(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 15 รสนิยมของบุตรีมาร์ควิส

งานเลี้ยงน้ำชาที่จะจัดขึ้นในตอนบ่าย

แค่นึกถึงก็หดหู่แล้ว แต่ตราบเท่าที่เฮเลนายังอยู่ในวังหลังมันก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอได้ลองถามอเลกเซียดูว่าพอจะมีวิธีปฏิเสธไปแบบอ้อม ๆ บ้างไหม แต่ก็โดนดุกลับมาว่าอย่าทำแบบนั้นจะดีกว่า

เฮเลนาก็ไม่ค่อยเข้าใจละเอียดนักแต่ดูเหมือนว่ายังไงก็ต้องไปเข้าร่วมให้ได้ แล้วถ้าเกิดมันเป็นแบบที่อเลกเซียเล่าให้ฟัง ถ้าเฮเลนาถูกทำเหมือนไม่มีตัวตนในขณะที่ทุกคนคุยกันอย่างสนุกสนานล่ะ เฮเลนาควรจะทำยังไงดี

ถ้าจวนตัวจริง ๆ จะบอกไปว่า “ไม่ต้องสนใจข้าหรอก” แล้วก็ไปวิดพื้นอยู่ตรงมุมห้องได้รึเปล่านะ

ไม่สิ

ตอนนี้มีปัญหาที่สำคัญกว่านั้น

 

“……จะทำอะไรจนถึงตอนบ่ายดี”

 

นั่นก็คือความเบื่อหน่ายที่กำลังเผชิญในปัจจุบัน

สิ่งที่เรียกว่าวังหลัง โดยฟังก์ชันแล้วมันมีตัวตนอยู่เพื่อกิจกรรมยามค่ำคืนของจักรพรรดิเท่านั้น จึงเป็นที่แน่นอนว่าช่วงกลางวันเลยไม่มีอะไรให้ทำ

ไอ้การที่เอาสาวสวยหลายสิบคนมารวมกันอยู่ในสถานที่แบบนั้นเฉย ๆ ก็รู้สึกว่าเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินโดยเปล่าประโยชน์เหมือนกัน แต่เท่าที่ดูจากท่าทางของฟาร์มาสเมื่อคืนเขาคงจะคิดมาดีแล้วล่ะมั้ง

ที่สำคัญ สำหรับเฮเลนาผู้มีหัวสมองไม่เหมาะกับการใช้ความคิดแล้ว การใช้ความคิดพลางฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ ก็ไม่มีอยู่ในตัวเลือก

 

“ถ้างั้นไปเดินเล่นในสวนเป็นไงคะ ท่านเฮเลนา”

 

“สวน?”

 

“ค่ะ สวนของวังหลังมีดอกไม้หลากสีสันบานสะพรั่งอยู่ โดยเฉพาะฤดูกาลนี้ก็กำลังบานสวยที่สุดเลยค่ะ น่าสนใจหรือเปล่าคะ?”

 

ดอกไม้งั้นเหรอ

เฮเลนาไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษกับดอกไม้อยู่แล้ว เวลาเห็นต้นไม้ก็จะสนใจแค่ว่ามันเอามาเป็นเสบียงได้ไหมเท่านั้น

แต่ว่าปกติแล้วบุตรีขุนนางเนี่ย ควรจะมองดอกไม้พลางหัวเราะเบิกบาน ‘อุฮุฮุ’ กันสินะ เฮเลนาลองนึกภาพตัวเองในแบบนั้นดู แล้วก็ขนลุกซู่ ไม่เหมาะกับเราแน่ ๆ

 

“……ก็ไม่รู้สึกว่าสนใจเป็นพิเศษนะ”

 

“งั้นหรือคะ? ถ้างั้น ข้าพอจะมีหนังสืออยู่บ้าง”

 

“หนังสืองั้นรึ……”

 

แม้เฮเลนาจะมาจากตระกูลขุนนาง ทว่าก็แทบไม่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูในฐานะขุนนางมาเลย แรกเริ่มเดิมทีตระกูลเรลโนตก็ไม่ได้ใช้สตรีเป็นเครื่องมือในทางการเมืองอยู่แล้ว และให้ความสำคัญกับอิสระส่วนตัวอยู่มาก

ดังนั้นสำหรับเฮเลนาที่เอาแต่สนุกกับการได้ขยับร่างกายมาตั้งแต่เด็ก มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อยู่แล้วที่เธอจะต้องเข้าร่วมกองทัพ

และในองค์กรที่ชื่อว่ากองทัพ สิ่งที่เป็นที่ต้องการยิ่งกว่าการศึกษาก็คือประสบการณ์ต่อสู้จริง ยิ่งได้สั่งสมประสบการณ์มามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดีได้มากขึ้นเท่านั้น

ในสถานที่แบบนั้น ย่อมไม่มีสิ่งที่เรียกว่าหนังสือเข้ามาเกี่ยวข้อง

หรือกล่าวโดยรวบรัดก็คือ เธอไม่ชอบการอ่านเขียนอ่ะ

 

“ข้าไม่ค่อยชอบหนังสือน่ะ”

 

“ถ้างั้น……ให้ชงชาไหมคะ?”

 

“ตั้งแต่เช้ามาก็ดื่มไปไม่รู้กี่ถ้วยแล้ว……พูดตามตรงก็ไม่ค่อยอยากได้นะ”

 

หากไม่มีอะไรทำก็ได้แต่ดื่มชา

ดังนั้นเฮเลนาเลยเอาแต่ดื่มชามาตั้งแต่เช้าแล้ว และในเมื่อตอนบ่ายมีงานเลี้ยงน้ำชาจึงไม่สามารถดื่มสุราได้ด้วยเช่นกัน

 

“……ถ้างั้น ปักร้อยเย็บผ้าเป็นอย่างไรคะ?”

 

“เรื่องการเย็บการปักข้าไม่ถนัดหรอก มือมันทำงานละเอียดไม่ได้น่ะ”

 

“ถ้างั้นก็ถักไหมพรม”

 

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ถนัดงานละเอียด อะไรที่มันนั่งแทงจึ้ก ๆ อยู่ในมือเนี่ยไม่ไหวหรอก”

 

“แล้วท่องบทกวีกลอนหรืออะไรทำนองนั้นล่ะคะ?”

 

“ไม่เข้าใจว่าบทกวีมันสนุกตรงไหนน่ะ ขนาดเขียนหนังสือสักตัวยังไม่อยากเลย”

 

“งั้นก็วาดภาพ……”

 

“มีคนบอกว่าเวลาข้าวาดแล้วรูปร่างมันไม่เป็นมนุษย์น่ะ”

 

……

อันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่เอา เฮเลนาเขี่ยข้อเสนอของอเลกเซียทิ้งไปจนหมด

อ่านหนังสือ เย็บผ้า ถักไหมพรม ท่องกลอน วาดเขียน—งานอดิเรกของบุตรีขุนนางส่วนใหญ่แล้วก็มีเท่านี้ โดยทั่วไปแล้วบุตรีขุนนางจะชอบงานอดิเรกที่ทำอยู่ในห้องได้

ทว่าเฮเลนากลับทำเรื่องเหล่านั้นไม่ได้เลยสักอย่างเดียว

 

“……เอ่อ ท่านเฮเลนาคะ”

 

 

“หืม?”

 

“งานอดิเรกของท่านเฮเลนาคืออะไรหรือคะ?”

 

อเลกเซียที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงถามเช่นนั้นทั้งที่ยังกุมขมับ

งานอดิเรก

‘อืม’ เฮเลนาลองรีดเร้นสมองคิดดู

 

งานอดิเรกก็คือสิ่งที่ทำเป็นประจำเพราะชอบ เป็นเรื่องที่ทำเมื่อมีเวลานอกเหนือจากเวลาทำงานกับธุระจำเป็นต่าง ๆ

สิ่งที่เฮเลนาทำเป็นประจำทุกวัน แล้วก็ควรจะทำต่อไปเรื่อย ๆ

นั่นก็คือ

 

“ฝึกฝนร่างกายล่ะมั้งนะ”

 

“……”

 

“วิดพื้น ซิตอัป สควอต ฝึกกล้ามเนื้อหลัง ยกน้ำหนัก ความรู้สึกที่ได้รีดเร้นร่างกายจนหมดสิ้นเนี่ย มันรู้สึกดียิ่งกว่าอะไรทั้งหมดเลยล่ะ”

 

“……อ่า ก็กะไว้อยู่แล้วว่าคงจะเป็นแบบนั้นน่ะค่ะ”

 

‘หือ’ เฮเลนาขมวดคิ้ว

ยิ่งฝึกฝนร่างกายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งนำพาไปสู่การเติบโตพัฒนาของตนเองมากเท่านั้น มันไม่มีอะไรจะสนุกไปกว่านี้อีกแล้ว

การสังกัดในกองทัพและพุ่งทะยานไปบนสนามรบย่อมเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนร่างกายอยู่แล้ว ทว่าที่นี่คือวังหลัง ซึ่งต้องใช้ชีวิตอย่างเฉื่อยชาอยู่ทุกวัน ถ้าอยู่เฉย ๆ แบบนั้นกล้ามเนื้อมันก็จะลีบหมด

เพราะฉะนั้นเพื่อให้พร้อมไปออกศึกได้ในครั้งต่อไป ก็เป็นธรรมดาที่เธอต้องคอยฝึกฝนร่างกายเอาไว้เสมอสิ

 

“แต่ว่านะคะ ท่านเฮเลนา”

 

“หืม?”

 

“ตอนนี้ ก็กำลังทำอยู่นี่คะ”

 

ปัจจุบัน อเลกเซียกำลังนั่งขี่อยู่บนหลังของเฮเลนา

และตลอดการสนทนาที่มีมาตั้งแต่เมื่อกี้ เฮเลนาก็กำลังวิดพื้นอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ท่าทางว่าจะไม่ได้นับจำนวนครั้งไว้ด้วยซ้ำล่ะมั้ง อนึ่ง เท่าที่อเลกเซียรู้สึกคร่าว ๆ มันก็น่าจะเกินห้าร้อยครั้งไปแล้ว

การวิดพื้นไปจำนวนขนาดนั้นโดยที่มีอเลกเซียขี่อยู่บนหลัง พละกำลังของเฮเลนาต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน

 

“……นั่นก็จริงนะ”

 

“เพราะฉะนั้น ก็เลยถามถึงอย่างอื่นที่ไม่ใช่อันนี้น่ะค่ะ”

 

“อืม”

 

การวิดพื้น แน่นอนว่าคงไม่สามารถทำติดต่อเนื่องกันไปได้ชั่วกาลนาน

แม้เฮเลนาเอง พอทำไปนาน ๆ เข้าก็เจ็บปวดทรมานเหมือนกัน ดังนั้นจึงย่อมต้องมีการหยุดพักผ่อนเป็นระยะ และหากถามถึงสิ่งที่เฮเลนาทำในช่วงเวลาหยุดพัก มันก็คือการพักผ่อนร่างกายอย่างสบาย ๆ เท่านั้นเอง

พอมาคิดดูแบบนี้แล้ว ก็ไม่แปลกที่เฮเลนาจะเป็นคนไม่มีงานอดิเรกใด ๆ เลย

 

“ไม่มีอ่ะ”

 

“……ไม่มีจริง ๆ สินะคะ”

 

“อื้อ ไม่มี”

 

ต่อให้เค้นสมองคิดสักแค่ไหน ก็ไม่พบอะไรอย่างอื่นนอกจากการฝึกฝนร่างกาย

ถ้าจะให้พูดอะไรสักอย่างให้ได้ ก็คงจะเป็นขี่ม้า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ฝึกไว้ตามความจำเป็นสำหรับเวลาที่ต้องขี่ม้าศึกทะยานฝ่ากองทัพศัตรู และในพื้นที่ปิดอย่างวังหลังนี้ ยังไงซะก็คงจะไม่สามารถขี่ม้าได้

 

“……ถ้างั้นในตอนกลางคืนหรืออะไรแบบนี้ ท่านเฮเลนาใช้เวลาว่างอย่างไรหรือคะ?”

 

“นั่นสินะ……ก็คงไปดื่มกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชาล่ะมั้ง”

 

ขึ้นชื่อว่ากองทัพ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่ในสนามรบทั้งเดือนทั้งปี พวกเขาพอจะมีวันพักผ่อนบ้างไม่มากก็น้อย และพอฝึกเสร็จ เวลาหลังจากนั้นก็เป็นเวลาอิสระ

ในเวลาอิสระแบบนั้น ถ้าถามว่าเฮเลนาทำอะไรน่ะหรือ—ส่วนใหญ่แล้วเธอก็ใช้เวลาไปกับการดื่มสุราหรือกินข้าวร่วมกับวิกเตอร์หรือลูกน้องคนอื่น ๆ

และทุกครั้งที่ดื่มจนเมาพับก็ต้องให้วิกเตอร์คอยมาช่วยเหลือ เป็นความทรงจำที่ดีเหมือนกัน

 

“……ท่านเฮเลนาคะ”

 

“หืม?”

 

“ท่านน่ะเป็นบุตรีขุนนางจริง ๆ รึเปล่าคะ?”

 

อเลกเซียถามออกมาเช่นนั้นแบบเสียมารยาทสุด ๆ

ทว่าในความเป็นจริง เฮเลนาก็ไม่มีแม้เศษเสี้ยวของความเป็นบุตรีขุนนางเลยจริง ๆ ถ้ามีเวลาว่างมาชมดอกไม้ก็จะฝึกฝนร่างกาย ถ้ามีเวลาว่างอ่านกลอนก็จะฝึกฝนร่างกาย ถ้ามีเวลาเย็บผ้าก็จะฝึกฝนร่างกาย ถ้ามีเวลาอ่านหนังสือก็จะฝึกฝนร่างกาย—จะไปมีบุตรีขุนนางเช่นนั้นอยู่ได้ยังไงกัน

 

“อืม……ก็น่าจะเป็นนะ”

 

เมื่อได้ยินคำถามนั้น เฮเลนาก็ได้แต่เอียงศีรษะด้วยความฉงน

และในที่สุดเธอก็จบการวิดพื้นแล้วให้อเลกเซียลงจากหลัง ก่อนที่เธอจะขึ้นไปนั่งบนโซฟา

หลังจากรู้สึกว่าได้เรียกเหงื่อได้จนพอใจแล้ว

 

“จะว่าไปแล้ว ท่านเฮเลนาก็มีน้องสาวอยู่สินะคะ?”

 

“ใช่”

 

“น้องสาวท่านมีงานอดิเรกอะไรหรือคะ?”

 

ไม่รู้ว่าอเลกเซียได้ยอมแพ้แล้วหรืออย่างไร เธอจึงเลิกถามถึงเฮเลนาแล้วไปถามถึงคนใกล้ตัวเช่นนั้นแทน

ทว่า คำตอบที่ออกมานั้น

 

“อัลเบราชอบฝึกฝนด้วยดาบไม้อยู่ในสวนเป็นประจำ ส่วนลิลิธก็เน้นฝึกวิชาต่อสู้มือเปล่าน่ะ ให้ตายสิ ทั้งสองคนเองก็น่าจะมาเข้ากองทัพแท้ ๆ มีพรสวรรค์ขนาดชวนให้นึกเสียดายแบบนั้นอยู่บ่อย ๆ เลยล่ะ”

 

“……”

 

เมื่ออเลกเซียได้ยินคำตอบแบบนั้นของเฮเลนา เธอก็รู้สึกปวดหัวเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้วของวันนี้

สายเลือดมันช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset