หลังจากจัดการผู้บุกรุกชั่วช้าที่แฝงตัวอยู่บนฝ้าเพดานแล้ว อันดับแรกเฮเลนาก็ตั้งใจว่าจะกลับไปวิดพื้นต่อ
ร่างกายยังอยู่ในสภาพเกือบเต็มร้อยอยู่เลย จากนี้ไปจะต้องสะสมความเหนื่อยล้าให้เต็มที่เพื่อให้กล้ามเนื้อพัฒนาเป็นกล้ามเนื้อที่ดียิ่งขึ้นก่อนที่จะถึงการฝึกฝนครั้งถัดไป เหงื่อเองก็เพิ่งจะผุดขึ้นมาบนหน้าผากได้นิดเดียวเท่านั้น น้อยเกินกว่าที่จะเรียกได้ว่าเหงื่อดี ๆ หลังการฝึกฝน
เธอคิดเช่นนั้นและกำลังจะอ้อมไปด้านหลังฟาร์มาส ทว่า
“น นี่ เฮเลนา”
“คะ?”
“……หอกนี่ จะปล่อยไว้แบบนี้รึ?”
สิ่งที่ฟาร์มาสชี้นิ้วใส่ก็คือหอกซึ่งแทงทะลุหัวใจของผู้บุกรุก
จะปล่อยให้โลหิตที่ไหลมาตามด้ามจับหยดเปื้อนพรมก็ไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงได้วางถังไม้รองเอาไว้ด้านล่าง
“ค่ะ มีปัญหาอะไรหรือคะ?”
“เอ่อ……ทำไมไม่ดึงมันออกล่ะ”
“เพราะแทงเข้าไปที่หัวใจค่ะ หากดึงออกทั้งแบบนั้นเลือดคงจะทะลักออกมา ข้าไม่อยากให้ห้องนี้ที่ได้รับมาจากฝ่าบาทแปดเปื้อนเลือดของพวกชั่วช้าค่ะ”
“……งั้นรึ”
“หากทิ้งไว้สักคืนเลือดก็คงจะแข็งตัว ไว้ค่อยดึงออกตอนนั้นก็ยังไม่สายค่ะ”
“…………งั้นรึ”
ฟาร์มาสกุมศีรษะเหมือนว่าได้ยอมแพ้อะไรสักอย่างไปแล้ว
สำหรับเฮเลนาที่ใช้ชีวิตในสนามรบ เธอเห็นโลหิตของผู้อื่นมาจนชินแล้ว ทว่านี่อาจเป็นสิ่งกระตุ้นที่แรงเกินไปสำหรับฟาร์มาสก็เป็นได้
ถึงเขาจะแสร้งเป็นจักรพรรดิผู้โง่เขลาอยู่ แต่ก็ใช่ว่าจะชอบเห็นอะไรที่มันคาวเลือดแบบนี้จริง ๆ
“……ทำไมถึงรู้ว่ามีผู้บุกรุกอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“น่าจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญสักเท่าไรค่ะ การลบจิตสัมผัสยังอ่อนหัดเกินไป แล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่เล็กน้อย หากเป็นมือฉมังของจริงจะสามารถลบจิตสัมผัสของตนให้ใกล้เคียงกับล่องหนที่สุดและเคลื่อนไหวในที่ทึบเสียงอย่างบนฝ้าเพดานได้โดยไม่มีเสียงแม้แต่น้อย เมื่อวานตอนกลางวันเจ้าคนนี้ก็อยู่เหมือนกัน แต่ดูแล้วไม่ถึงกับต้องระวังอะไรขนาดนั้นก็เลยปล่อยทิ้งไว้น่ะค่ะ”
“เมื่อวานก็อยู่รึ!?”
“เมื่อคืนไม่ได้อยู่ค่ะ……ส่วนหลังจากที่ข้าเมาสุราไปแล้วก็ไม่ทราบอีก ทว่าหากเป็นศัตรูระดับนี้ แม้จะเมาอยู่ข้าก็มั่นใจว่าสามารถจัดการได้ค่ะ”
“……………………งั้นรึ”
อาจด้วยความรู้สึกผิดที่ตนเองไม่ได้รู้สึกตัวเลย ฟาร์มาสจึงกัดริมฝีปาก
จากนั้นก็มองไปที่ปลายทางของหอกที่เสียบอยู่—มองไปที่ผู้บุกรุกด้วยความชิงชัง
“เราจะประเมินความปลอดภัยของวังหลังอีกครั้งโดยเร่งด่วน จะปรับปรุงเวรยามให้เข้มแข็งขึ้นเพื่อไม่ให้คนเช่นนี้บุกรุกเข้ามาได้อีก”
“……ข้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ”
“แต่เรากังวลน่ะสิ สมมุติว่านี่เป็น ‘มือฉมังของจริง’ อย่างที่บอกเมื่อครู่ เจ้าเองก็คงตกอยู่ในอันตรายใช่ไหมล่ะ คนที่ทำให้เจ้าประสบอันตรายก็คือเราเอง ดังนั้นเราย่อมต้องเป็นผู้รับผิดชอบ”
“……ค่ะ”
ความจริงแล้วต่อให้ “มือฉมังของจริง” ที่ลบจิตสัมผัสและไร้เสียงฝีเท้าปรากฏตัวออกมาจริง เฮเลนาก็คงไม่มีปัญหาอะไร
ในฐานะนักสู้แล้วเฮเลนามีสิ่งที่เรียกว่าอาณาเขตเป็นของตนเอง และหากมีสิ่งใดมาสัมผัสกับอาณาเขตนี้เธอจะรู้สึกตัวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามแม้เฮเลนาจะเรียกสิ่งนี้ว่าอาณาเขตแต่ความจริงแล้วมันคือวิชาที่ผสมผสานสัมผัสทั้งห้าอันล้ำเลิศเข้ากับสัมผัสที่หกซึ่งผ่านการขัดเกลามาในสนามรบนั่นเอง
และเมื่อได้เข้ามาในอาณาเขตดังกล่าวแล้ว ตราบใดที่ผู้นั้นไม่ใช่ยอดฝีมือที่เหนือกว่าเฮเลนา เธอก็คงสามารถจัดการมันได้
ถึงกระนั้นจะไปขัดขวางความตั้งใจของจักรพรรดิก็คงไม่ดีนัก
“คืนนี้เรากลับก่อนดีกว่า”
“จะกลับแล้วหรือคะ?”
“อา ขอโทษด้วย……แต่เราก็ไม่คิดจะทำงานในห้องที่มีเลือดหยดลงมาจากหอกหรอก อยากจัดเตรียมเรื่องเวรยามในวังหลังอย่างเร่งด่วนด้วย แล้วก็……เรื่องดาบน่ะ จะจัดการให้เอามาส่งพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน”
“รับทราบค่ะ”
‘เยสสสสสสส’ เธอตะโกนดังแค่ในใจ
ถึงการที่ฟาร์มาสมาเยือนมันจะไม่ได้เดือดร้อนอะไรแต่หากเลือกได้เฮเลนาก็อยากจะนอนคนเดียว
วันนี้ฟาร์มาสมาที่นี่ ดังนั้นอเลกเซียก็คงไม่กลับมาจนเช้า แปลว่าเธอจะเป็นอิสระจนถึงเช้านั่นเอง จะร่ำสุราสักแค่ไหนก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
“เฮเลนาเอ๋ย”
“ค่ะ”
ทว่าเฮเลนาก็เก็บงำความรู้สึกเช่นนั้นไว้ในใจและตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่ยังคงเรียบเฉย
ทั้งที่ความคิดในหัวเธอนั้นน่าเสียดายระยะสุดท้ายแล้วแท้ ๆ แต่ฟาร์มาสกลับไม่ได้รู้เรื่องนั้นเลย โลกเรานี้บางทีก็แปลกจริง ๆ
“เจ้าน่ะ……นอนหลับในห้องที่มีเลือดหยดเช่นนี้ได้รึ? ถ้าอย่างไรให้เราตระเตรียมห้องอื่นไหม”
“ไม่ต้องค่ะ ไม่เป็นไร”
หากเพียงเท่านี้ยังกังวลกับกลิ่นเลือด แล้วกระโจมในสนามรบมันจะเหม็นคาวเลือดขนาดไหนกัน
สำหรับเฮเลนาที่เคยอยู่ในสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายมาอย่างต่อเนื่อง แค่มีศพนอนกลิ้งอยู่ศพเดียวย่อมไม่เป็นปัญหาอะไรทั้งนั้น
“……งั้นรึ เช่นนั้นเราก็จะไม่พูดอะไรแล้ว ถ้ามีผู้บุกรุกเข้ามาอีกเหมือนวันนี้ก็ช่วยรายงานเราด้วยล่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“แล้วก็”
จากนั้นฟาร์มาส
ก็ได้จุมพิตไปที่หูของเฮเลนาอย่างแผ่วเบา
“ขอโทษด้วย ที่ต้องมาวุ่นวายเพราะความเอาแต่ใจของเรา”
“—”
“แล้วพบกันนะ สนมฟ้าสุริยาของเราเอ๋ย คืนพรุ่งนี้เราจะมาอีกครั้ง”
เฮเลนาที่หน้าแดงไปจนถึงหูยืนมองส่งฟาร์มาสที่กำลังออกไปจากห้อง
พูดให้ถูกก็คือ เธอขยับตัวไม่ได้
อาณาเขตที่มีอยู่ในฐานะนักสู้ หากมีสิ่งใดมาสัมผัสเฮเลนาก็สามารถรับรู้และขยับตัว จะหลบหลีกหรือป้องกันก็ทำได้ทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่ของดาบ การแทงของหอก เสียงโหยหวนของกำปั้น เธอสามารถคาดการณ์มันได้ทุกอย่าง
ทว่า—มีเพียงริมฝีปากของฟาร์มาสเท่านั้น ที่ไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันได้เลย
“อ๊า—……ปัดโธ่!”
เธอตะโกนเช่นนั้นอย่างเต็มเสียง ใส่ฟาร์มาสที่ได้ปิดประตูและจากไปแล้ว
เฮเลนาที่ปลิดชีพผู้บุกรุกได้ด้วยการแทงหอกเดียว ตอนนี้กลับไม่สามารถเอาชนะได้เลย
เธอโดนหยอกล้อจนหัวหมุนทุกที
แบบนี้สู้ให้อยู่ในสนามรบยังจะสงบใจมากกว่าอีก
“ดื่มดีกว่า”
เรื่องไร้สาระต่าง ๆ ก็ต้องร่ำสุราแล้วลืมมันไปซะ
จุมพิตที่กลั่นแกล้งของฟาร์มาสนั่นก็แค่กำลังล้อเฮเลนาเล่นอยู่เท่านั้นแหละ จะแกล้งสตรีที่เลยวัยออกเรือนเช่นนี้ก็ให้มันมีขอบเขตเสียบ้างเถอะ แถมอีกฝ่ายยังเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดที่ต่อต้านไม่ได้อีก
สนามรบเช่นนี้ เธอไม่ถนัดเลย
ทั้งที่การต่อสู้ที่เรียบง่ายกว่านี้เป็นงานถนัดของเฮเลนาแท้ ๆ
เมื่อวานดันดื่มสุราชั้นดีที่ขอยืมมาจากบ้านมาร์ควิสเรลโนตจนหมดไปแล้ว ที่เหลืออยู่มีแต่สุราราคาถูกที่นำมาด้วยต่างหาก
ทว่าเท่านั้นก็พอแล้ว เพราะเธอแค่จะดื่มคนเดียว
รินสุราใส่แก้ว แล้วก็กระดกดื่มลงไป
ดีกรีค่อนข้างแรง รู้สึกได้ว่ามันซึมซ่านไปในตัว
“อ๊า—!”
ทว่าต่อให้ดื่มไปมากแค่ไหนใจมันก็ไม่ปลอดโปร่งขึ้นเลย
จะกลืนไปกี่แก้วก็ไม่สามารถอธิบายแรงกระตุ้นในใจนี้ได้
มันอื้ออึงไปหมด
ทั้งที่รู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็รู้สึกสบายใจด้วย
“ถ้าคิดจะหลบ ก็ทำได้แท้ ๆ !”
เธอคาดการณ์ได้
การเคลื่อนไหวแปลก ๆ ของฟาร์มาส ใบหน้าได้รูปที่เข้ามาใกล้ สัมผัสอ่อนนุ่มที่มาโดนหูของเฮเลนา
ทั้งหมดนั้นเธอรับรู้มันได้ มันไม่ใช่โดนเล่นทีเผลอแบบเมื่อวาน เธอสังหรณ์ใจอยู่ด้วยซ้ำว่าเขาอาจจะทำแบบนั้น
ทั้งที่เป็นแบบนั้น ร่างกายมันกลับไม่ขยับ
“ทำไมกัน!”
ราวกับว่า
เฮเลนาใฝ่หาการกระทำดังกล่าวอยู่
“อ๊า—!”
เฮเลนาที่รู้สึกเกลียดตัวเองจนอยากจะตาย ได้ดื่มสุราราคาถูกไปจนหมดขวดในอึดใจเดียว
ดื่มไปแก้วหนึ่งก็ตะโกนออกมาทีหนึ่ง หากความเกลียดตัวเองมันสามารถสังหารคนได้ เธอก็คงร่ำร้องจนสังหารศัตรูสิ้นซากไปได้ราวหนึ่งกองพัน
และหลังจากเข้าสู่ขวดที่ห้า เธอก็ได้หมดสติไป