(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 19 งานเลี้ยงน้ำชาของ “สนมฟ้าดารา”—จุดจบ

 

“อ้าวอ้าว”

 

ถ้าให้พูดตามตรง เฮเลนาก็คาดเดาได้อยู่แล้วว่ามาริเอลอาจจะเอาน้ำชามาสาดเธอ

ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำในชั่วอึดใจนั้นของมาริเอล เฮเลนาเองก็สามารถตอบสนองได้ทัน หากเฮเลนาต้องการ เธอจะหลบหลีกไม่ให้น้ำชาโดนตัวแม้แต่หยดเดียวเลยก็คงทำได้

ทว่า เฮเลนาจงใจไม่ทำเช่นนั้น

หยดน้ำไหลผ่านร่างกายที่เปียกโชก การถูกสาดน้ำชาในงานเลี้ยงน้ำชาถือว่าเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามขั้นสูงสุดในฐานะบุตรีขุนนาง และมาริเอลก็ได้มอบมันให้กับเฮเลนาแล้ว

คงไม่ต้องบอกอีกต่อไปว่าจุดยืนของใครเหนือกว่าอย่างเทียบไม่ได้ในขณะนี้

 

“ท่านมาริเอล รู้ตัวหรือไม่คะว่าทำอะไรลงไป?”

 

“อึ่ก……!”

 

โดยปกติแล้ว บุตรีขุนนางที่โดนรังแกแบบนี้เข้าไปก็คงจะขยาดกลัวไปบ้าง ทว่าเฮเลนาไม่ได้ใจบางขนาดที่จะมาฝ่อกับเรื่องแค่นี้

เธอจ้องมองมาริเอลอย่างไม่วางตาโดยที่ยังไม่สูญเสียรอยยิ้มอันเหนือกว่าไป

 

“ข้ากำลังได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากฝ่าบาทอยู่ และหากฟังจากที่ท่านมาริเอลได้กล่าวไว้เองแล้ว แม้ในวังหลังนี้ที่รวมโฉมงามไว้มากกว่าห้าสิบคน ก็มีเพียงข้าผู้เดียวเท่านั้น”

 

“……”

 

“กระทำเรื่องเช่นนี้กับเจ้าหญิงผู้ได้รับความโปรดปรานของมังกรเช่นข้า……ท่านกล่าวว่าตระกูลบารอนรีเวียร์เป็นขุนนางหน้าใหม่ แต่ดูท่าจะไม่อยากหลงเหลือชื่อตระกูลเอาไว้แล้วสินะคะ ไม่เข้าใจหรือคะว่าการกระทำของตนอาจทำให้ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเสื่อมเสียน่ะ?”

 

โอย ไม่ไหวแล้วอ่ะ

แม้จะตะโกนอยู่แบบนั้นในใจ แต่เฮเลนาก็ยังกล่าวประชดประชันต่อไป

อเลกเซียได้บอกไว้ว่าให้แสดงพลังอำนาจ หากเป็นพลังกล้ามเนื้อก็คงแสดงออกมาได้โดยง่าย ทว่าพลังที่อเลกเซียพูดถึงมันคือคนละอย่างกัน

พลังที่เฮเลนาสามารถแสดงออกมาได้ก็คือ จุดยืนของตัวเองที่เป็นบุตรีมาร์ควิส, สิทธิพิเศษในฐานะเจ้าหญิงผู้เป็นที่รักของมังกรเพียงหนึ่งเดียว และตำแหน่ง “สนมฟ้าสุริยา”

หากต้องการทำให้มาริเอลยอมจำนน ก็จำเป็นจะต้องใช้สิ่งเหล่านั้น

 

“ก็คงจะไม่เข้าใจสินะคะ เพราะดูเหมือนท่านจะเปลือยกายรอคอยฝ่าบาทอยู่ทุกค่ำคืนเสียด้วย ผู้ที่ไม่มีสามัญสำนึกในฐานะขุนนางเช่นนั้นน่ะ คงจะไม่เข้าใจปัญหาง่าย ๆ แค่นี้หรอกกระมัง”

 

“—!”

 

“ท ท่านมาริเอลคะ? หมายความว่าอย่างไร!?”

 

เฮเลนาเองก็ไม่มีทางมีไอ้สามัญสำนึกในฐานะขุนนางอะไรนั่นเหมือนกัน

ทว่าในตอนนี้ แค่ตอนนี้เท่านั้น เธอจำเป็นต้องวางท่าเหมือนเป็นกุลสตรีขุนนางผู้สูงศักดิ์

 

“อ้าว ท่านเป็นคนกล่าวไว้เองไม่ใช่หรือคะ? พระสนมฟ้าดารา”

 

“……นี่เธอรู้ทั้งหมดตั้งแต่แรก!”

 

“ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดถึงอะไรอยู่……แต่เมื่อวานตอนที่ข้ามาเยี่ยมพระสนมฟ้าดารา ท่านได้กล่าวไว้ไม่ใช่หรือ ว่าหากจะรอคอยฝ่าบาทต้องแต่งกายให้วาบหวิวที่สุด และตัวท่านเองก็เปลือยกายรอฝ่าบาทอยู่ทุกคืนน่ะ?”

 

‘หึหึ’ เฮเลนาพยายามยิ้มมุมปากให้ดูชั่วร้ายเท่าที่จะทำได้

ทว่า ไม่รู้ควรจะพูดว่าน่าเสียดายดีหรือไม่ แต่ไม่ว่าเฮเลนาจะพยายามยิ้มให้ดูชั่วร้ายอีกแค่ไหนก็ไม่มีความหมาย เพราะความจริงแค่เธอยิ้มธรรมดาเฉย ๆ มันก็ดูเหมือนเฮเลนากำลังคิดเรื่องชั่วร้ายอะไรสักอย่างอยู่แล้ว

ไม่รู้เหมือนกันว่าโดนวิกเตอร์บอกว่า “ต้มตุ๋นกันชัด ๆ” มากี่ครั้งแล้ว

เพราะทั้งที่กำลังยิ้มเหมือนมีเล่ห์เหลี่ยมล้ำลึก แต่ความจริงในหัวสมองนั้นไม่ได้คิดอะไรอยู่เลย

 

“เมื่อครู่ ท่านกล่าวว่าข้าเป็นหญิงแพศยา……แต่คนที่เปลือยกายรอบุรุษที่เพิ่งจะเคยพบครั้งแรกเนี่ย ไม่ใช่ว่าแพศยาที่สุดแล้วหรือคะ?”

 

“ห หุบปาก!”

 

“โฮ่ ออกคำสั่งกับข้างั้นหรือ ดูท่าว่าจะยังไม่สำนึกถึงฐานะของตนเองสินะคะ”

 

‘หึ’ เฮเลนาส่ายหน้าเบา ๆ ทั้งที่ศีรษะยังเปียกโชก

เพียงเท่านั้นก็ทำให้หยดน้ำมันกระจายไปรอบ ๆ รู้สึกสบายหัวขึ้นเยอะ

 

“นังเรลโนต……!”

 

“ไม่แม้แต่จะเรียกว่า ‘สนมฟ้าสุริยา’ แล้วงั้นหรือ ดูเหมือนข้าจะถูกเกลียดมากพอดูเลยนะคะเนี่ย”

 

“ดิฉันตั้งใจจะสั่งสอนให้เธอรู้สำนึกค่ะ! ว่าการที่ฝ่าบาททรงเสด็จมาหาเธอมันก็เป็นแค่อารมณ์ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น สั่งสอนว่านางหญิงสูงอายุอย่ามาทำหน้าใหญ่ในวังหลังแห่งนี้ค่ะ!”

 

“นั่นตั้งใจจะปิดบังแล้วหรือคะ? ถึงจะรู้มาตั้งแต่แรกแล้วก็เถอะ”

 

หากสายตากับสายตาปะทะกันแล้วเกิดเป็นประกายไฟได้ ห้องนี้ทั้งห้องก็คงจะระเบิดไปแล้วล่ะมั้ง

มาริเอลจ้องเขม่นเฮเลนาด้วยแววตาที่มีความเกลียดชังถึงขนาดนั้น

 

“ดิฉันน่ะจะต้องได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากฝ่าบาทให้ได้! เพื่อการนั้นแล้วหญิงสูงอายุที่มีดีแค่เป็นบุตรีมาร์ควิสอย่างเธอมันก็แค่ตัวเกะกะค่ะ!”

 

“ต่อให้ได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากฝ่าบาทแล้ว คิดว่าตระกูลบารอนหน้าใหม่จะเป็นอะไรได้มากกว่านั้นหรือคะ?”

 

“—! จะดูถูกคนอื่นไปถึงไหน……!”

 

ทุกคนนอกจากมาริเอลต่างก็กำลังตื่นตระหนก ดูท่าว่าจะเพิ่งเคยได้เห็น “สนมฟ้าดารา” ในรูปแบบนี้กระมัง

ถ้ายอมอารมณ์ขึ้นอย่างง่ายดายขนาดนี้ ก็รับมือได้ง่ายเกินไปแล้ว

ทว่า

ตอนนั้นเอง มาริเอลก็พ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ท่าทางจะรู้ตัวแล้วสินะว่าตนเองอารมณ์ขึ้นเกินไปหน่อย ดูเหมือนเธอจะไม่ได้โง่เขลาขนาดที่จะพ่นคำด่าทอต่อไปได้มากกว่านี้

ทว่ามาริเอลก็คงไม่คิดจะถอยแค่นี้แน่

และเฮเลนาก็จำเป็นจะต้องทำให้เธอยอมจำนนในที่ตรงนี้ให้ได้

 

“หึ……วางท่าเหมือนเหนือกว่าน่าดูเลยนะคะ ท่านน่ะรู้หรือไม่ว่าฝักฝ่ายอำนาจภายในวังหลังนี้มันเป็นเช่นไร?”

 

“หา?”

 

“ในวังหลังมีการแบ่งออกเป็นสามฝ่ายใหญ่ ฝ่าย ‘สนมฟ้าจันทรา’, ฝ่าย ‘สนมฟ้าดารา’ ……แล้วก็ฝ่ายที่เป็นกลาง และนางสนมทุกท่านที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ก็เป็นฝ่าย ‘สนมฟ้าดารา’ แปลว่าพวกเธอมีดิฉันเป็นศูนย์กลางยังไงล่ะค่ะ”

 

“งั้นหรือคะ”

 

ไม่เข้าใจความหมายเลยแฮะ

หรือพูดให้ชัดกว่านั้น เฮเลนาใช้ชีวิตมาโดยไม่เคยไปแตะต้องไอ้ความสัมพันธ์แบบฝักฝ่ายอะไรแบบนั้นมาก่อน จะสังคมชั้นสูงหรือฝักฝ่ายอะไรมันก็ดูยุ่งยากจะตายไป จึงเป็นความจริงที่เธอเลยไม่เคยคิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นเลย

ดังนั้นเลยได้แต่คิดว่า มีฝักฝ่ายแล้วมันยังไงฟะ

 

“พระสนมฟ้าสุริยาน่ะมีพรรคพวกหรือเปล่าคะ?”

 

“นางกำนัลที่ยืนอยู่ด้านหลังก็คอยสนับสนุนข้าอยู่นะคะ”

 

“หึ……แค่นั้นน่ะไม่นับเป็นอะไรได้หรอกค่ะ คนที่บอกว่าเคยอยู่กองทัพมาอย่างพระสนมฟ้าสุริยาก็คงเข้าใจสินะคะว่าพลังของจำนวนนั้นน่ากลัวแค่ไหน”

 

ก็จริงอยู่ว่าทหารน้อยย่อมไม่อาจเอาชนะกองทัพใหญ่

ทว่านั่นมันคือเรื่องของสงคราม เป็นการต่อสู้ที่ดำเนินไปเพื่อทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นซาก

ส่วนการต่อสู้ในวังหลัง มันคือการทำอย่างไรเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักใคร่โปรดปรานของจักรพรรดิ

ในที่แบบนั้นพลังของจำนวนมันจะมาเกี่ยวอะไรด้วย

 

“ในวังหลังก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเหมือนกันนะคะ อย่าหลงนึกว่าจะรับความรักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาทได้อย่างปลอดภัยเล่า”

 

“โฮ่ อุบัติเหตุงั้นหรือคะ น่ากลัวจังนะ”

 

“หึ……ทำเป็นไขสือไปเถอะ!”

 

อุบัติเหตุที่ว่าเนี่ยมันอะไรหว่า

จะมีเสาอะไรล้มลงมารึไง ไม่สิ ที่นี่มันไม่ใช่อาคารที่สร้างมาไม่ได้คุณภาพแบบนั้นหรอกมั้ง ถ้างั้นแล้วมันอะไรกันหนอ

 

“อ้อ”

 

คิดได้ถึงตรงนั้น ในที่สุดก็เข้าใจว่ามาริเอลอยากจะพูดว่าอะไร

เธอกำลังข่มขู่เฮเลนาอยู่นี่เอง

เพราะสำนวนถ้อยคำมันน่ารักเกินไปก็เลยไม่ทันได้นึกว่านี่กำลังข่มขู่กันอยู่ หรือก็คือ เธอกำลังพูดว่า ‘การจะฆ่าเธอโดยทำให้เป็นเหมือนอุบัติเหตุน่ะมันง่ายนิดเดียว’ อยู่นี่เอง โดยใช้พลังของจำนวน

 

โธ่เอ้ย

งั้นเรื่องมันก็ง่ายเลยไม่ใช่รึไงกัน

 

“งั้นหรือคะพระสนมฟ้าดารา แม้จะเรียกว่าเป็นฝ่าย แต่คิดว่าแค่หกคนจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้?”

 

“ฝ่ายของดิฉันรวมกันมีทั้งหมดสิบห้าคนค่ะ จะเป็นเช่นไรก็ไม่รู้ด้วยนะคะ”

 

“……สิบห้าคนหรือคะ”

 

เฮเลนาลุกขึ้น

และในชั่วพริบตาเดียวนั้น

เธอก็ได้อ้อมไปยังด้านหลังของมาริเอลกับเลทีเซีย และวางมือไปที่ลำคอนั้น

 

“หากอยากจะทำสงครามกับข้า คิดว่าน่าจะต้องเอามาสักหนึ่งกองพันนะคะ”

 

มาริเอลเลือกคนที่จะข่มขู่ผิดไปแล้ว

เพราะที่อยู่ตรงนั้นไม่ใช่เจ้าหญิงผู้เป็นเหมือนกระต่ายในกรงที่ชื่อว่าวังหลัง

 

แต่เป็นเจ้าหญิงแห่งยุทธ ผู้เป็นดั่งพยัคฆ์ร้ายพุ่งทะยานกลางสนามรบต่างหาก—

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset