หลังจากส่งฟาร์มาสกลับแล้ว เฮเลนาก็ฝึกฝนร่างกายประจำวันซ้ำ ๆ ไปพลาง ๆ
วิดพื้น ซิตอัป สควอต กล้ามเนื้อหลัง ซึ่งระหว่างที่ทำอยู่อเลกเซียก็ได้มาถึงพอดี เธอจึงได้ทำต่อโดยให้อเลกเซียขี่หลัง แม้จะสังเกตเห็นว่าแววตาของอเลกเซียดูเฉยชาเหมือนตายไปแล้วอย่างไรไม่รู้ แต่เธอก็ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น มีเรื่องเศร้าใจอะไรหรือเปล่านะ
จากนั้นเมื่อจบการออกกำลังกายเบา ๆ เธอก็ได้ทานอาหารเช้าอันเย็นชืดที่ผ่านการทดสอบพิษมาแล้ว อย่างน้อยที่สุดเพื่อทดแทนอาหารเย็น ๆ ดังกล่าวจึงชงชาร้อน ๆ มาดื่มด้วย
“ท่านเฮเลนา วันนี้จะทำอะไรหรือคะ?”
“……ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะ มีเรื่องอะไรรึ?”
“ไม่มีการนัดหมายล่วงหน้าเป็นพิเศษค่ะ คืนนี้ฝ่าบาทก็จะไม่เสด็จมาเยือนด้วย ดังนั้นจึงว่างทั้งวันเลยนะคะ มีอะไรที่อยากทำไหมคะ?”
“อืม……”
เฮเลนาเอียงศีรษะอย่างใช้ความคิดในขณะกำลังเคี้ยวอาหารเช้า
โดยพื้นฐานแล้วเฮเลนาเป็นคนไม่มีงานอดิเรก การฝึกฝนและการไปทานข้าวหรือดื่มสุรากับเพื่อนนั้นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของงาน เธอไม่มีวิธีฆ่าเวลาว่างอย่างสนุกสนานด้วยตัวคนเดียวเลย
แล้วจะทำอะไรดีน่ะหรือ
ของมันก็แน่อยู่แล้ว
“เอาล่ะ ฝึกร่างกายทั้งวันเลยดีกว่า”
“……ก็นั่นน่ะสิน้า”
ไม่รู้ทำไมอเลกเซียถึงทำหน้าเหมือนยอมแพ้อะไรไปแล้ว แววตาเฉยชาเหมือนตายไปแล้วจริง ๆ
ทำไมถึงมองเฮเลนาด้วยสีหน้าหมองเศร้าแบบนั้นกันนะ
“วันนี้ใช้สวนระหว่างอาคารได้ไหม?”
“ไม่ได้ยินว่าพระสนมคนไหนจะจัดงานเลี้ยงน้ำชา ดังนั้นคิดว่าน่าจะใช้ได้โดยไม่มีปัญหาค่ะ”
“ดีล่ะ ไว้ช่วงบ่ายจะไปฟันดาบก็แล้วกัน”
การแกว่งดาบที่ได้รับมาจากฟาร์มาสนี้คงยากจะทำที่อื่นนอกจากในสวนระหว่างอาคาร
ถ้าแค่ฝึกฟันดาบเฉย ๆ ก็พอจะทำในห้องได้ แต่จะแกว่งดาบทั้งทีเธอก็อยากฝึกฝนโดยจำลองการต่อสู้จริงไปด้วย
หากเป็นสายลับหรือนักลอบเร้นก็ว่าไปอย่าง แต่ทหารที่อยู่ในสมรภูมิเช่นเฮเลนาไม่มีความจำเป็นต้องฝึกว่าจะสามารถเคลื่อนไหวในที่แคบได้ดีแค่ไหน ดังนั้นจึงต้องการใช้ที่กว้าง ๆ มากกว่า
เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จอเลกเซียก็นำจานชามที่กินเสร็จแล้วไปเก็บ หลังจากนั้นเฮเลนาก็ดื่มชาสักถ้วย แล้วเริ่มฝึกฝนร่างกายต่ออีกครั้ง
คราวนี้ก็ให้อเลกเซียขี่หลังเหมือนเดิม แล้วก็ออกกำลังกายแบบเดิม
การฝึกฝนซ้ำ ๆ จะเป็นพลัง ความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งจะสร้างรากฐานแห่งพลัง
เฮเลนาอุทิศตนอย่างหน้ามืดตามัวให้ความเชื่อเช่นนั้น ดังนั้นเธอจึงสามารถอดทนต่อการฝึกฝนที่เหมือนเอาแส้มาฟาดร่างกายตัวเองเช่นนี้ได้
‘ฮึบ ฮึบ’ เธอวิดพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสภาพที่มีอเลกเซียขี่หลังอยู่เช่นนั้น
แล้วก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
“จะว่าไปแล้วนะ อเลกเซีย”
“คะ? จะพอแล้วหรือคะ?
“ไม่อ่ะ ทำต่อ……แต่มีคำถามนิดหน่อยน่ะ”
“……ค่ะ”
ตอนแรกเสียงอเลกเซียก็ฟังดูดีใจนิดหน่อย แต่พอฟังคำตอบของเฮเลนาก็หดหู่ไปทันที มันเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไรขึ้นในใจของเธอกันนะ
เอาเถอะ แม้จะเพิ่งนึกขึ้นมาได้แต่ความจริงนี่เป็นคำถามที่เธอควรจะสงสัยมาตั้งนานแล้ว เฮเลนาถอนใจให้กับความน่าเสียดายของหัวสมองของตน ก่อนที่จะกล่าวต่อว่า
“อเลกเซียน่ะ ต่อสู้ไม่ได้งั้นรึ?”
“ข้าน่ะหรือคะ?”
“ใช่ ถึงจะบอกว่าเป็นพี่น้องต่างแม่ แต่ก็เป็นน้องสาวของ ‘ขุนศึกหมีน้ำเงิน’ ท่านบาร์โตโลเม วีรบุรุษผู้หาตัวจับยากของทวีปนี้ไม่ใช่รึ? ก็เลยคิดขึ้นมาว่าน่าจะคาดหวังฝีมือการต่อสู้ได้หรือเปล่าน่ะ”
ถ้าอเลกเซียมีฝีมือต่อสู้ ก็อยากจะให้มาร่วมฝึกด้วยกันในสวนระหว่างอาคารด้วย
การฝึกต่อสู้กับศัตรูในจินตนาการก็ไม่เลวนัก แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่จินตนาการ การต่อสู้จริงต่างหากจึงจะช่วยขัดเกลาพลังของตนได้ดีที่สุด
ดังนั้นจึงคว้าความหวังที่เหมือนฟางเส้นสุดท้ายไว้และถามออกไปเช่นนั้น
“……หากจะให้ตอบคำถาม ก็ต้องบอกว่าสามารถต่อสู้ได้ค่ะ”
“งั้นรึ! เช่นนั้นก็……”
“ทว่า ไม่สามารถค่ะ”
“……?”
เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่อาจเข้าใจได้เช่นนั้น เฮเลนาจึงเอียงศีรษะด้วยความสับสน ทั้งที่กำลังวิดพื้นไปด้วย
สามารถต่อสู้ได้ แต่ก็ไม่สามารถ มันหมายความว่าอย่างไรกัน
อเกลเซียจึงกล่าวต่อ
“หากคู่ต่อสู้เป็นสตรีธรรมดาทั่วไปข้าคงสามารถรับมือได้ ทว่าข้าไม่มีฝีมือถึงขนาดจะประมือกับท่านเฮเลนาได้หรอกค่ะ”
“งั้นก็มาฝึกฝนร่วมกับข้าเพื่อขัดเกลาไปด้วยกันสิ”
“ไม่ไหวคะ เท่าที่ดูจากการรำดาบในสวนแล้ว ต่อให้ข้าใช้อาวุธแบบไหนก็นึกออกแต่ภาพที่ถูกท่านเฮเลนาสังหารในพริบตาเท่านั้นค่ะ”
อเลกเซียเองก็มีความรู้ในเชิงบู๊พอสมควร
ดังนั้นจึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าตนเองมีพลังไม่พอจะประมือกับเฮเลนาผู้อยู่บนยอดเขาแห่งยุทธ
เมื่อได้ฟังคำตอบของอเลกเซียดังนั้น เฮเลนาก็ทำปากบึน
ถ้าเป็นไปได้ หากมีคนมาร่วมฝึกซ้อมต่อสู้ด้วยกันมันก็คงจะสุดยอดไปเลยแท้ ๆ
“ฮึ่ม……”
“ท่านเฮเลนา โปรดเข้าใจด้วยค่ะ”
“หืม?”
“ความแข็งแกร่งของท่านเฮเลนาน่ะ มันละทิ้งความเป็นมนุษย์ไปแล้วนะคะ”
……
ร้สึกเหมือนกำลังโดนด่าสุด ๆ แต่มันน่าจะเป็นคำชมสินะ
เพราะถ้าไม่คิดเอาไว้ว่ามันคือคำชม มันก็จะน่าเศร้าเกินไป
จากนั้นเธอก็หยุดการสนทนา และตั้งหน้าตั้งตาออกกำลังกายซ้ำ ๆ ไปตลอดช่วงเช้า
เมื่อเรียกเหงื่อได้พอควรแล้วก็พักชั่วครู่จากนั้นก็เริ่มใหม่อีกครั้ง จนในที่สุดก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน
เพราะได้ออกกำลังกายท้องก็เลยหิว ดังนั้นแม้แต่อาหารกลางวันที่เย็นชืดเฮเลนาก็รู้สึกว่ามันอร่อย
หลังจากนั้นก็อาบน้ำเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่เคลื่อนไหวสะดวก และมุ่งไปยังสวนระหว่างอาคาร
แน่นอนว่าในมือขวาถือดาบใหญ่ที่ได้รับมาจากฟาร์มาสไปด้วย
อเลกเซียเพียงยืนดูอยู่ในจุดที่ดาบของเฮเลนาไปไม่ถึงเช่นเดียวกับในวันก่อน
ทว่าเธอไม่ได้จินตนาการคู่ต่อสู้ขึ้นมาแบบเมื่อวาน แต่ฝึกท่าพื้นฐานซ้ำไปมาแทน
วิธีการจู่โจมด้วยดาบนั้น โดยหลัก ๆ แล้วมีอยู่สามวิธี
แทง สับ กวาด
ใช้ปลายดาบที่แหลมคม ทิ่มแทงร่างของศัตรู
การโจมตีนี้หากมองจากมุมของศัตรูแล้วมีพื้นที่หน้าตัดซึ่งสัมผัสกับเป้าหมายที่น้อยมากจึงยากที่จะป้องกัน ในทางกลับกันเพราะพื้นที่หน้าตัดน้อยจึงสามารถหลบเลี่ยงได้ง่าย
ใช้ใบดาบที่ขัดเกลามา ฟันสับในแนวตั้ง
เพราะมีปัจจัยที่ชื่อว่าแรงดึงดูดเข้ามาเพิ่มเติม จึงสามารถเสริมความเร็วให้กับแรงกล้ามเนื้อของตัวเอง และฟาดฟันลงมาได้ในอึดใจเดียว เป็นการโจมตีที่หากป้องกันไว้ได้ไม่ดีพอ ร่างมนุษย์ก็อาจขาดเป็นสองท่อนได้ ทว่าการที่จำเป็นต้องมีการยกดาบขึ้นก่อนหนึ่งครั้งก็ทำให้ไม่สามารถโจมตีได้อย่างคล่องแคล่ว
ใช้แรงเหวี่ยงหนีศูนย์ ฟันกวาดในแนวขวาง
การโจมตีที่รวมแรงจากการหมุนเข้าไปด้วยนี้ หากจะหลบก็ต้องกระโดดหรือหมอบ หรือไม่ก็ถอยออกไปเท่านั้น ถ้าพิจารณาในด้านการกดดันควบคุมคู่ต่อสู้แล้วจะมองว่าวิธีนี้มีขอบเขตที่กว้างที่สุดก็ได้ ทว่าด้วยตำแหน่งในการโจมตี ทำให้มันถูกป้องกันได้ง่าย
เฮเลนาฟันดาบซ้ำไปซ้ำมา ในขณะที่เข้าใจการเคลื่อนไหวแต่ละรูปแบบนั้นเป็นอย่างดี
สองแขนร่ำร้อง สองฝ่ามือประท้วงต่อความเจ็บปวด หยาดเหงื่อหลั่งไหล
การทรมานร่างกายของตนไปเช่นนี้—มันช่างรู้สึกดีเหลือเกิน
ในระหว่างที่เคลื่อนไหวอยู่นั้น บางช่วงเวลาก็เหลือบไปเห็นนางสนมคนอื่น ๆ อยู่ด้วยเหมือนกัน เช่น “สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเตซึ่งส่งสายตาดูแคลนมาทางนี้ หรือ “สนมฟ้าดารา” มาริเอลซึ่งส่งสายตาที่ไม่ค่อยเข้าใจว่าคิดอะไรอยู่มาให้ ทว่าเฮเลนาก็ไม่หวั่นไหวกับเรื่องพรรค์นั้นอีกแล้ว
เธอได้แกว่งดาบต่อไปอย่างเต็มที่ โดยแทรกด้วยช่วงพักเหนื่อยเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งตะวันตกดิน
“ยากลำบากหน่อยนะคะ ท่านเฮเลนา”
“อ่า วันนี้ได้ออกกำลังกายอย่างดีมากเลยล่ะ”
เฮเลนาซับเหงื่อด้วยผ้าที่อเลกเซียยื่นให้ และกลับไปที่ห้องของตนเอง
หลังจากนั้นก็ทานอาหารเย็นที่เย็นชืด และอาบน้ำ
เมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่างก็ขึ้นเตียง
“ราตรีสวัสดิ์นะคะ ท่านเฮเลนา”
“อือ ราตรีสวัสดิ์”
เมื่อไฟถูกดับลง ในไม่ช้าความเหนื่อยล้าและความง่วงก็ได้เข้าจู่โจมใส่เฮเลนา
แม้เฮเลนาจะไม่เคยแพ้คนที่เข้ามาจู่โจม แต่ก็ไม่เคยเอาชนะความง่วงที่เข้ามาจู่โจมได้เลยสักครั้ง ดังนั้นเธอจึงปล่อยตัวไปกับมัน และออกเดินทางสู่โลกแห่งความฝัน
“งืม……ฝ่าบาท……”
‘ฟี้ ฟี้’ เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่เป็นระบบกับเสียงละเมอที่ดังให้ได้ยินเป็นครั้งคราวเช่นนี้ หนึ่งวันของเฮเลนาก็ได้สิ้นสุดลง เธอคงไม่ตื่นขึ้นมาอีกจนกระทั่งรุ่งเช้าของวันถัดไป
และแล้วหนึ่งวันอันสมองกล้ามของบุตรีขุนนางสมองกล้ามก็ได้ปิดฉากลงเช่นนี้เอง