“ขออภัย มาสายนิดหน่อยซะแล้วสินะ”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยพระสนมฟ้าสุริยา ได้โปรดเชิญนั่งก่อนค่ะ ไม่รู้ว่าจะถูกปากพระสนมฟ้าสุริยาผู้เป็นบุตรีของที่ปรึกษาหลวงตระกูลเรลโนตหรือไม่ แต่ขอเตรียมชาที่นำเข้ามาจากประเทศทางตะวันออกให้นะคะ”
เมื่อได้รับเชื้อเชิญจากมาริเอล เฮเลนาจึงนั่งลงยังตำแหน่งที่ว่างอยู่ในเก้าอี้ทั้งเจ็ดตัว
จากนั้นอเลกเซียก็เข้ามายืนตรงเตรียมพร้อมอยู่ข้างหลัง
“ขอบคุณค่ะพระสนมฟ้าดารา ส่วนพระสนมท่านอื่น ๆ ข้านึกเอาเองว่าคงจะรู้จักข้าอยู่แล้วได้ใช่ไหมคะ?”
“ค่ะ เพราะเรื่องที่ว่าใครจะได้นั่งตำแหน่ง ‘สนมฟ้าสุริยา’ เป็นหัวข้อสนทนายอดนิยมในช่วงนี้เลย เมื่อบุตรีของใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีมาอยู่ในตำแหน่งเช่นนี้ ย่อมไม่มีใครที่ไม่รู้จักท่านหรอกค่ะ”
“งั้นหรือคะ ทว่าข้าน่ะไม่รู้จักพวกท่านคนอื่น ๆ เลย ช่วยแนะนำหน่อยได้หรือไม่คะ?”
“นั่นก็จริงอยู่ ถ้างั้นอนุญาตให้ดิฉันจะเป็นฝ่ายได้แนะนำนะคะ”
ถึงปากจะพูดวางท่าเหมือนใจเย็นอยู่ แต่ในใจเฮเลนานั้นชีพจรเต้นตึกตักไม่หยุดแล้ว
จะพูดอะไรพล่อย ๆ ไม่ได้ จะหลุดสำเนียงการพูดแปลก ๆ ไปก็ไม่ได้ เธอพยายามนึกทบทวนสิ่งที่อเลกเซียได้เตือนไว้ซ้ำไปมา พลางจิบชาคำหนึ่งโดยไม่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า
ไม่รู้รสสักนิดเลยอ่ะ
“ทางนี้คือบุตรีบารอน เลทีเซีย เชอวาลีเยค่ะ ตระกูลเชอวาลีเยกับรีเวียร์มีการติดต่อค้าขายกันมาอย่างยาวนาน เลทีเซียกับดิฉันเองก็คบหารู้จักกันมาตั้งแต่ยังเล็กค่ะ”
“เลทีเซีย เชอวาลีเยค่ะพระสนมฟ้าสุริยา ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“ข้าเฮเลนา เรลโนต ยินดีที่ได้รู้จัก”
โดยพื้นฐานแล้ว คนที่เฮเลนาควรใช้คำพูดสุภาพด้วยมีแค่ “สนมฟ้าดารา” มาริเอลเท่านั้น
ต้องพูดคุยอย่างสุภาพให้เกียรติกับแค่มาริเอลที่มีศักดิ์เป็นสามสนมฟ้าเท่ากัน ส่วนกับนางสนมคนอื่น ๆ ก็ห้ามพูดคุยอย่างถ่อมตนด้วย
สำหรับเรื่องนี้ เธอก็โดนบอกมาจนปากเปียกปากแฉะโดยอเลกเซียอีกเช่นกัน
“เลทีเซียคือหนึ่งใน ‘เก้าสนมเอก’ ที่รองลงมาจากสามสนมฟ้า โดยเลทีเซียมีตำแหน่ง ‘ผู้งดงาม’ ค่ะ”
“แหม น่าอายออกนะคะท่านมาริเบล คนอย่างดิฉันเนี่ยไม่เหมาะสมกับตำแหน่งอย่าง ‘ผู้งดงาม’ หรอก”
“ถ้ากล่าวเช่นนั้น ดิฉันเองก็ไม่เหมาะสมกับ ‘สนมฟ้าดารา’ หรอกค่ะ หากเป็นบุตรีของใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีอย่างพระสนมฟ้าสุริยาก็ว่าไปอย่าง อย่างดิฉันก็เป็นแค่บุตรีของขุนนางบารอนหน้าใหม่เท่านั้นเอง”
“พูดอะไรกันคะท่านมาริเอล ผู้ที่ทุกอากัปกิริยาซึมซาบไปด้วยสติปัญญาเช่นท่านมาริเอล ไม่อาจได้รับการปฏิบัติอย่างนางสนมทั่ว ๆ ไปได้หรอกค่ะ ไม่ได้เหมือนกับบุตรีเคานต์ผู้นั้นที่อำมาตย์แผ่นดินยัดเยียดให้มาอยู่ในตำแหน่งโดยไม่รู้จักเจียมตัวเสียหน่อย”
“อุ๊ยตาย ท่านผู้นั้นเป็นบุตรีเคานต์ส่วนดิฉันเป็นบุตรีบารอนนะคะ ถึงตอนนี้จะวางตัวอยู่ในฐานะสามสนมฟ้าเหมือนกัน แต่ความจริงแล้วเป็นที่บุคคลที่อยู่สูงส่งกว่าต่างหากล่ะคะ”
บทสนทนาที่เหมือนกับจะมีเสียงหัวเราะ ‘โอโฮะโฮะ’ ออกมา แต่แค่ฟังอยู่เฉย ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยใจแล้ว
ไอ้การไม่กล่าวให้ชัดว่าหมายถึงใครแต่ฟังแล้วเข้าใจแจ่มแจ้งว่ากำลังพูดถึงใครอยู่นี่ก็ชวนให้รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน ดูเหมือนว่า “สนมฟ้าดารา” กับ “สนมฟ้าจันทรา” จะไม่ค่อยญาติดีกันสินะ
ไม่สิ ถ้าบอกว่าไม่มีทางญาติดีกันได้น่าจะตรงกับความเป็นจริงมากกว่า
หลังจากนั้นมาริเอลก็ไล่แนะนำตัวเหล่านางสนมที่ร่วมโต๊ะไปทีละคน ผู้ที่เป็นเก้าสนมเอกรองจากสามสนมฟ้านั้นมีแค่เลทีเซียที่ได้รับการแนะนำเป็นคนแรก ส่วนคนอื่น ๆ หลังจากนั้นมีแต่คนที่เป็นยี่สิบเจ็ดสนมสูงทั้งนั้น
ถึงเก้าสนมเอกจะมีตำแหน่งต่ำกว่าสามสนมฟ้า แต่ก็แทบไม่มีใครที่มาประจบประแจงเข้าพวกกับ “สนมฟ้าดารา” เลยสินะ
“จะว่าไปแล้ว—”
ทันใดนั้นเอง มาริเอลก็หรี่ตาลง
นี่มัน หัวข้อสนทนาที่เตรียมใจมาแล้วตั้งแต่แรกสินะ งานน้ำชาที่จัดขึ้นวันนี้และต้องการให้เฮเลนามาร่วมด้วยนั้น มันเห็นได้ชัดว่ามีขึ้นเพื่อพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะเลย
เฮเลนากลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ส่งกำลังใจให้ตัวเองอยู่ในใจ
“เมื่อคืน ได้ยินมาจากนางกำนัลติดห้องว่าฝ่าบาทเสด็จมาเยือนห้องนอนของพระสนมคนหนึ่งด้วยค่ะ”
“อ้อ ข่าวลือนั้นดิฉันเองก็ได้ยินมาเหมือนกันค่ะ”
“ทั้งที่รวมวังหลังมาได้จะหนึ่งปีเต็มแล้วแท้ ๆ แต่ฝ่าบาทก็ไม่ได้เสด็จมาเยือนสักครั้งเลยจนกระทั่งตอนนี้ ถึงจะไม่รู้ว่ามาหาใครก็เถอะ……”
‘ควับ’ สายตาของมาริเอล
กับสายตาอีกห้าคู่ที่ตามกันมาติด ๆ
จับจ้องมาที่เฮเลนาราวกับจะมองให้ทะลุ
“พระสนมฟ้าสุริยาทราบหรือเปล่าคะว่าฝ่าบาทเสด็จมาหาใครกันแน่?”
มาริเอลยิงคำถามมาเช่นนั้นทั้งที่รู้หมดอยู่แล้วทุกสิ่ง
ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่ได้ถามด้วยความประสงค์ดี แต่แค่กำลังรอคำพูดจากปากของเฮเลนาว่าเธอได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทอยู่ต่างหาก
เฮเลนาเองก็ไม่รู้ว่าคำพูดนั้นมันจะส่งผลอย่างไร
แต่แน่ใจได้ว่ามันก็คงไม่ทำให้คนฟังมีความรู้สึกดี ๆ แหง ๆ
ถึงจะอยากส่งซิกทางสายตาให้อเลกเซียสักหน่อยแต่น่าเสียดายว่าอเลกเซียยืนอยู่ด้านหลัง และที่สำคัญหากถูกตั้งคำถามแล้วดันไปขอความเห็นจากนางกำนัลรับใช้อย่างอเลกเซีย เธอก็คงจะกลายเป็นที่ดูแคลนในงานเลี้ยงน้ำชาแห่งนี้เป็นแน่แท้
อเลกเซียเคยบอกไว้ ว่าจงแสดงความเหนือกว่า
ถ้างั้นก็แสดงมันเลยแล้วกัน
“พระสนมฟ้าดาราน่ะ สงสัยว่าใครได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทขนาดนั้นเชียวหรือคะ”
“ก็เป็นเรื่องธรรมดานี่คะ เมื่ออยู่ในวังหลังดิฉันก็เป็นภรรยาคนหนึ่งของฝ่าบาท แม้จะไม่ได้พบหน้าท่านมาเกือบปีแล้ว แต่ถ้าเกิดมีนางสนมที่ฝ่าบาทผู้นั้นรักใคร่โปรดปรานก็ย่อมต้องสงสัยอยากรู้เป็นธรรมดาไม่ใช่หรือคะ”
“ก็จริงนะคะ เช่นนั้นก็ขอบอกโดยไม่ปิดบังใครเลยก็แล้วกัน ว่าเมื่อคืนฝ่าบาทอยู่ที่ห้องของข้าเอง”
เธอตอบไปตามตรงเช่นนั้น
‘ฮือฮา’ รู้สึกได้ทันทีว่าบรรดานางสนมคนอื่น ๆ นอกจากมาริเอลกำลังส่งเสียงเซ็งแซ่ขึ้นมา ทั้งที่น่าจะรู้กันอยู่แล้วแท้ ๆ เป็นการแสดงที่มองออกได้ง่ายจริง ๆ
โธ่ ไม่ไหวแล้วอ่ะ บรรยากาศแบบนี้—เฮเลนาคิดเช่นนั้นแต่ก็ไม่ปล่อยให้สีหน้าใจเย็นของเธอพังทลายไป แม้เฮเลนาจะมีสมองที่น่าเสียดายแต่ตราบใดที่เธอยังวางท่าอยู่เช่นนี้คนอื่นก็จะไม่เห็นว่าเป็นเช่นนั้น ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ความน่าเสียดายของเธอมันโดดเด่นขึ้นไปอีก จะเรียกว่าต๋มตุ๋นกันเลยก็ว่าได้
“แหม เช่นนั้นแล้วเมื่อคืนพระสนมฟ้าสุริยาก็ได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทแล้วหรือคะ?”
“ใช่ ทรงอยู่ที่ห้องของข้าจนถึงตอนเช้าก่อนที่จะกลับไป”
“น่าอิจฉาจังเลยนะคะ ดิฉันเองก็อยากได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทบ้าง ถึงกับทำร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อพร้อมให้ฝ่าบาทมาเยือนได้ทุกเมื่อเลยล่ะค่ะ”
‘อุฮุฮุ’ มาริเอลยิ้ม
ทว่ามันก็ไม่อาจซ่อนเปลวเพลิงแห่งความริษยาลึกข้างในแววตานั้นได้ ถึงเธอน่าจะรู้ข้อมูลนี้อยู่แล้วแต่พอได้ฟังจากปากของเฮเลนาเองเข้าจริง ๆ ก็จะทนเยือกเย็นอยู่ไม่ได้ล่ะมั้ง
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว แทนที่จะบอกว่าได้รับความรักใคร่โปรดปราน ต้องบอกว่าเฮเลนาได้รับฟังความเป็นจริงของฟาร์มาสกับเจตนาหลังจากนี้มากกว่า
แล้วเธอก็แค่กำลังวางตัวเหมือนเป็นชายาเอกชั่วคราวเท่านั้นเอง
แต่จะพูดเรื่องนั้นออกไปในสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ได้
“พระสนมฟ้าสุริยาน่ะ ทำเช่นไรถึงได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทหรือคะ? ได้โปรดบอกให้ดิฉันรู้ทีสิคะ”
“ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษเลยค่ะ ก็แค่ฝ่าบาททรงเสด็จมาเยือนห้องของข้าเท่านั้น”
“เช่นนั้นฝ่าบาทก็คงเสด็จมาโดยตั้งใจว่าจะยลโฉมงามที่เพิ่งเข้ามาใหม่สักครั้งสินะคะ อยากให้เสด็จมาตอนที่ดิฉันเพิ่งเข้ามาบ้างจังเลยค่ะ”
พูดกันตามตรงแล้ว ถ้าถามเฮเลนาว่าทำยังไงถึงจะได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาท เรื่องแบบนั้นเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ทว่า นี่คือการสกัดกั้นจากมาริเอล
ทำไมเธอที่หน้าตาด้อยกว่าฉันถึงได้รับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทกัน—มันน่าจะมีความหมายที่ซ่อนอยู่ว่าแบบนั้น
—ฟังนะคะ ท่านเฮเลนา
เฮเลนานึกทบทวนในใจเพื่อยืนยันถึงสิ่งที่อเลกเซียได้อธิบายให้ฟังก่อนหน้านี้
เนื้อหาที่พูดคุยมันก็เริ่มจะเป็นไปตามที่คาดเดาแล้ว แถมยืนยันได้แล้วด้วยว่าฟาร์มาสไม่เคยไปที่ห้องของคนอื่นนอกจากห้องของเฮเลนา
ดังนั้นต่อจากนี้บทสนทนามันก็จะกลายเป็น ‘ทำไมฟาร์มาสถึงได้ไปหาเฮเลนา’ นั่นเอง
—ต้องใช้สิ่งที่โฉมงามคนอื่น ๆ ไม่มี และมีแต่ท่านเฮเลนาเท่านั้นที่มีค่ะ ไม่เกี่ยวว่ามันจะเป็นคำพูดหลอกลวงหรือไม่ เพราะยังไงคนอื่นก็ไม่มีหนทางพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่อยู่แล้วค่ะ
เริ่มจะปวดกระเพาะขึ้นมาแล้ว
เธอไม่สามารถพูดเจตนาของฟาร์มาสออกไปได้
และฟาร์มาสผู้ไม่คิดเลือกชายาเอกภายในหนึ่งปีหลังจากนี้ก็คงจะไม่มายังวังหลังเพื่อเล่นไฟกับนางสนมคนอื่น ๆ แน่ เพราะหากเกิดมีทายาทผู้สืบทอดขึ้นมาแม้แต่คนเดียว แค่นั้นก็พอที่จะทำให้สมดุลของอำนาจในราชสำนักพังทลายลงได้แล้ว
ดังนั้นเฮเลนาจึงจำเป็นต้องพูดเหตุผลที่ฟังดูน่าเชื่อที่สุด สำหรับเรื่องที่ว่าทำไมฟาร์มาสจึงรักใคร่โปรดปรานเพียงแค่เฮเลนาเท่านั้น
และมันก็ต้องเป็นสิ่งที่นางสนมคนอื่น ๆ ไม่สามารถเลียนแบบได้—
“หากงดงามเช่นเดียวกับพระสนมฟ้าสุริยา ดิฉันจะได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากฝ่าบาทบ้างไหมนะ”
“ท่านมาริเอลก็งดงามอยู่แล้วนะคะ เลทีเซียผู้นี้เป็นพยานได้เลย”
“เช่นนั้นแล้วดิฉันขาดอะไรไปงั้นหรือ? พระสนมฟ้าสุริยาคะ ในตอนที่ฝ่าบาทรักใคร่โปรดปรานท่าน ได้โปรดช่วยพูดแนะนำให้ดิฉันได้รับความรักใคร่โปรดปรานบ้างจะได้หรือไม่คะ?”
โอกาส มาถึงแล้ว
แม้เฮเลนาจะกำลังมีเหงื่อโชกอยู่ในใจ แต่เธอก็ยิ้มยกมุมปากเล็ก ๆ ให้มาริเอลได้เห็น
ไอ้การที่ทำเพียงเท่านั้นก็ดูเป็นใบหน้าชั่วร้ายขึ้นมาได้แล้วนั้น คงเป็นเพราะอิทธิพลจากแอนตันผู้เป็นบิดากระมัง
“ถ้าแค่พูดแนะนำก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“จริงหรือคะ? ขอบพระคุณพระสนมฟ้าสุริยา”
“ทว่าข้าเองก็ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะไปหาท่านหรือไม่นะคะ เพราะฝ่าบาทน่ะ……ออกจะแปลกอยู่สักหน่อย”
เธอขอโทษฟาร์มาสในใจอย่างสุดชีวิต
เพราะต่อจากนี้เฮเลนากำลังจะหมิ่นประมาทจักรพรรดิอย่างร้ายแรงที่สุด ถ้าจากนี้ไปเขามาที่ห้องของเฮเลนาอีกครั้งล่ะก็ ไว้ค่อยขอโทษกับเจ้าตัวให้ดี ๆ ก็แล้วกัน
ทว่าเฮเลนาก็ยังคงรักษาสีหน้าของผู้เหนือกว่าเอาไว้ได้อยู่
“ดูเหมือนว่าฝ่าบาท จะค่อนข้างชอบคนอายุมากกว่าค่ะ”
อายุเฉลี่ยของที่นี่คือสิบหกปี
เหล่าโฉมงามในวังหลังเหล่านั้น จึงถึงกับพูดไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าสนมอายุยี่สิบแปดผู้นี้