(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 16 มุ่งสู่งานเลี้ยงน้ำชา

 

เฮเลนาทานอาหารกลางวันอันเย็นชืดที่อเลกเซียนำมา ถึงมื้ออาหารที่เย็นเหมือนเคยจะทำให้รู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่เรื่องที่เธอกังวลยิ่งกว่ามันกำลังจะมาหลังจากนี้

งานเลี้ยงน้ำชาที่ “สนมฟ้าดารา” มาริเอล รีเวียร์เป็นเจ้าภาพ—หลังจากนี้เฮเลนาจะต้องไปเข้าร่วมงานนั้น

อเลกเซียได้ช่วยอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับงานเลี้ยงน้ำชาให้เธอฟัง

 

“งานเลี้ยงน้ำชาในวังหลังคือการรวมตัวกันของเหล่าพระสนมเพื่อคลายความเบื่อหน่ายในแต่ละวัน หน้าฉากแล้วมันเป็นเช่นนั้นค่ะ แต่โดยเนื้อแท้มันคือการเก็บข้อมูลของกันและกัน และยังเป็นเหมือนการยืนยันตำแหน่งจุดยืนในวังหลังด้วยค่ะ ข้าเองก็เคยอยู่ในงานด้วยประมาณสองครั้งในฐานะนางกำนัลที่คอยเสิร์ฟชา……มันคือเทศกาลพ่นคำว่าร้ายกับเสียดสีใส่กันดี ๆ นี่เองค่ะ ไม่ใช่สถานที่ซึ่งจะคุยกันอย่างสงบได้เลย”

 

แล้วทำไมถึงต้องไปร่วมในสถานที่พรรค์นั้นด้วยเล่า

แม้เฮเลนาจะคิดแบบนั้น แต่ยังไงเธอก็ต้องไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชานี้ ถ้าเธอไม่ไปอเลกเซียต้องน่ากลัวแน่ ๆ

ถึงอเลกเซียจะบอกว่าเป็นโอกาสแสดงความเหนือกว่า แต่ในสถานที่ซึ่งสตรีสนทนากันด้วยความหมายที่แฝงสองชั้นแบบนั้น เฮเลนาจะไปมีความใจเย็นเหนือกว่าอยู่ได้ยังไง

 

“ในคราวนี้ ข้าจะเข้าร่วมในฐานะนางกำนัลส่วนตัวของท่านเฮเลนาค่ะ หากท่านเฮเลนาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากข้าจะทอดสะพานช่วยเหลือให้ ดังนั้นโปรดวางใจนะคะ”

 

คิดยังไงก็วางใจไม่ได้เลยอ่ะ

ถ้าให้ไปอยู่ในสถานที่ซึ่งแลกหมัดกันด้วยคำพูดแบบนั้น ในสนามรบยังสบายใจกว่ากันตั้งไม่รู้เท่าไหร่ แทนที่จะต่อสู้กันพลางค้นหาความหมายที่ซ่อนอยู่ในถ้อยคำ ให้มาหวดกันดาบต่อดาบมันยังง่ายกว่าตั้งเยอะ

สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการที่เธอมาทำสควอตเพื่อสงบสติอารมณ์ โดยมีอเลกเซียนั่งขี่อยู่บนบ่า

ดูเหมือนอเลกเซียยอมแพ้ที่จะพูดอะไรแล้วสำหรับเรื่องการฝึกฝนร่างกาย

 

ในตอนนั้นเอง ประตูห้องก็ได้ถูกเคาะสองครั้งดัง ‘ก็อก ๆ’

 

มาจนได้—เฮเลนารีบปล่อยอเลกเซียลงแล้วไปนั่งบนโซฟาอย่างสละสลวย ส่วนอเลกเซียก็ไปเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือน แม้จะน่าเสียดายที่เหงื่อกำลังดีซึ่งผุดขึ้นมาบนหน้าผากมันปิดไว้ไม่มิด แต่นอกนั้นก็ดูเป็นภาพอันสมบูรณ์แบบของบุตรีขุนนางที่พักผ่อนอยู่ในห้อง

 

“ขออนุญาตค่ะ พระสนมฟ้าสุริยา”

 

ผู้ที่เข้ามาคือสาวใช้ซึ่งเฮเลนาไม่ได้เห็นตอนที่ไปเยือนเมื่อวาน

แม้เฮเลนาจะหัวไม่ดี แต่ความจำของเธอก็ค่อนข้างดี เฮเลนาที่เคยนำทัพส่วนหนึ่งของกองกำลังอัศวินพยัคฆ์แดงย่อมต้องจำเจ้าหน้าที่ทหารชั้นล่างให้ได้ด้วย เนื่องจากการที่เฮเลนารู้จักเจ้าหน้าที่ทหารหรือไม่นั้นอาจมีผลให้การจัดวางทัพเปลี่ยนไปได้เลย

เพราะฉะนั้นคนที่เธอได้พบเจอมาในช่วงสองวันนี้เธอจึงจดจำได้เป็นส่วนใหญ่ เช่น “สนมฟ้าจันทรา” คุณหนูชาร์ลอตเต, “สนมฟ้าจันทรา” คุณหนูมาริเอล, หัวหน้านางกำนัลอิซาเบลกับอเลกเซีย แล้วก็จักพรรดิฟาร์มาส

สำหรับสาวใช้มากกว่าสิบคนที่อยู่ในห้องของ “สนมฟ้าจันทรา” ก็ไม่ถึงกับจำได้หมดทุกคนจริง ๆ แต่สาวใช้ที่อยู่ในห้องของ “สนมฟ้าดารา” นั้นมีแค่สี่คนเท่านั้น แม้จะได้พบกันแค่ช่วงสั้น ๆ แต่เธอก็พอจะจำใบหน้าของคนเหล่านั้นแล้ว

และในบรรดาสาวใช้ของ “สนมฟ้าดารา” เมื่อวานก็ไม่มีเธอคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า

 

“มาในนามของใครหรือคะ?”

 

เป็นอเลกเซียที่เป็นผู้โต้ตอบ

เพราะโดนบอกว่า กับแค่สาวใช้เฮเลนาไม่จำเป็นต้องมาคุยโต้ตอบด้วยตนเอง ถ้าอเลกเซียไม่ได้กำชับล่วงหน้าแบบนั้นไว้ เฮเลนาก็คงจะไปเปิดประตูเองแล้ว

เธอสร้างความเหนื่อยยากให้อเลกเซียประจำเลยสินะ

 

“มาในนามของ ‘สนมฟ้าดารา’ ท่านมาริเอล รีเวียร์ค่ะ”

 

“ขอทราบธุระได้หรือไม่”

 

“ในอีกไม่ช้าจะมีการจัดงานเลี้ยงน้ำชาที่พระสนมฟ้าดาราเป็นเจ้าภาพขึ้นที่ ‘ห้องแปะเจียก’ จึงอยากจะขอเชิญให้พระสนมฟ้าสุริยาไปร่วมด้วยค่ะ”

 

“รับทราบค่ะ เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วจะไปนะคะ”

 

‘ขอตัวค่ะ’ สาวใช้กล่าวและออกไป

เอาล่ะ งั้นก็ไปกันเลยละกัน เฮเลนากำลังจะยกก้นขึ้นจากที่นั่ง

 

“ยังก่อนค่ะ ท่านเฮเลนา”

 

“เอ๊ะ”

 

“ไม่จำเป็นต้องมุ่งไปในทันทีค่ะ โปรดรออีกสักพัก”

 

“เอ๋ แต่ว่า มันอีกไม่ช้า”

 

ไม่เข้าใจเลยว่าอเลกเซียพูดอะไรอยู่

สาวใช้เมื่อครู่บอกชัดเจนว่าอีกไม่ช้างานเลี้ยงน้ำชาก็จะเริ่มแล้ว แถมอเลกเซียยังเป็นคนบอกว่าการเข้าร่วมจะเป็นประโยชน์ด้วย แปลว่ายังไงก็ต้องเข้าร่วมใช่ไหมล่ะ

ในช่วงตอนเช้าเธอก็โดนอเลกเซียบอกให้ “เปลี่ยนเป็นชุดที่เหมาะสมจะร่วมงานเลี้ยงน้ำชา” แล้วก็ถูกบังคับจับเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเรียบร้อยแล้ว จะมุ่งไปทั้งแบบนี้เลยก็น่าจะไม่มีปัญหานี่นา

ทว่าอเลกเซียกลับบอกว่ารอก่อน

 

“หากมุ่งไปทันที ท่านเฮเลนาก็มีแต่จะโดนพระสนมคนอื่น ๆ ดูแคลนเท่านั้นค่ะ”

 

“เอ๋?”

 

“หากได้รับเชิญปุ๊บก็ไป ‘ห้องแปะเจียก’ ทันที แล้วไม่มีใครอยู่ขึ้นมาจะทำอย่างไรคะ? หลังจากนั้นก็จะถูกพระสนมฟ้าดารากับบรรดาลิ่วล้อที่มาสายเล็กน้อยบอกว่า ‘อุ๊ยตาย มาก่อนแล้วหรือคะ ตั้งหน้าตั้งตารองานเลี้ยงน้ำชาของดิฉันถึงขนาดนั้นเชียว รู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ เลยค่ะ’ อะไรแบบนั้นไงคะ”

 

อเลกเซียบอกให้เฮเลนาฟังราวกับว่าเคยเห็นมาแล้วด้วยตาตนเอง

แล้วแบบนั้นมันไม่ดียังไงล่ะ เฮเลนาเอียงคอด้วยความฉงนเล็กน้อย

 

“ฟังนะคะ แขกที่เป็นตัวหลักต้องมาปรากฏตัวสายเล็กน้อย ให้ทุกคนรอหน่อยถึงจะเหมาะสมกำลังดีค่ะ อันดับแรกท่านเฮเลนาโปรดอาบน้ำก่อน จากนั้นค่อยมุ่งไปก็ไม่มีปัญหาค่ะ”

 

“เอ๋ แต่เขาบอกว่าอีกไม่ช้านะ”

 

“และในฐานะนางกำนัลรับใช้ ข้าเองก็ปล่อยให้ท่านเฮเลนามุ่งไปงานเลี้ยงน้ำชาทั้งที่เหงื่อออกจนเย็นไปหมดแล้วไม่ได้ด้วย เปลี่ยนไปใส่ชุดใหม่ดีกว่าค่ะ ข้าจะไปเอาน้ำร้อนมาดังนั้นโปรดรอสักครู่นะคะ”

 

“เอ่อ……”

 

แบบนั้นดีแล้วจริงเหรอ

โดยพื้นฐานแล้วเฮเลนาเป็นคนตรงต่อเวลา หรือพูดอีกอย่างได้ว่าในองค์กรที่ชื่อว่ากองทัพนั้นแทบไม่มีคนที่ไม่ตรงต่อเวลาเลย

การมาสายเท่ากับเป็นการด้อยค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนผู้นั้น—มันถึงขั้นมีแนวคิดแบบนั้นเลยทีเดียว

ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่อเลกเซียกลับบอกว่าให้ตั้งใจไปสายซะงั้น ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

 

“……ไม่ได้”

 

ถึงจะรู้สึกผิดต่ออเลกเซียแต่เฮเลนาอยากจะรักษาเวลา

แม้ทุกคนจะยังไม่มากัน แล้วก็โดนบอกว่า “อุ๊ยตาย ตั้งหน้าตั้งตารอขนาดนั้นเชียวหรือคะ” เฮเลนาก็ไม่เจ็บไม่คันอะไรอยู่แล้ว

ดังนั้นแค่เธอมุ่งไปที่ “ห้องแปะเจียก” อะไรนั่นในจังหวะนี้ที่อเลกเซียกำลังเพิ่งจะออกไปเอาน้ำร้อนก็เป็นอันใช้ได้

‘ดีล่ะ’ เฮเลนาแอบเปิดประตูห้อง

 

“ท่านเฮเลนาคะ ข้าลืมบอกไปแต่น้ำร้อนมันกำลังต้มอยู่ใกล้ ๆ นี้เอง แค่ครู่เดียวก็ไปเอามาได้แล้วค่ะ”

 

อเลกเซียที่กำลังยิ้มและหอบถังที่ใส่น้ำร้อนอยู่ได้เข้ามาหยุดการกระทำโดยพลการของเฮเลนาเอาไว้

 

 

 

 

 

 

 

สรุปแล้ว เฮเลนาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อฟังอเลกเซียเหมือนกับตุ๊กตาไปจนกระทั่งโดนอาบน้ำขัดถูทั่วทั้งร่างและจับใส่ชุดเดรสตัวใหม่

เธอยังทำตัวให้ชินกับการถูกคนอื่นช่วยอาบน้ำให้ไม่ได้สักที ปกติแล้วในสนามรบแค่ได้เช็ดตัวก็ดีถมไป แล้วยังมีหลายวันที่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ด้วยซ้ำ น้ำถือว่าเป็นสิ่งมีค่ามากในสนามรบ ขนาดที่ว่าวันไหนฝนตกพวกผู้ชายก็จะแก้ผ้าไปอาบกันเลยทีเดียว

สุดท้ายแล้ว กว่าเฮเลนาจะออกจากห้องก็ได้ผ่านไปครู่ใหญ่หลังจากที่สาวใช้คนนั้นมาเรียก

 

“……อเลกเซีย”

 

“ ‘ห้องแปะเจียก’ ต้องเลี้ยวขวาแล้วก็ไปจนสุดทางค่ะ”

 

หลังออกมาจากห้องเธอก็ไม่รู้ว่าต้องไปทางไหนดี

พอลองมานึกดูให้ดีแล้ว เฮเลนาก็เพิ่งจะเข้าวังหลังมาเมื่อวาน จึงยังจำตำแหน่งที่ตั้งอะไรไม่ได้ ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่ก็ยังอุตส่าห์เคยคิดจะมุ่งหน้าไปคนเดียวอีก ถ้าอเลกเซียไม่ได้ห้ามไว้เธออาจจะกลายเป็นเด็กหลงในวังหลังไปแล้วก็ได้

ทว่า จากคำพูดของอเลกเซีย เจ้านายจะต้องเดินนำหน้าและนางกำนัลจะต้องตามอยู่ด้านหลัง แปลว่าต่อให้เจ้านาย—หรือก็คือเฮเลนาไม่รู้จักทาง เธอก็จะต้องเดินนำหน้าอยู่ดี

เพราะฉะนั้นเธอถึงได้เรียกชื่ออเลกเซียขึ้นมา ซึ่งนางกำนัลผู้หลักแหลมได้ยินแค่นั้นก็เข้าใจเรื่องราวได้แล้ว

 

เฮเลนาเดินไปตามคำพูดของอเลกเซีย และอเลกเซียก็เดินตามไปด้านหลังเหมือนกำลังรอคอยรับใช้

 

“ในเมื่อบอกว่า ‘ห้องแปะเจียก’ ก็แปลว่ามีสถานที่อื่น ๆ สำหรับจัดงานเลี้ยงน้ำชาอยู่ด้วยงั้นรึ?”

 

“ค่ะ มีอยู่สามที่คือ ‘ห้องแปะเจียก’ ‘ห้องโบตั๋น’ ‘ห้องลิลลี่’ โดยพื้นฐานแล้วพระสนมฟ้าดาราจะใช้ ‘ห้องแปะเจียก’ ส่วนพระสนมฟ้าจันทราจะใช้ ‘ห้องลิลลี่’ ค่ะ”

 

“……อ้อ แม้แต่สถานที่จัดงานเลี้ยงน้ำชาก็แบ่งกันชัดเจนสินะ”

 

ทำไมถึงต้องแบ่งแยกสถานที่ของตัวเองกันขนาดนั้นด้วยนะ

แต่ว่าถ้าเป็นแบบนั้น ตามการตัดตัวเลือกแล้วหากเฮเลนาซึ่งเป็น “สนมฟ้าสุริยา” จะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงน้ำชา เธอก็ต้องใช้ “ห้องโบตั๋น” สินะ

 

“ ‘ห้องโบตั๋น’ นั้นห้ามมิให้สามสนมฟ้าเข้าค่ะ”

 

“เอ๋ เป็นงั้นรึ”

 

“ค่ะ แต่เดิมที ในบรรดาตำแหน่งต่าง ๆ ของวังหลังสามสนมฟ้าก็ถูกจัดว่าพิเศษกว่าผู้อื่น และก็ย่อมมีนางสนมชั้นล่างที่รู้สึกไม่พอใจเรื่องนั้นเหมือนกัน ดังนั้น ‘ห้องโบตั๋น’ จึงถูกจัดไว้ให้เป็นสถานที่ซึ่งสามสนมฟ้าไม่สามารถเข้าได้ ส่วนใหญ่แล้วกิจกรรมที่จัดใน ‘ห้องโบตั๋น’ จะเป็นการบ่นหรือแสดงความไม่พอใจต่อสามสนมฟ้าค่ะ และตราบใดที่พูดคุยสิ่งเหล่านั้นใน ‘ห้องโบตั๋น’ ก็จะไม่สามารถถูกเอาโทษได้”

 

ยุ่งยากแท้

นั่นคือความเห็นจากใจจริงของเฮเลนา แต่ก็จริงที่ว่าสามสนมฟ้าคือตัวตนที่เป็นรองเพียงชายาเอก เป็นตำแหน่งที่สูงที่สุดในวังหลัง

จึงเป็นธรรมดาที่จะเกิดความอิจฉาหรือความไม่พอใจต่อเรื่องนั้น ดังนั้น “ห้องโบตั๋น” จึงถูกใช้เพื่อเป็นที่ระบายความไม่พอใจเหล่านั้นสินะ

 

“เอาเถอะ ข้าเองก็คงไม่จัดงานเลี้ยงน้ำชาอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก”

 

เฮเลนากล่าว และทันใดนั้นเธอก็นึกเรื่องที่สงสัยขึ้นมาได้และถามอเลกเซีย

 

“จะว่าไปแล้วสาวใช้ที่มาเรียกข้าน่ะ……เป็นนางกำนัลติดห้องของพระสนมฟ้าดารางั้นรึ?”

 

เธอไม่ได้เห็นผู้หญิงคนนั้นตอนอยู่ที่ห้องของมาริเอล ซึ่งก็แปลว่าอาจไม่ใช่สาวใช้ที่มาริเอลจ้างมาเสมอไป ถ้าอย่างนั้นก็เป็นได้สองทาง คือเป็นสาวใช้ที่เฮเลนาไม่ได้เห็น หรืออาจจะเป็นนางกำนัลรับใช้

แต่ดูจากเครื่องแบบที่ใส่ก็ต่างจากชุดเครื่องแบบของนางกำนัลรับใช้นิดหน่อย บางทีอาจจะเป็นสาวใช้ก็ได้มั้ง

 

“เปล่าค่ะ……ไม่ใช่นางกำนัล คิดว่าน่าจะเป็นสาวใช้ของพระสนมฟ้าดาราค่ะ”

 

“……อืม”

 

แปลว่าตอนนั้นแค่ไม่ได้อยู่ที่นั่นเฉย ๆ สินะ

ระหว่างที่กำลังคิดเรื่องพวกนั้น เฮเลนาก็ได้มาถึงสุดทาง–ซึ่งก็คือ “ห้องแปะเจียก” และได้เคาะประตูนั้นเบา ๆ ก่อนจะเปิดมันออก

ภายในห้องนั้นมีโต๊ะ และเก้าอี้เจ็ดตัวที่วางล้อมรอบอยู่ ในบรรดาเก้าอี้เหล่านั้นหกตัวมีสตรีนั่งอยู่แล้ว สายตาเหล่านั้นจ้องมายังเฮเลนาอย่างพร้อมเพรียงราวกับจะมองให้ทะลุ

 

“อุ๊ยแหม เชิญค่ะพระสนมฟ้าสุริยา กำลังนึกว่าสาวใช้ไม่ได้บอกหรือไงกันนะแล้วก็จะส่งคนไปตามอยู่พอดีเลยค่ะ”

 

‘อุฮุฮุ’ เสียงหัวเราะเบา ๆ จากผู้ที่นั่งอยู่ตรงกลางของโต๊ะกลมในตำแหน่งซึ่งห่างจากประตูทางเข้าที่สุด เด็กสาวผู้งดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้

มาริเอล รีเวียร์กำลังยิ้มอยู่อย่างชื่นบาน

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset