ฟาร์มาส ดีล ลูเครเซีย กันเกรฟ คือจักรพรรดิสายเลือดตรงแห่งจักรวรรดิกันเกรฟ
แต่ดั้งเดิมแล้ว ด้วยฐานะบุตรชายคนโตของจักรพรรดิองค์ก่อน ดีล เขาก็กำลังรับการศึกษาภายใต้สมมุติฐานที่ว่าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิต่อไปอยู่ เขาเริ่มเรียนวิชาของผู้ปกครอง เรียนรู้มารยาทในฐานะราชวงศ์ และกฎหมายบ้านเมืองของจักรวรรดิมาตั้งแต่ยังเยาว์ นอกจากนี้ยังได้รับการสอนมาว่าเมื่อบรรลุนิติภาวะเขาก็จะได้รับงานสำคัญในราชสำนักและเรียนรู้วิธีการเป็นจักรพรรดิไปในขณะที่คอยสนับสนุนบิดาซึ่งเป็นจักรพรรดิอยู่
ทว่า
ดีลซึ่งเป็นบิดาของเขาและเป็นจักรพรรดิองค์ก่อนกลับเสด็จสวรรคตอย่างรวดเร็วเกินไปในเวลาเพียงห้าปีหลังจากขึ้นครองบัลลังก์
เมื่อจักรพรรดิสวรรคตก็ต้องให้บุตรที่เป็นวงศ์วานสายตรงรับช่วงต่อทันที ดังนั้นฟาร์มาสที่เพิ่งจะมีอายุได้เพียงสิบเจ็ดปีจึงต้องเข้าพิธีราชาภิเษกและขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิ
เขาต้องขึ้นครองบัลลังก์ทั้งที่ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาเล่าเรียนและยังอ่อนหัดขาดประสบการณ์ในฐานะจักรพรรดิ
แต่ไหนแต่ไรมา ราชสำนักก็เป็นรังของมารร้าย
เล่ห์เหลี่ยมกลโกงนานาของเหล่าขุนนาง เงินสินบนที่ปลิวสะพัดไปทั่ว การคดโกงของผู้ที่ใช้เงินตราซื้อขายตำแหน่ง—มีปัญหามากมายเหลือคณานับ ในรังของมารร้ายเช่นนั้นฟาร์มาสที่ขึ้นครองบัลลังก์ตั้งแต่ยังเยาว์ก็ถูกทำเหมือนว่าแค่เป็นหุ่นกระบอก
ในตอนที่ขึ้นครองบัลลังก์ได้เดือนเดียวนั้น เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากเป็นตุ๊กตาที่ทำตามความเห็นของเหล่าข้าหลวงตำแหน่งใหญ่โต ได้แต่รู้สึกรังเกียจกับความไร้ศีลธรรมของคนเหล่านั้น
ทว่า
ฟาร์มาสก็อดทน
ต้องถูกเหล่าข้าราชบริพารตำแหน่งใหญ่โตมองว่าตนเองจัดการได้ง่ายกว่าจักรพรรดิองค์ก่อน และต้องทำเป็นมองไม่เห็นการโกงกินของพวกมัน—เขาอดทนต่อสถานการณ์ในฐานะจักรพรรดิที่จะเรียกว่าเหมือนกำลังยืนอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ นั้นมาได้
สาเหตุที่สาคัญที่สุดก็คือมือขวาผู้ซื่อสัตย์ของจักรพรรดิองค์ก่อน—อัครมหาเสนาบดีแอนตัน เรลโนต
มีทั้งความใสอะดาดและยุติธรรม แอนตันผู้อยู่ในจุดยืนของที่ปรึกษาหลวงคือบุคคลที่เหมาะสมกับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีเป็นอย่างมาก เขาคอยตักเตือนฟาร์มาสที่ได้แต่พยักหน้ายอมรับการโกงกินของข้าราชบริพารใหญ่โตและบางครั้งก็ออกความเห็นที่เข้มงวด จะเรียกว่าเป็นตัวอย่างของขุนนางตงฉินเลยก็ไม่ผิด
ดังนั้น—ฟาร์มาสจึงวางแผน
ในปัจจุบัน ฟาร์มาสไม่มีข้าหลวงผู้ซื่อสัตย์ที่เขาจะนับเป็นมิตรได้เลย ขุนนางที่มีใจใสสะอาดแบบแอนตันก็หาที่ไหนไม่มีอีก มีแต่พวกชั้นต่ำที่คิดแต่จะเติมเต็มกระเป๋าเงินของตนเองเต็มไปหมด พูดให้ถูกคือตงฉินแบบแอนตันนั่นแหละที่นับว่าเป็นของแปลก
จะดูแคลนตนเองที่เป็นจักรพรรดิก็เชิญ
จะวางแผนหลอกตนเองที่เป็นจักรพรรดิเพื่อยักยอกทรัพย์สินก็เชิญ
ฟาร์มาสได้ตัดสินใจแสร้งทำตัวเป็นจักรพรรดิผู้โง่เขลา
“หึ เจ้าโง่โนลด์ลุนด์เสนอญัติอะไรมาอีกตามเคยงั้นรึ”
“ครับ พยายามจะเอาให้ได้ทุกวิถีทางจริง ๆ”
จักรพรรดิและข้าหลวงคนสำคัญต้องเข้าร่วมการประชุมในราชสำนักที่มีขึ้นสัปดาห์ละครั้ง
การประชุมดังกล่าวคือสถานที่รายงานสิ่งที่เหล่าข้าหลวงรับหน้าที่ดูแลอยู่ เช่น รายรับรายจ่ายของประเทศ ปัญหาทางการทูต นโยบายใหม่ หรือโครงการก่อสร้างสาธารณะ โดยมีเนื้อหาค่อนข้างมากและมักจะใช้เวลาตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงบ่าย
ทว่าฟาร์มาสก็ไม่ได้ไปเข้าร่วม
เพราะหน้าฉากเขากำลังแสร้งเป็นจักรพรรดิโง่เขลาที่ไม่สนใจการเมือง
“แล้วคราวนี้ว่ายังไงล่ะ?”
“การปรับปรุงแม่น้ำอากูโรครับ เขาบอกว่า หากเกิดน้ำท่วมที่ปลายน้ำประชาชนชาวนครหลวงจะได้รับความเสียหาย ดังนั้นจึงขอปรับปรุงแม่น้ำเพื่อให้สร้างความสงบสุขให้ประชาชน”
“แม่น้ำนั่นมันต้องปรับปรุงซะที่ไหนกัน”
‘เฮ้อ’ ฟาร์มาสถอนหายใจเฮือกใหญ่
ต่อให้ย้อนประวัติศาสตร์ของทวีปนี้ไปเป็นพันปี ก็ไม่มีบันทึกว่าแม่น้ำซึ่งไหลผ่านชายขอบนครหลวงเคยเกิดน้ำท่วมมาก่อน โดยพื้นเดิมแล้วอาณาเขตส่วนใหญ่ของจักรวรรดิก็เป็นพื้นที่ซึ่งไม่ต้องกังวลเพราะฝนอยู่แล้ว ในทางกลับกันพอถึงหน้าแล้งก็จะมีความกังวลเรื่องขาดแคลนน้ำกันเสียด้วยซ้ำ ปริมาณฝนมันน้อยขนาดนั้น
ในสภาพเช่นนั้นกลับบอกว่าจะปรับปรุงแม่น้ำ ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์
“แล้วมันบอกว่าจะทำอย่างไร”
“ในหมู่เพื่อนฝูงคนรู้จักของใต้เท้าอำมาตย์แผ่นดินโนลด์ลุนด์มีผู้เชี่ยวชาญด้านการชลประทานอยู่ เราควรมอบหมายงานให้ผู้เชี่ยวชาญ จัดจ้างแรงงาน และทำเป็นโครงการก่อสร้างสาธารณะ เขาว่างั้นน่ะครับ”
“ผู้เชี่ยวชาญที่ว่านั่นก็คงโดนโนลด์ลุนด์ซื้อตัวไปแล้วสินะ คงคิดขอเบิกงบประมาณก่อสร้างแบบเกินจริงล่ะมั้ง”
เกรงว่าคงจะเพิ่มเป็นเท่าตัวเลยสินะ ฟาร์มาสนึกภาพอนาคตพลางพยักหน้าเบา ๆ
ทำไมเขาจะต้องมาปวดหัวเพราะไอ้คนที่เอาแต่สนุกกับปริมาณเงินที่เข้ากระเป๋าตนเองแบบนี้ด้วยนะ
“ก่อนอื่นก็ตอบไปแค่ว่าจะเก็บเรื่องการปรับปรุงแม่น้ำไปพิจารณาดูละกัน เรื่องการปรับปรุงถนนที่เสนอมาเดือนก่อนก็ยังไม่จบ”
“รับทราบครับ”
“มีอะไรอีกไหม”
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ว่า……ฝ่าบาทดูอารมณ์ดีพอสมควรนะครับ”
ชายชราที่กำลังรายงานต่อฟาร์มาสกล่าวพลางยิ้มมุมปาก
เขาคือชายคนเดียวในราชสำนักที่ฟาร์มาสเชื่อใจได้ในปัจจุบัน—ชายชราผู้นี้คือเกรเดีย โรมุลุส
แม้วัยจะพ้นหกสิบไปแล้วแต่ร่างกายยังแข็งแรงกำยำ หนวดเคราที่ขาวโพลนปกคลุมทั้งคาง ต่อให้สวมใส่เสื้อผ้าที่เรียบง่ายแต่บรรยากาศกดดันที่แผ่ออกมาก็ไม่ใช่บรรยากาศของชายชราธรรมดา
เขาคือคนเดียวที่ฟาร์มาสเชื่อใจมาตั้งแต่สมัยยังเล็ก
เหตุผลนั้นมีเพียงข้อเดียว คือเกรเดียไม่ได้รับใช้ทั้งจักวรรดิหรือจักพรรดิ แต่เขายอมรับใช้บุรุษคนเดียวคือฟาร์มาสเท่านั้น—
“โฮ่ ดูออกเลยงั้นรึ”
“แน่นอน ดูสนุกสนานกว่าทุกทีครับ”
คนที่มองอารมณ์ของฟาร์มาสออกเช่นนั้นคงจะมีแค่เกรเดียกระมัง ฟาร์มาสนั้นไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาเบื้องหน้าจนถูกมองว่าเป็นพวกไม่มีสีหน้า หากไม่ใช่คนที่สนิทสนมจริงก็คงมองรายละเอียดเล็กน้อยในสีหน้าไม่ออก
และสาเหตุหลักของความอารมณ์ดีนั้นก็มาจากเกรเดียผู้นี้
“ได้เจอพยัคฆ์ที่น่าเอ็นดูมากเข้าน่ะ”
“โฮ่ ๆ ถูกพระทัยฝ่าบาทงั้นหรือครับ”
“อา เผลอพูดเรื่องไม่จำเป็นไปเลยล่ะ เพราะไม่นึกว่าจะเป็นคนยอดเยี่ยมขนาดนั้น”
ฟาร์มาสนึกย้อนถึงพยัคฆ์ผู้น่าเอ็นดูในวังหลังของตนเอง
เฮเลนา เรลโนต
บุตรสาวของที่ปรึกษาหลวงแอนตัน เรลโนต และเป็นรองผู้บังคับบัญชาของวิกเตอร์ ครีก แห่งแปดยอดขุนศึก “ขุนศึกพยัคฆ์แดง” ฟาร์มาสรู้จักเฮเลนาจากข้อมูลเพียงแค่นั้น
ผู้ที่แนะนำให้นำเฮเลนาคนนั้นเข้าสู่วังหลังและให้เธอเป็น “สนมฟ้าสุริยา” ซึ่งได้รับการปฏิบัติเหมือนพระชายาเอก ก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเกรเดียผู้นี้เอง
ฟาร์มาสนึกแล้วก็หัวเราะ ‘หึหึ’ ขึ้นมา
“รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเจอข้าครั้งแรกแล้วพูดว่ายังไง?”
“พูดว่าอะไรหรือครับ”
“ ‘ยากลำบากหน่อยนะคะฝ่าบาท’ ไงล่ะ เป็นคำพูดที่ไม่เคยมีใครบอกข้ามาก่อนเลย ไม่นึกเลยว่าไปวังหลังแล้วจะได้รับคำขอบคุณแบบนั้นน่ะ”
“โฮ่……”
เมื่อได้ฟังคำพูดของฟาร์มาส เกรเดียก็ยิ้มเล็ก ๆ
นางสนมส่วนใหญ่มักจะคิดถึงแต่ตนเอง คำทักทายก็จะเป็น ‘กำลังรออยู่เลยค่ะฝ่าบาท’ ‘ยินดีต้อนรับค่ะฝ่าบาท’ หรืออะไรทำนองนั้น
แต่เธอทักทายว่า ‘ยากลำบากหน่อยนะคะ’ เพื่อขอบคุณฟาร์มาสก่อนเป็นอันดับแรก—คงเป็นถ้อยคำที่ออกมาโดยธรรมชาติจากประสบการณ์ในกองทัพกระมัง
สำหรับฟาร์มาสที่เต็มไปด้วยศัตรูทางการเมืองและไม่มีเวลาได้พักผ่อน คงไม่มีถ้อยคำที่น่ายินดีไปกว่านี้แล้ว
“เดิมทีตั้งใจจะขอร้องให้ช่วยนำทัพเวลาที่ประเทศข้างเคียงบุกมาเท่านั้นเอง”
“……ก็ทูลไปแล้วนี่ครับว่าเรื่องนั้นข้าจะจัดการเอง”
“ถ้าเจ้าไม่อยู่แล้วใครจะคุ้มครองชีวิตข้าเล่า มีแต่คนที่จ้องเอาชีวิตข้าอยู่ทั้งนั้น”
เกรเดียทำหน้าที่เป็นองครักษ์ของฟาร์มาสควบคู่ไปด้วย
เขาเป็นครูฝึกสอนวิชาการต่อสู้ให้ฟาร์มาสมาตั้งแต่ยังเล็กและคอยสนับสนุนฟาร์มาสในด้านการบู๊ เมื่อถึงเวลาคับขัน การจะให้เขานำทัพต้องห้ามก็เป็นตัวเลือกหนึ่ง ทว่าหากทำเช่นนั้นฟาร์มาสก็จะไม่มีองครักษ์คุ้มครอง
เมื่อเป็นแบบนั้นจักรพรรดิหนุ่มผู้นี้อาจถูกใครบางคนหมายปองชีวิตก็เป็นได้
“แต่ที่เจ้าแนะนำมาก็เป็นคำตอบที่ถูกต้องเลยนะ ทั้งหลักแหลมในด้านการรบ และมีฝีมือระดับที่ถึงจะมือเปล่าก็คงสามารถต่อสู้ได้ เป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมมาก แถมยังเป็นสาวงามวัยกำดัด หากข้าเป็นจักรพรรดิโง่เขลาที่แท้จริงก็คงหลงหัวปักหัวปำไปแล้ว”
“โฮ่ ถูกพระทัยถึงเพียงนั้นเลยหรือครับ”
“ใช่ ท่าทางจะยังไม่มีประสบการณ์ด้านผู้ชายกระมัง ไม่งั้นคงไม่ตอบสนองอย่างไร้เดียงสาเช่นนั้นแน่ ถึงจะได้ยินเกี่ยวกับแม่ทัพวิกเตอร์มาหลายเรื่องแต่อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาจึงไม่ได้โอบกอดโฉมงามเช่นนั้นกันนะ”
“ในกองทัพลือกันว่าเฮเลนากับวิกเตอร์มีใจให้กันแน่นอน พูดในทางกลับกันก็เหมือนกับถูกทุกคนมองว่าเป็นหวานใจของวิกเตอร์จึงห้ามไปยุ่งด้วยน่ะครับ”
“ต้องขอบคุณแม่ทัพวิกเตอร์สินะ แผนของข้าถึงได้ราบรื่นเช่นนี้”
ตอนนั้นเองฟาร์มาสก็มองไปยังเกรเดีย
มีความไม่พอใจแสดงอยู่ในแววตา
“แต่มันไม่เหมือนกับที่เจ้าบอกนะเกรเดีย”
“……หมายถึงอย่างไรหรือครับฝ่าบาท?”
“ตามที่เจ้าได้บอกมา แม้เธอจะหลักแหลมในด้านการรบทว่ามีนิสัยที่ไม่ค่อยคิดอะไรนอกเหนือจากนั้นไม่ใช่หรือ แต่เฮเลนาน่ะอ่านความหมายเบื้องหลังในคำพูดของข้าแล้วก็เข้าใจภาระหน้าที่ของตนเองได้ ถ้าเจ้าบอกแต่แรกว่าเป็นหญิงสาวที่ฉลาดปราดเปรื่องเช่นนั้น ข้าก็จะได้ไม่ต้องทำอะไรที่เหมือนการไปทดสอบเธอไงล่ะ”
“……ฉลาด หรือครับ?”
“ใช่ ยอดเยี่ยมไปเลยล่ะ หญิงสาวที่เข้าใจภาระหนักหน่วงของตนเองที่จะถูกปฏิบัติเหมือนเป็นชายาเอกและยังใจกว้างพอที่จะยอมรับมันไว้ได้ ต่อให้อายุมากกว่าสิบปีก็ไม่ใช่ปัญหา หากความวุ่นวายนี้จบลงจะรับเป็นชายาเอกอย่างเป็นทางการก็ไม่เลวนัก……ยอดเยี่ยมซะจนคิดแบบนั้นเลยล่ะ”
“ฝ่าบาท……ข้าขอกล่าวอะไรสักหน่อย”
เมื่อได้ฟังความเห็นของฟาร์มาสเช่นนั้น เกรเดียที่รู้จักเฮเลนามาก่อนหน้านี้ก็เอียงศีรษะด้วยความฉงน
อดีต “ขุนศึกพยัคฆ์แดง” เกรเดีย โรมุลุส
สมัยที่เขาเคยเป็นผู้นำกองกำลังอัศวินพยัคฆ์แดง คนที่เป็นรองผู้บังคับบัญชาของเขาก็คือวิกเตอร์ “ขุนศึกพยัคฆ์แดง” คนปัจจุบัน กับเฮเลนานั่นเอง
ซึ่งเขาก็เคยคิดตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ว่า ‘ผู้หญิงคนนี้ช่างมีหัวสมองที่น่าเสียดายเหลือเกิน’
“……เฮเลนาน่ะ โง่มากนะครับ”
“ไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอก สตรีที่รูปลักษณ์งดงาม หลักแหลมในการรบ เข้มแข็งและปราดเปรื่องเช่นนั้นจะหาที่ไหนได้อีก นั่นสินะ……หากลุ่มหลงหมกมุ่นกับสตรีในวังหลังก็จะถูกมองว่าเป็นจักรพรรดิที่โง่เขลายิ่งกว่าเดิมได้ เราปฏิเสธญัติของโนลด์ลุนด์เมื่อกี้แล้วไปซื้อของขวัญให้เฮเลนาแทนดีกว่า แต่งงบประมาณให้เกินจริงไปด้วย”
‘หึหึ’ ฟาร์มาสที่กำลังวางแผนชั่วร้ายและหัวเราะออกมายังคงไม่รู้ความจริง
ทว่าเกรเดียก็คิดว่า ‘หากฟาร์มาสมีความสุขงั้นก็ดีแล้วล่ะมั้ง’ และไม่ได้พูดอะไรออกไป