ทิศเหนือของจักรวรรดิกันเกรฟนั้นมีชายแดนติดกับประเทศศัตรูสามประเทศ
ราชรัฐดาเลียที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ราชอาณาจักรมูลธารที่อยู่ตรงกลาง และราชอาณาจักรเอสตีที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ในด้านพื้นที่แล้วพวกเขาแต่ละประเทศเป็นประเทศเล็กที่มีขนาดไม่ถึงหนึ่งในสิบของกันเกรฟด้วยซ้ำ ทว่าสามประเทศนี้กลับรวมพลังเป็นพันธมิตรกันอย่างเหนียวแน่น เพราะอย่างนั้นจึงสามารถต่อสู้กับกันเกรฟที่พลังเหนือกว่าได้อยู่
ในแนวหน้าของการรบกับประเทศเล็ก ๆ ซึ่งถูกเรียกว่าพันธมิตรสามอาณาจักรนั้น
ผู้ที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดแห่งพลังรบของจักรวรรดิกันเกรฟ—หนึ่งในแปดยอดขุนศึก “ขุนศึกวิหคดำ” ริกฮาร์ด เรลโนต กำลังอยู่ ณ บริเวณชายแดนที่เชื่อมต่อกับราชอาณาจักรเอสตี
“ให้ตายสิ……เมื่อไหร่จะทำให้มันดี ๆ ได้สักทีนะ”
“นั่นสินะคะ ทางนี้เองก็อยากจะเอาจริงสักทีเหมือนกันค่ะ”
ผู้ที่ตอบรับด้วยเสียงเบา ๆ ต่อการบ่นพึมพำของริกฮาร์ด คือร่างที่เรียกได้ว่าเป็นเด็กหญิงในชุดเครื่องแบบทหาร
หากดูจากภายนอกอย่างเดียว อาจดูเหมือนอายุไม่ถึงสิบปีดีด้วยซ้ำ ทว่าแววตาอันเยือกเย็นซึ่งมองดูป้อมปราการที่อยู่เบื้องหน้านั้น คือแววตาของแม่ทัพผู้เจนศึกอย่างไม่ต้องสงสัย
สมกับฉายา “หมาป่าเงิน” ที่แบกรับ–ผมยาวที่ราวกับจันทราสีเงินซึ่งสถิตอยู่บนฟากฟ้าถูกมัดรวบไว้อย่างนุ่มนวล
เธอผู้นี้คือหนึ่งในแปดยอดขุนศึกเช่นเดียวกับริกฮาร์ด—“ขุนศึกหมาป่าเงิน” ทิฟฟานี รีด
“นครหลวงยังสั่งให้ทำศึกตั้งรับอยู่อีกงั้นรึ”
“ในปัจจุบันอำนาจบัญชาการกองทัพทั้งหมดอยู่ที่องค์จักรพรรดิค่ะ ทั้งที่ขอแค่ฝ่าบาทสั่งการมาว่าตีให้แตก ทางเราเองก็จะได้เริ่มสู้ได้สักทีแท้ ๆ”
“เด็กน้อยนั่นมันเข้าใจสถานการณ์หรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่รู้สิคะ พวกเราเองก็ได้แต่ทำตามคำสั่งล่ะนะ”
‘เฮ้อ’ ริกฮาร์ดถอนหายใจเฮือกใหญ่
แต่เดิมทีแล้วริกฮาร์ดมาจากตระกูลขุนนางที่ชื่อว่าตระกูลมาร์ควิสเรลโนต โดยเขาเป็นพี่ชายคนโต มีบิดาชื่อแอนตัน มารดาชื่อเรย์ลา แล้วก็น้องสาวสามคนคือเฮเลนา อัลเบรา และลิลิธ
ตามจริงแล้วริกฮาร์ดควรจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลมาร์ควิสเรลโนต และเขาก็ได้รับการศึกษาเพื่อการนั้นมาด้วย
ทว่า—เมื่อริกฮาร์ดอายุได้สิบห้าปี เส้นทางที่เขาเลือกกลับเป็นการเข้าร่วมกองทัพ
ทั้งหมดนั้นคงเป็นเพราะสายเลือดของมารดา เรย์ลา ซึ่งก็เคยเป็นหนึ่งในแปดยอดขุนศึกเหมือนกันกระมัง และกองทัพก็เป็นองค์กรที่วัดค่าคนที่ความสามารถเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนชาติกำเนิดในฐานะขุนนางแต่อย่างใด ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นเขาก็ได้ฝึกฝนยุทธของตนเองอย่างเอาเป็นเอาตาย เรียนรู้การควบคุมทัพ ผ่านศึกสงครามหลายสมรภูมิ จนเมื่อรู้ตัวอีกทีริกฮาร์ดก็ได้มาถึงตำแหน่งแปดยอดขุนศึกซึ่งเป็นจุดสูงสุดแห่งพลังรบของจักรวรรดิแล้ว
ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่มีความคิดแม้เสี้ยวเดียวว่าตนเองก้าวข้ามมารดาซึ่งจากไปได้แล้ว
“ว่าแต่ มีธุระไรล่ะทิฟฟานี”
“น่าจะแสดงความเคารพผู้อาวุโสกว่านี้หน่อยนะคะ”
“งั้นก็ไปทำรูปลักษณ์ให้มันรู้สึกได้ถึงความอาวุโสก่อนสิ แล้วจะยอมเคารพให้สักนิดก็ได้”
‘เหอะ’ เขาแค่นเสียง
“ขุนศึกหมาป่าเงิน” ทิฟฟานี รีด แม้ดูรูปลักษณ์ภายนอกแล้วเธอจะเป็นแค่เด็กหญิงตัวน้อย แต่อายุจริงของเธอมากกว่าริกฮาร์ดเสียอีก เขารู้สึกสงสัยมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่าทำไมเธอถึงได้ดูอ่อนเยาว์ขนาดนั้นได้นะ
เกรงว่าหากเทียบกับริกฮาร์ดซึ่งอายุสามสิบกว่าแล้ว คงจะดูเป็นพ่อกับลูกได้เลยด้วยซ้ำ
ถึงกระนั้น
ทิฟฟานีเองก็เป็นหนึ่งในแปดยอดขุนศึกเช่นเดียวกับริกฮาร์ด และแปดยอดขุนศึกทุกคนก็มีกองกำลังอัศวินอยู่ใต้บัญชาของตนเอง ริกฮาร์ดมีกองกำลังอัศวินวิหคดำ ส่วนทิฟฟานีมีกองกำลังอัศวินหมาป่าเงิน
และแม้จะอยู่ในแนวหน้าการรบเดียวกัน แต่การที่แม่ทัพมาอยู่ในที่เดียวกันแบบนี้ก็เห็นได้ไม่บ่อยนัก ปกติแล้วก็จะมีแต่ในโอกาสที่ประชุมวางแผนการรบกันเท่านั้น
ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่ทิฟฟานีกลับมาอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลบางอย่าง
“รูปลักษณ์ข้าก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดนั่นแหละค่ะ”
“ ‘ขุนศึกหมาป่าเงิน’ เนี่ยโดนคำสาปให้ไม่แก่กันทุกรุ่นเลยรึไงกัน?”
“อาจจะจริงก็ได้นะคะ ทั้งรุ่นก่อนและรุ่นก่อน ๆ ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน”
“เหอะ แล้วไง มีธุระอะไรล่ะ”
ริกฮาร์ดนึกย้อนถึง “ขุนศึกหมาป่าเงิน” แต่ละรุ่นพลางถอนใจหนึ่งเฮือกใหญ่
มาลองนึกดูแล้วเรย์ลามารดาของริกฮาร์ดเองก็เป็นอดีต “ขุนศึกหมาป่าเงิน” ด้วย แล้วก็ดูอ่อนกว่าอายุจริงจนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพี่น้องกันบ่อย ๆ
ทว่า—ฝืมือยุทธของเธอนั้นห่างไกลกับรูปลักษณ์เป็นอย่างมาก
“ค่ะ อันที่จริงข้าจำเป็นต้องห่างจากแนวหน้าไปสักพักน่ะค่ะ”
“……ในสถานการณ์แบบนี้ จะให้ข้ารับมือคนเดียวเนี่ยนะ?”
“ในเรื่องการบัญชากองกำลังอัศวินหมาป่าเงิน ข้าได้ฝากสเตย์ซีที่เป็นรองผู้บังคับบัญชาจัดการไปก่อน ส่วนการบังคับบัญชากองทัพโดยรวมขอฝากให้ท่านจัดการนะคะ”
“เฮ้ย ๆ……”
“แล้วก็ มีจดหมายมาถึงท่านด้วยค่ะ”
“โฮ่”
เขารับจดหมายที่ทิฟฟานียื่นมาให้
จากใครกันนะ เฮเลนาหรือเปล่า หรือว่าเป็นอัลเบราหรือลิลิธกันนะ เขารับมันมาด้วยความรู้สึกยินดีเล็ก ๆ แบบนั้น
แต่พอเห็นชื่อผู้ส่งเขียนไว้ว่า “แอนตัน เรลโนต” พ่อแท้ ๆ ของตนก็หมดความสนใจทันที
“อะไรวะ……จากตาแก่หรอกเรอะ”
“ไม่อ่านหรือคะ?”
“ยังไงก็คงเขียนเหมือนทุกทีว่า ‘รีบลาออกมาสืบทอดตำแหน่งที่ปรึกษาหลวงซะที’ นั่นแหละ ดูเหมือนตาแก่นั่นจะยังไม่ยอมแพ้เรื่องข้าสินะ”
“ปกติแล้วบุตรชายขุนนางมาร์ควิสก็น่าจะเป็นแบบนั้นนะคะ”
“ไม่สนหรอกเว้ย อาละวาดในสนามรบแบบนี้สนุกกว่าเป็นไหน ๆ”
พวกบ้าสงคราม—ริกฮาร์ดเป็นที่รู้จักเช่นนั้นแม้แต่ในกองทัพ
ในสถานการณ์ที่รบกันอยู่เหมือนตอนนี้ก็เรื่องหนึ่ง แต่ในยามสงบแล้ว ปกติกองทัพก็จะอยู่ประจำการในฐานที่มั่นในนครหลวง เฝ้าฝึกฝนหรือฝึกจำลองการต่อสู้เพื่อธำรงวินัย และเมื่อถึงเวลาจำเป็นจึงค่อยเดินทัพไปยังสนามรบ
ทว่ากองกำลังอัศวินวิหคดำที่ริกฮาร์ดบัญชานั้นต่างออกไป
แม้ในยามสงบ พวกเขาก็จะเดินทัพเพื่อไปปราบโจรที่คอยรังควานตามพื้นที่ต่าง ๆ และแทบไม่เคยจะหยุดอยู่ที่นครหลวงเลย ดังนั้นเมื่อเป็นแปดยอดขุนศึกจึงได้รับตำแหน่งของ “ขุนศึกวิหคดำ” โดยแฝงความหมายถึงการบินวนไปทุกหนแห่งราวกับนกนั่นเอง
ดังนั้นแม้แต่ในยามสงบเขาก็แทบไม่เคยกลับคฤหาสน์ซึ่งอยู่ในนครหลวง จะบอกว่าบ้านของเขาก็คือสมรภูมิเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม
หากเป็นน้องสาวที่รักทั้งสามของเขาส่งจดหมายมาสักคำว่าอยากให้กลับบ้าน ต่อให้กำลังยืนอยู่กลางสนามรบเขาก็จะกลับไปทันทีโดยไม่ลังเล
“เฮ้อ……”
แม้จะรู้สึกผิดหวังแต่เขาก็ยอมเปิดจดหมายดูก่อน
แน่นอนว่าประโยคแรกมันก็เริ่มด้วยการบอกว่า ‘รีบ ๆ กลับมาซะที’ จริง ๆ ด้วย ทำไมถึงไม่ยอมแพ้แล้วรับลูกบุญธรรมมาสักคนให้มันจบ ๆ ไปซะทีนะ
ต่อมาเป็นเรื่องสถานการณ์ในนครหลวงและการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในประเทศ มีแต่เรื่องที่ริกฮาร์ดทำความเข้าใจไม่ค่อยได้เรียงมาต่อ ๆ กันทั้งนั้น แม้ริกฮาร์ดจะหัวไวในเรื่องกลยุทธทางการทหาร แต่ก็ไม่อยากคิดเรื่องยาก ๆ ให้ปวดหัว
ทว่าเมื่อมาถึงตอนสุดท้ายของจดหมาย
สิ่งที่ถูกเขียนอยู่ตรงนั้น—ทำให้เขาเบิกตากว้าง
“หา!?”
“อ๊ะ ได้อ่านแล้วสินะคะ”
“น น นี่มันหมายความว่าไงกัน!?”
สิ่งที่ถูกเขียนอยู่ในตอนท้ายของจดหมาย
มันคือ
ประโยคที่ว่า หนึ่งในบรรดาน้องสาวที่รักยิ่งชีพทั้งสามของริกฮาร์ด—น้องสาวคนโตเฮเลนาได้เข้าวังหลังไปแล้ว
“ทำไมเฮเลนาถึงไปวังหลัง!?”
“ไม่รู้สิคะ ข้าเองก็ไม่อาจคาดเดาตื้นลึกหนาบางของการเมืองได้เหมือนกัน”
“อย่ามาล้อเล่นกันนะ! อัลเบราก็แต่งกับไอ้โดเรลไป ส่วนลิลิธก็โดนประเทศข้าง ๆ แย่งไปแล้วนะเฮ้ย!? คิดจะแย่งเฮเลนาของข้าไปด้วยเรอะไอ้บ้านี่!”
“อย่าเพิ่งใจร้อนไปสิคะ ริกฮาร์ด”
แม้ทิฟฟานีจะห้ามปรามแบบนั้น แต่ริกฮาร์ดก็กำขยำจดหมายและเบิกตากว้าง
เหล่าน้องสาวที่รักยิ่งกว่าใครทั้งสามของริกฮาร์ด
อัลเบรานั้นได้แต่งงานกับบุตรชายผู้สืบทอดตระกูลเคานต์ โดเรล อาโร ซึ่งเป็นคู่หมั้นหมายตั้งแต่เด็ก ริกฮาร์ดเองลืมนับไปแล้วว่าก่อนจะถึงงานพิธีเขาเคยคิดจะลอบเล่นงานโดเรลไปกี่ครั้ง
ส่วนลิลิธนั้น สมัยที่เข้าเรียนในสถานศึกษาเธอก็ได้พบกับนักเรียนแลกเปลี่ยนจากราชอาณาจักรการ์แลนด์ซึ่งเป็นประเทศข้างเคียง แล้วก็แต่งเข้าไปยังประเทศข้างเคียงที่ว่านั่นแล้ว จำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่าเคยคิดจะนำกองกำลังอัศวินวิหคดำบุกเข้าไปโจมตีราชอาณาจักรการ์แลนด์อยู่กี่ครั้ง
สำหรับริกฮาร์ดแล้ว เฮเลนาน้องสาวคนโตที่แม้อายุยี่สิบแปดแล้วก็ยังไม่ได้ตกเป็นของผู้ใดคือสิ่งเยียวยาเพียงหนึ่งเดียว
การมาแย่งสิ่งนั้นไป—ใครมันจะยกโทษให้ได้กัน
“จัดประชุมยุทธการกันเดี๋ยวนี้! ต่อให้เป็นจักรพรรดิก็ไม่สนแล้วเว้ย!”
“ค่าค่า ก็กะไว้แล้วว่าท่านต้องว่าแบบนั้น ก็เลยมีอีกอันหนึ่งค่ะ”
“ว่าไงนะ!?”
ทิฟฟานีกล่าวเช่นนั้นและยื่นสิ่งหนึ่งมาให้ มันคือจดหมายอีกฉบับหนึ่ง
ริกฮาร์ดที่กำลังเต็มไปด้วยความโกรธเหมือนกับจะต้มน้ำให้เดือดได้นั้นจึงรับจดหมายนั้นมา
จากนั้น—ก็ยิ้มกว้างอย่างเปล่งกระกาย
“โอ้!?”
“จากน้องสาวของท่าน คุณหนูอัลเบราค่ะ”
“ทำไมไม่ยื่นอันนี้มาให้ก่อนเล่ายัยบ้าเอ้ย!”
แม้จะตะโกนต่อว่าแบบนั้น แต่เพราะใบหน้ากำลังยิ้มไม่หุบจึงไม่มีความน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย
ริกฮาร์ดเปิดจดหมายนั้นแล้วอ่านดูอย่างตั้งใจ
“โอ โอ้……!”
ที่อยู่ตรงนั้นคือลายมือกลม ๆ ของอัลเบราที่เคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่เมื่อก่อน
เขียนไว้เพียงประโยคเดียวว่า—“เพราะท่านพี่คอยปกป้องแนวหน้าอยู่เช่นนั้น พวกดิฉันจึงอยู่ได้อย่างวางใจค่ะ”
ทันใดนั้นก็เหมือนมีพลังใจเปี่ยมล้นขึ้นมาทันที
“อัลเบรา—! พี่เองก็จะพยายามน้า!”
“ดีจังนะคะ”
“เพื่อน้องสาวแล้ว ข้าต่อสู้ได้ถึงไหนถึงกัน!”
“ถ้างั้นข้าก็ขอตัวก่อนนะคะ จะไปนครหลวงกับคนคุ้มกัน ฝากที่เหลือด้วยล่ะ”
“เชื่อมือได้เลย—!”
ริกฮาร์ดไม่รู้เลยว่า หลังจากทิฟฟานีหันหลังไปเธอได้แลบลิ้นออกมา
เวลาที่ริกฮาร์ดดูไม่มีกำลังใจทำอะไร ก่อนอื่นก็เตรียมจดหมายจากน้องสาวไปให้มันดูซะ นั่นคือเรื่องที่รู้กันทั่วไปในกองทัพ และยังมีอีกเรื่องว่าในบรรดาน้องสาวสามคนลายมือของอัลเบรานั้นมีเอกลักษณ์และลอกเลียนแบบได้ง่ายที่สุด
ใช่แล้ว
“……เอาเถอะ ไม่รู้ความจริงก็คงมีความสุขกว่าล่ะนะ”
จดหมายจากอัลเบราที่ริกฮาร์ดได้รับไปนั้น
ความจริงแล้วผู้ที่เขียนมันขึ้นมาก็คือทิฟฟานีนั่นเอง