้วยเท่านั้นเอง
ทว่า ฟาร์มาสกลับทำคิ้วขมวด
“ฟังดูประหลาดมากทีเดียวนะ”
“งั้นหรือคะ?”
“ใช่ แต่เดิมทีลูกสาวของเอียนสเวิร์ธไม่เคยร่ำเรียนการต่อสู้มาก่อนแม้แต่น้อย คงไม่เคยคิดจะสนใจเลยด้วยซ้ำกระมัง แล้วจู่ ๆ กลับมาขอเข้าเป็นศิษย์ของเฮเลนาด้วยตนเองเช่นนี้ คิดอย่างไรมันก็ประหลาดมาก”
“อ่า……”
ไอ้ที่ว่าไม่เคยร่ำเรียนมาก่อนนั้น แน่นอนว่าเฮเลนาก็รู้อยู่แล้ว
แต่ว่าการมาฝากตัวเป็นศิษย์กับเฮเลนาเนี่ยมันน่าประหลาดใจขนาดนั้นเลยหรือ
‘ไม่มั้ง’ แม้จะลองคิดดูแต่เฮเลนาก็ไม่เข้าใจสักนิด
“แต่ว่า……น้ำชาที่สาวใช้นามเอสเทลผู้นั้นชงมาให้ ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
“ไม่มีการใส่ของที่เป็นพิษเข้าไปค่ะ แล้วไม่ได้มีการเคลื่อนไหวแปลก ๆ ด้วยเช่นกัน”
“งั้นรึ ถ้าเจ้าว่าเช่นนั้นก็คงไม่ผิดล่ะนะ”
เธอได้ดื่มน้ำชานั่นเข้าไปแล้วจริง ๆ แต่สภาพร่างกายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ชงชาก็ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ผิดสังเกตใด ๆ นอกจากนั้นมันยังเป็นการดื่มชาที่มาจากกาถ้วยเดียวกันกับชาร์ลอตเตและมาริเอลด้วย หากมีการผสมพิษลงไปในนั้นก็คงต้องมีอาการที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นกับทั้งสามคน
‘ฮืม’ ฟาร์มาสกอดอกพลางใช้ความคิด
“เอาเถอะ ตอนนี้ก็คงทำได้แค่ดูสถานการณ์ไปก่อนล่ะนะ”
“นั่นสินะคะ”
“ถ้ามีอะไรผิดสังเกตก็ช่วยรายงานอีกครั้งด้วยล่ะ เรื่องวังหลังน่ะเราขอฝากไว้กับเจ้านะ”
“ขอบพระคุณค่ะ”
ถ้าให้พูดจากใจจริง ตอนนี้ก็กำลังคิดว่า ‘เอามาฝากไว้แล้วจะให้ทำอะไรเล่า’
แต่เมื่อฟาร์มาสให้ความไว้วางใจจนกล่าวฝากฝังกับเฮเลนาเช่นนี้ ก็แปลว่าการกระทำของเธอไม่ได้ผิดพลาดสินะ
แปลว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้เธอก็แค่จัดการฝึกไปตามเดิมก็พอนั่นเอง
“ว่าแต่……อืม นี่เราคงคิดมากเกินไปสินะ”
“มีอะไรงั้นหรือคะ?”
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไรมาก ก็แค่คิดว่าเราอาจระแวงมากเกินไปก็ได้น่ะ ขนาดเจ้ายังทำตัวตามปกติได้เลยแท้ ๆ แบบนี้ก็เหมือนมีแต่เราที่เอาแต่วิตกกังวลเกินเหตุอยู่ได้”
‘หึ ๆ’ ฟาร์มาสยิ้มอย่างตำหนิตัวเองพลางซดสุราเข้าปาก
ไม่รู้ว่าเมื่อไรกันหนอที่จักรพรรดิหนุ่มผู้นี้จะรู้สึกตัวเสียที ว่าอันที่จริงมันเป็นเพราะเฮเลนาไม่ได้คิดอะไรอยู่เลยต่างหาก
“อ่า จริงสิ”
ตอนนั้นเอง ฟาร์มาสก็พูดขึ้นมาเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก
“เรื่องการไปขี่ม้าท่องเที่ยวน่ะ”
“ค่ะ”
“มะรืนนี้เราน่าจะพอหาเวลาว่างได้หนึ่งวัน ออกจะกะทันหันไปหน่อย แต่เอาเป็นมะรืนนี้ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ค่ะ อย่างไรข้าก็เป็นผู้ที่อยู่ในวังหลัง ย่อมปรับตามความสะดวกของท่านฟาร์มาสได้อยู่แล้วค่ะ”
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นเราจะมารับมะรืนนี้ตอนเช้าแล้วกัน”
“รับทราบค่ะ”
‘อืม ๆ’ ฟาร์มาสพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
บางทีอาจเป็นเพราะเขาใช้ชีวิตแต่ละวันในราชสำนักที่เต็มไปด้วยแผนการร้ายของเหล่ากังฉิน ก็เลยมีความเหนื่อยสะสมอยู่ สำหรับฟาร์มาสแล้วการไปขี่ม้าท่องเที่ยวทางไกลครั้งนี้ก็อาจเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดีเหมือนกันกระมัง
ฟาร์มาสกระดกสุรา แล้วเฮเลนาก็รินสุราเติมลงไปในแก้วที่ว่างเปล่าลง
และก็เช่นเคยที่เฮเลนาได้สาบานว่าจะไม่ดื่มสุราต่อหน้าฟาร์มาสอีกเด็ดขาด ของเธอก็เลยเป็นน้ำชา
“ทิวทัศน์จากภูเขาเทโอร็อกก็ยอดเยี่ยม แต่ดูเหมือนข้างในป่าพาทาจจะมีทุ่งดอกไม้ที่กว้างใหญ่มากอยู่ด้วยล่ะ”
“เช่นนั้นหรือคะ?”
“เราให้องครักษ์ไปดูลาดเลามานิดหน่อยน่ะ บอกว่าให้ช่วยเลือกสถานที่ที่น่าจะเหมาะมาให้ที”
“แหม……นั่นต้องขอบพระคุณด้วยจริง ๆ ค่ะ”
ถึงเธอจะไม่ได้สนใจทุ่งดอกไม้สักนิดเดียว แต่ก็กล่าวขอบคุณไปก่อน
แม้ผู้ที่ชวนไปขี่ม้าท่องเที่ยวจะเป็นฟาร์มาส แต่บางทีเฮเลนาเองก็ควรต้องพยายามอะไรบ้างเพื่อให้ฟาร์มาสได้สนุกเช่นกันสินะ
อย่างเช่น พอไปถึงทุ่งดอกไม้ก็เด็ดดอกไม้มาทำมงกุฎดอกไม้
หรือไม่ก็ทำตัวแบบ ‘ฮุ ๆๆ มาจับให้ได้สิคะ’ พลางวิ่งไปตามทุ่งดอกไม้
“……”
จินตนาการได้ถึงแค่นั้นก็ได้ข้อสรุปว่ามันไม่เหมาะกับตนเองอย่างแรง แล้วก็หดหู่ใจนิด ๆ
ถ้างั้นต้องทำอะไรดีถึงจะทำให้ฟาร์มาสดีใจได้นะ
ไว้พรุ่งนี้เธอลองไปถามอเลกเซียดูน่าจะดี
“มีอะไรรึ?”
“อะ ม ไม่มีอะไรค่ะ”
“งั้นรึ แต่ว่าเราน่ะรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กเลยล่ะ อยากจะไปเร็ว ๆ จนทนไม่ไหวแล้ว”
“ข้าเองก็ตั้งตารออยู่เช่นกันค่ะ”
เฮเลนาเองก็พยักหน้ารับคำของฟาร์มาส
แม้การไปกับฟาร์มาสมันจะทำให้รู้สึกเกร็งนิดหน่อย แต่ถ้านับเฉพาะการไปขี่ม้าท่องเที่ยว เธอเองก็ตั้งตารอมันอยู่เหมือนกัน สถานที่ที่ชื่อว่าวังหลังซึ่งไปไหนไม่ได้นอกจากห้องของตัวเองกับสวนระหว่างอาคารนี่มันออกจะคับแคบเกินไป
ใจจริงแล้ว นาน ๆ ทีเธอก็อยากจะไปยืดเส้นยืดสายในสถานที่กว้าง ๆ บ้าง
“จะว่าไป ที่จะออกไปท่องเที่ยวกันมีแค่ท่านฟาร์มาสกับท่านเกรเดียหรือคะ?”
“……หือ? อืม ตอนนี้ก็กำหนดไว้ตามนั้นแหละ มีคนอื่นที่อยากจะชวนไปด้วยงั้นรึ?”
“เปล่าค่ะ……ไม่ใช่แบบนั้น”
เอาเถอะ แค่มีเกรเดียกับเฮเลนาอยู่ก็คงสามารถรับมือศัตรูได้ส่วนใหญ่แล้ว
แม้จะถูกจู่โจมตอนที่ไปข้างนอกก็คงไม่มีปัญหาอะไร
ทว่า
“……คือว่า ท่านฟาร์มาสคะ”
“มีอะไรรึ?”
“นี่อาจจะดูเป็นการกล่าวอะไรที่เอาแต่ใจตนเองไปเสียหน่อยจึงต้องขออภัยด้วยนะคะ แต่ว่า……”
หากมีเรื่องคับขันขึ้นมา เธอก็เตรียมใจที่สละชีวิตตนเองเป็นโล่ให้ฟาร์มาสอยู่แล้ว
แต่ทว่าจะให้เป็นแค่โล่อย่างเดียวมันก็ไม่ได้
“การเอาแต่ใจของเจ้ารึ เมื่อนี่เป็นคำขอของเจ้าที่ไม่เคยเอ่ยปากขออะไรเลยมาจนถึงตอนนี้ ถ้าทำได้เราก็จะทำให้มันเป็นจริงเอง”
“ขอบพระคุณค่ะ เช่นนั้น……ข้าคิดว่าอยากจะขอดาบสักหนึ่งเล่มค่ะ”
“……ดาบอีกแล้ว?”
สิ่งที่เฮเลนาทำได้ก็มีแค่การต่อสู้
และเมื่อออกไปขี่ม้าท่องเที่ยว อยู่ในสถานการณ์ที่มีแค่เกรเดียเท่านั้นที่เป็นผู้คุ้มกัน มันอาจเป็นการเผยโอกาสให้ศัตรูเห็นได้อย่างง่ายดาย
ในสถานการณ์เช่นนั้น จะให้เฮเลนาสู้ด้วยมือเปล่าอย่างเดียวเห็นทีจะไม่ได้
“ไม่ใช่เอาเข้ามาในวังหลังค่ะ ในตอนที่ไปขี่ม้าท่องเที่ยว ข้าคิดว่าอยากจะพกดาบยาวที่ใช้งานง่ายสักเล่มไปด้วยน่ะค่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง อ่า ก็จริงว่าหากเจ้าติดอาวุธด้วยก็ไม่มีความจำเป็นต้องคุ้มกันสินะ”
“อันที่จริงดาบใหญ่ที่พระราชทานมาให้ก็ดีอยู่ค่ะ……แต่ว่าหากจะนำดาบเล่มนั้นไปขี่ม้าก็คงต้องใช้ม้าศึกที่มีกำลังมากทีเดียว”
“นั่นสินะ หากมีเหตุผลเช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก จะจัดเตรียมไว้ให้”
“ขอบพระคุณค่ะ”
เท่านี้หากมีเรื่องคับขันขึ้นมาก็วางใจได้แล้ว
เฮเลนาลูบอกอย่างโล่งใจ ขอแค่มีดาบยาวสักเล่ม ต่อให้ศัตรูมากันร้อยคนเธอก็คงสามารถสู้ไปพลางปกป้องฟาร์มาสไปได้
“แต่ว่าเจ้าเนี่ยไม่มีความอยากบ้างเลยนะ”
“คะ?”
“พอถามว่าอยากจะได้อะไรหรือไม่ ก็ตอบว่าดาบ พออนุญาตให้พูดเรื่องเอาแต่ใจ ก็ยังบอกว่าดาบอีก เจ้าจะขอเรื่องที่มันเห็นแก่ตัวกว่านี้หน่อยก็ได้นะ”
“……ไม่หรอกค่ะ แม้ท่านจะกล่าวเช่นนั้น……”
แทนที่จะเรียกว่าไม่มีความอยาก น่าจะเรียกว่าไม่ได้อยากได้อะไรนอกจากนั้นมากกว่า
โดยพื้นฐานแล้วนอกจากการฝึกเฮเลนาก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย ต่อให้ได้เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับมาเธอก็ไม่มีความสนใจสักนิด
ทว่า—
“เช่นนั้น ขออนุญาตกล่าวสิ่งที่อยากได้จะได้ไหมคะ?”
“โฮ่ มีงั้นรึ?”
“ใช่ค่ะ……เพียงแต่ข้าคิดว่ามันมีราคามาก จึงรู้สึกว่าไม่ควรบอกกับท่านฟาร์มาสเท่านั้นเอง”
“อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ มีงบประมาณที่ความจริงเคยจะต้องไปเข้ากระเป๋าเจ้าโง่โนลด์ลุนด์ แต่เราอ้างว่าจะเอามาเป็นงบดูแลจัดการวังหลัง เลยสามารถใช้ได้อย่างอิสระอยู่ อยากจะได้อะไรเล่า?”
“แหม……เช่นนั้นก็”
จะดีจริง ๆ น่ะรึ
แม้จะคิดแบบนั้นไปพลาง แต่เธอก็ลองพูดมันออกไป
สิ่งที่เธอคิดอยู่เสมอว่าหากเป็นไปได้ก็อยากจะได้มา—
“อยากจะให้อุปกรณ์มันครบครันขึ้นอีกสักนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“หืม?”
“การจะฝึกกล้ามเนื้อแขนนั้น แค่วิดพื้นอย่างเดียวยังไม่พอแต่จำเป็นต้องมีการฝึกแบกรับน้ำหนักอย่างเช่นการใช้ดัมเบลด้วยค่ะ ยิ่งถ้ามีม้านั่งออกกำลังกายสักตัวก็จะสามารถฝึกได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น และหากมีบาร์เบลก็จะสามารถใช้เป็นมาตรฐานในการวัดกำลังแขนได้ แล้วก็คิดว่าอยากจะฝึกแรงบีบด้วยแฮนด์กริปเปอร์อยู่ด้วยเหมือนกันค่ะ……อ้อ อีกอย่างก็กำลังอยากฝึกวิ่งอยู่ด้วย ถ้าเป็นไปได้อยากให้มีคอร์สที่วิ่งจากสวนระหว่างอาคารวนอ้อมรอบวังหลังได้จะดีที่สุดค่ะ แล้วก็ถ้าเป็นไปได้ช่วยสร้างฐานไต่เชือกในสวนระหว่างอาคาร”
“………………”
“……คือว่า เป็นอย่างไรบ้างคะ?”
เธอคิดมาตลอดว่าอยากจะให้อุปกรณ์การฝึกมันครบครันมากกว่านี้
ถ้ามีห้องสักห้องที่ไม่ว่าใครก็สามารถมาฝึกเมื่อไหร่ก็ได้ล่ะก็ ทุกคนอาจจะมีกำลังใจอยากฝึกกันมากขึ้นก็เป็นได้
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธอก็ไม่ได้วิ่งเลย
การวิ่งทุกวันตอนเช้ากับตอนค่ำเคยเป็นกิจวัตรประจำวันของเฮเลนา การทำเช่นนั้นทั้งทำให้มีความอึดเพิ่มขึ้นแล้วก็ทำให้กล้ามเนื้อมีความเพรียวบางอีกด้วย หากมีคอร์สที่วิ่งวนรอบวังหลังได้การฝึกอบรมของพวกฟรองซัวส์ก็จะครบสมบูรณ์มากขึ้นเช่นกัน
“……งั้นรึ”
“ถ้าเป็นไปไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรนะคะ”
“เปล่าหรอก……เอาเถอะ เจ้าเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้วนี่นะ”
‘เฮ้อ’ ฟาร์มาสถอนหายใจเฮือกใหญ่
ส่วนเฮเลนาผู้ไม่เข้าใจสาเหตุในการถอนหายใจของฟาร์มาสก็ได้แต่เอียงศีรษะอย่างฉงนใจ